2.4 ล้านล้านบาท เป็นตัวเลขมหาศาล หากบริษัทไหนทำรายได้ได้ขนาดนั้นรับรอง CEO รวยติดอันดับโลกแน่นอน แต่นี่คือตัวเลขของ SBU เดียวของบริษัทที่ชื่อว่า ‘ประเทศไทย’ เป็นตัวเลขรายได้จากการท่องเที่ยวในปี 2016 แบ่งเป็นไทยเที่ยวไทย 8 ล้านล้านบาท และต่างชาติเที่ยวไทย 1.6 ล้านล้านบาท การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวว่าตลาดที่น่าสนใจที่สุด 5 อันดับแรกในไตรมาสแรก ได้แก่ จีน จำนวน 2.43 ล้านคน มาเลเซีย จำนวน 9 แสนคน รัสเซีย จำนวน 4.6 แสนคน เกาหลีใต้ จำนวน 4.4 แสนคน และ ญี่ปุ่น จำนวน 3.9 แสนคน อัตราการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวแต่ละประเทศ เรียงมาคือ จีน รัสเซีย มาเลเซีย สหราชอาณาจักร และเกาหลีใต้ (ลองคิดดูว่าทำไมคนญี่ปุ่นมาเยอะ แต่ใช้จ่ายน้อย)
ในส่วนของนโยบายภาครัฐก็เดินหน้าใส่เกียร์สนับสนุนการท่องเที่ยวเต็มที่ เพราะถือเป็นรายได้หลักที่สำคัญของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการตั้งเป้าหมายเป็น ‘Quality Destination’ หรือแหล่งท่องเที่ยวคุณภาพ การลดค่าธรรมเนียม ‘visa on arrival’ จาก 2,000 บาท เหลือ 1,000 บาท แคมเปญ ‘12 เมืองต้องห้าม...พลาด’ และ ‘12 เมืองต้องห้าม...พลาด พลัส’ การตั้งเป้าหมายเป็น World Wedding Destination รวมถึงการเป็นเจ้าภาพจัดงานระดับโลกเช่น ‘World Travel & Tourism Council (WTTC) Global Summit’ ครั้งที่ 17 ในเดือนเมษายน และอีกมากมายหลายแคมเปญ
คำถามก็คือ “จะเป็นแบบนี้ได้นานเท่าไร?” หากเรายังได้ยินข่าวแหล่งปะการังถูกทำลาย ขยะบนบกลามลงไปถึงขยะในทะเล รถไฟตกราง เรือโดยสารล่ม รถไฟฟ้าขัดข้อง รวมไปถึงนักท่องเที่ยวถูกทำร้าย
Thailand 4.0 ได้ถูกถ่ายทอดแนวคิดไปยังทุกธุรกิจของประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรม 4.0 การศึกษา 4.0 แฟชั่น 4.0 หรือแม้แต่การท่องเที่ยว 4.0 ทุกภาคส่วนเข้าใจเรื่องการทำน้อยแต่ได้มาก การสร้างความมั่งคั่ง ยั่งยืน ตอนนี้อยู่ที่การนำไปปฏิบัติแล้วครับ
การนำไปปฏิบัติ (Implementation) นอกจากพึ่งพาภาครัฐแล้ว สิ่งที่ภาคธุรกิจเอกชนต้องคิด และทำอย่างจริงจัง คือ การ Integration ระหว่างธุรกิจอื่นๆ กับการท่องเที่ยว เพราะนักท่องเที่ยวไม่ได้มาเที่ยวอย่างเดียว คนที่เข้ามารักษาพยาบาลเราก็นับ ดังนั้น Medical Hub จึงต้องเชื่อมโยงกับการท่องเที่ยว หลายๆ โรงพยาบาลเปิดบริการห้อง Suite เพื่อรองรับการพักฟื้นของคนไข้ชาวต่างชาติ ธุรกิจสปาที่ประเทศไทยถือเป็นอันดับ 1 ของโลก Entertainment Destination อุตสาหกรรมบันเทิงไม่ว่าจะเป็นละครหรือภาพยนตร์ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามา ‘ตามรอย’ คอนเสิร์ตระดับโลกที่คนไทยจัดได้ดีมีนักท่องเที่ยวมาชมมากมาย การแข่งขันกีฬาระดับโลกหลายรายการที่มาจัดที่ประเทศไทย เช่นงานไตรกีฬา ภูเก็ตลากูน่า
ขออนุญาตนำเสนอแนวคิดง่ายๆ สไตล์ผมเพื่อให้ผู้ประกอบการนำไปปรับใช้กับธุรกิจท่องเที่ยว 4.0 หรือธุรกิจที่เกี่ยวข้องของท่านครับ โดยปกติเราคุ้นเคยกับ ABCD แต่วันนี้ผมขอนำเสนอ ‘DCBA’ ครับ
Discover ต้องค้นหา 2 อย่าง คือ ค้นหาความต้องการของลูกค้าหรือนักท่องเที่ยวว่าต้องการเข้ามาทำอะไร มาเที่ยว มารักษา ดูคอนเสิร์ต ตามรอยซีรีส์ ไนท์ไลฟ์ แอดเวนเจอร์หรือเน้นทัวร์กิน และค้นหาตัวเองว่าจังหวัดของเรา เมืองของเรา รีสอร์ทของเรามีจุดขายอะไรที่สามารถนำเสนอได้บ้าง บางที่เป็นธรรมชาติ บางที่เป็นประวัติศาสตร์ บางที่เป็นวัฒนธรรม บางที่เป็นอาหาร ต้องค้นหาให้เจอครับ
Creative ความคิดสร้างสรรค์ใครๆ ก็รู้จัก แต่คิดไม่ออกจะทำอย่างไร บอกให้ 4 คำครับ ‘แปลก อลังการ มีเรื่องราว ได้มาตรฐาน’ การเป็น 4.0 ต้องเน้นเรื่องนี้ ถ้าทำกันแบบเดิมๆ เชื่อได้ว่าทรัพยากรธรรมชาติก็จะหมดไปเรื่อยๆ Resource is limited, Creativity is unlimited. Resource is out of control, Creativity is not. ผู้ประกอบการต้องหาจุดขายที่แปลกใหม่ หาความอลังการที่นักท่องเที่ยวร้องว้าว!!! ให้ได้ ทุกอย่างที่เป็นจุดขายต้องมีเรื่องราว การสร้าง Story ต้องมี และเล่าให้เป็น ที่สำคัญทุกจุดต้องมีมาตรฐาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความสะอาด การบริการ และความปลอดภัย
Build หลายท่านบอกว่าก็จังหวัดเราไม่มีอะไรจะขาย โรงแรมเราไม่มีจุดเด่นอะไร สร้างสิครับสร้าง พระเจ้าไม่ได้สร้างสิ่งน่าสนใจให้ทุกคน บางอย่างเราต้องสร้างเอง บุรีรัมย์สร้างสนามฟุตบอล I-Mobile Stadium สนามแข่งรถ Chang International Circuit ที่อลังการ และได้มาตรฐานโลก เราสร้างได้หลายอย่างนะครับ สนามกีฬา คอนเสิร์ตฮอลล์ หน้าผาจำลอง สวนสนุก สวนสัตว์ ศูนย์ประชุมมาตรฐาน ศูนย์แสดงสินค้าหรือแม้แต่ตลาดโรงเกลือก็ถูกสร้างไว้ดึงดูดนักท่องเที่ยวใช่ไหมครับ
Activity กิจกรรมต่างๆ ต้องมี อย่าให้นิ่งครับ ต้องหากิจกรรมอยู่เสมอ การสร้าง Event Marketing หรือกิจกรรมพิเศษ ต้องถูกวางแผนกันตลอดทั้งปี
ผมมีโอกาสพูดคุยกับผู้บริหารของรีสอร์ท ที่ติดอันดับโลก ‘ศิลาวดีรีสอร์ท’” ซึ่งได้พูดคุยกับ 3 พี่น้องหญิงเก่ง คุณจรรยาพร, คุณชลลดา และคุณพรรณนภา สุนทรวสุ ทุกท่านช่วยกันดูแลรีสอร์ทที่ คุณณรงค์ศักดิ์ สุนทรวสุ มีดำริสร้างขึ้นบนเกาะสมุยในช่วงที่สมุยยังไม่ได้เต็มอิ่มไปด้วยนักท่องเที่ยวเช่นในขณะนี้ แต่ทั้ง 3 ท่านก็ช่วยกันดำเนินธุรกิจจนสามารถสร้างแบรนด์ศิลาวดีให้อยู่ในใจนักท่องเที่ยวทั่วโลกได้ (รางวัล World Luxury Hotel Award ระดับ Winner)
“คิดว่าศิลาวดีประสบความสำเร็จแล้วหรือยัง”
คุณจรรยาพร: “เราประสบความสำเร็จในแง่ของความตั้งใจ เพราะคุณพ่อต้องการทำรีสอร์ท ของคนไทย โดยคนไทยให้เป็นที่รู้จักของคนต่างชาติ โดยที่ไม่ใช้เชนจากต่างประเทศเข้ามาบริหาร ในแง่ของอัตราการเข้าพักถือว่าเป็นที่น่าพอใจมาก เรามีอัตราการเข้าพัก (Occupancy Rate) ในระดับสูง รวมถึงอัตราการมาพักซ้ำ (Re-visit Rate) ที่สูงเช่นกัน ต้องขอบคุณลูกค้าที่ชอบเรา รักเรา และบอกต่อๆ กันค่ะ”
“ในมุมมองของผู้ประกอบการคิดว่า การท่องเที่ยว4.0 ต้องเป็นอย่างไร”
คุณชลลดา: “การท่องเที่ยวเป็นภาพใหญ่ที่สำคัญของประเทศไทย ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันตั้งแต่การควบคุมดูแลผู้ประกอบการและธุรกิจเกี่ยวข้อง การให้การศึกษาโดยเฉพาะด้าน Hospitalily and Tourism ที่เรายังผลิตบุคลากรได้ไม่เพียงพอ รวมไปถึงการดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว เพราะสิ่งนี้เป็นเรื่องของความเชื่อมั่นต่อการท่องเที่ยวของประเทศ ทราบว่ารัฐบาลมีการเพิ่มจำนวนตำรวจท่องเที่ยว มีการติดตั้งกล้องวงจรปิดเพิ่มใน 3 เกาะนับว่าดีมาก การนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยอำนวยความสะดวก รวมทั้งสนับสนุน Startup ก็ต้องทำควบคู่กันค่ะ”
“สำหรับรีสอร์ท ที่ติดอันดับโลก มีการวางแผนเป็นรีสอร์ท สำหรับการท่องเที่ยว4.0 อย่างไร”
คุณพรรณนภา: “สิ่งที่ศิลาวดีทำมาตลอดตั้งแต่เริ่มสร้างรีสอร์ท คือการรักษาสิ่งแวดล้อม การต่อยอดให้เป็น 4.0 เรื่อง Sustainable สำคัญมาก เพราะธรรมชาติจะอยู่กับเราในระยะยาวถ้าเราช่วยกันดูแล Shared Experience เราไม่ได้ให้บริการแค่ห้องพักแต่เราให้ประสบการณ์ที่ดีในทุกส่วนของเรา ทำให้เราเป็นที่รู้จักทั่วโลก และ Service แบบไทยที่เป็นมาตรฐานโลก เมื่อทำได้แบบนี้เราก็จะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับการท่องเที่ยวได้ค่ะ”
ท่องเที่ยว 4.0 เป็นเรื่องของทุกคนในประเทศ ช่วยกันทำ ช่วยกันเป็นเจ้าบ้านที่ดี ช่วยกันรักษาสิ่งแวดล้อม เพื่อความยั่งยืนที่ไม่ใช่แค่การท่องเที่ยว แต่ยั่งยืนทั้งประเทศไทยครับ
ผู้เขียน // อ.วีรพล สวรรค์พิทักษ์
ที่ปรึกษา นักวางแผนกลยุทธ์ทางการตลาด และวิทยากรมืออาชีพ
MarketPlus Magazine Issue April 2017