เคยวาดฝันกันหรือไม่ ถ้าคุณมีรายได้เป็นร้อยล้านบาทต่อปีจะเป็นอย่างไร ต้องผ่านอะไรบ้างกว่าจะไปถึง และรู้หรือไม่ว่ามีแบรนด์เครื่องแกงไทยที่กวาดรายได้จากต่างประเทศต่อปีเกือบ 200 ล้านบาท โดยใช้คติการทำงานที่ว่า Don’t say it’s impossible. Make It comes possible. แบรนด์นั้นก็คือแบรนด์ Blue elephant ภัตตาคารชื่อดังที่สื่อต่างชาติยกย่องให้เป็น The Taste of Thailand และตัวแทนสินค้าอาหารพรีเมียมจากประเทศไทย เราไปสำรวจกลยุทธ์ของ เชฟนูรอ โซ๊ะมณี สเต็ปเป้ เจ้าของแบรนด์กันว่าที่มาถึงทุกวันนี้ต้องผ่านอะไร และใช้กลยุทธ์ใดบ้าง
ย้อนกลับไปเมื่อ 37 ปีก่อน แบรนด์ Blue elephant เริ่มจากภัตตาคารอาหารไทยตำรับชาววังที่ฝรั่งเศสจนขยายต่อไปในหลายประเทศรวมถึงประเทศไทย และด้วยความที่มีหลายสาขาจึงต้องควบคุมคุณภาพและรสชาติให้เหมือนกัน ทำให้เกิด “บลูสไปซ์จ” ผลิตภัณฑ์เครื่องแกงรสชาติจัดจ้านคุณภาพเยี่ยมที่ส่งไปตามสาขาต่างๆ ซึ่งได้รับผลตอบรับดี ผู้บริโภคต่างเรียกร้องที่จะทำแกงให้รสชาติเหมือนภัตตาคาร Blue elephant ด้วยตนเอง จึงมีการจัดจำหน่ายทั้งแบบ B2B และ B2C ด้วย จนทุกวันนี้ใครจะเชื่อว่า “เครื่องแกงบลูสไปซ์จ” จะได้จัดจำหน่ายตามห้างสรรพสินค้าทั่วโลกกว่า 32 ประเทศ
“เราได้เปรียบเรื่องภาพลักษณ์และรสชาติความอร่อยของอาหารไทยอยู่แล้ว เพราะหลายคนบอกว่าอาหารไทยมีเอกลักษณ์ มีรสชาติหลากหลายและสมดุลในหนึ่งจาน กินแล้วจึงอยากกลับมากินอีกเรื่อยๆ เมื่อผสานกับเครื่องแกงรสชาติจัดจ้าน ไม่หวงเครื่อง และใส่สมุนไพรแห้งที่ให้ความหอม ซึ่งเป็นสูตรเด็ดของเรา อย่างแกงเหลืองเจ้าอื่นจะมีกลิ่นแรง แต่ของเรากลิ่นนัวหอมสมุนไพร รวมทั้งยังใส่ในบรรจุภัณฑ์ที่มีการออกแบบให้ร่วมสมัย ทำให้คนที่ได้ลิ้มลองส่วนใหญ่ร้อง WOW! Blue Elephant กันหลายคน”
ในภาพลักษณ์ที่ดีเรื่องความอร่อยของอาหารไทย กลับซ่อนความท้าทายไว้อย่างเต็มรูปแบบ เริ่มตั้งแต่การหาวัตถุดิบคุณภาพที่ดีที่สุดจากโครงการหลวง ได้แก่ ข่า ตะไคร้ พริกขี้หนูจินดา พร้อมกันนั้นต้องคัดกรอง Supplier ที่ไว้ใจได้ เช่น น้ำตาลต้องฝีมือชาวบ้านที่อัมพวา เป็นต้น ต่อมาคือขั้นตอนการผลิตที่ต้องมีระบบ QC ตรวจในทุกขั้นตอนอย่างละเอียด เพื่อให้ได้คุณภาพและมาตรฐานตรงตามที่ต้องการ
“คุณภาพที่ต้องการและมีมาตรฐานที่ตั้งไว้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยถ้าเราไม่ได้ตั้งใจทำ เราเชื่อว่าทุกสิ่งที่ทําด้วยใจ มักสร้างสิ่งที่ดีกว่าเสมอ ซึ่งไม่ใช่แค่เราที่ใช้ใจ แต่ทีมงานของเราก็ไม่ต่างกัน เรามีทีมทำงานที่ดี ทุกคนที่สร้างงานล้วนทำด้วยใจ ดังนั้นจึงต้องใส่ใจในทีม เช่น การทำประกันสุขภาพกลุ่มและอุบัติเหตุ เพื่อให้เขาอุ่นใจที่อยู่กับเรา”
สิ่งหนึ่งในการสร้างแบรนด์ให้มั่นคงและได้รับการยอมรับในระดับสากลก็คือการพัฒนาแบรนด์ ตลอดเวลา พร้อมทั้งรางวัลหรือมาตรฐานที่เป็นเครื่องการันตีซึ่งเป็นใบเบิกทางการส่งออกสินค้าชั้นดีในสหภาพยุโรป
“เราก้าวผ่านอุปสรรคการส่งออกที่หลายคนก้าวออกไปไม่ได้ ด้วยเครื่องหมายรับรองหรือรางวัลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Best Exporter จาก Thai Select และมาตรฐาน BRC ซึ่งเป็นระบบการรับรองการผลิตอาหารที่ขายในประเทศแถบยุโรป รวมถึงตราการันตี T Mark ที่สร้างความน่าเชื่อถือในระดับสากล ซึ่งเราติดตราสัญลักษณ์นี้ในทุกผลิตภัณฑ์ของเรา”
เมื่อดูให้ดีแล้วไม่ใช่แค่ Blue elephant เท่านั้นที่ตรา T Mark ช่วยสนับสนุนและช่วยเสริมความเชื่อมั่นในการส่งออก แต่ยังมีแบรนด์ไทยมีมากมาย อาทิ Panpuri, Deesawat, Ayodhya, Qualy, Kenkoon, Labrador, Sabai-arom, Ranong tea, Thann, Chaokoh เป็นต้น ที่ใช้ T Mark เป็นใบเบิกทางในตลาดระดับโลกและสำเร็จมาแล้ว ซึ่งหากใครที่ใฝ่ฝันที่จะกวาดรายได้เป็นร้อยๆ ล้านแบบบลูเอเลเฟ่นท์ บ้าง T Mark อาจเป็นอีกตราสัญลักษณ์หนึ่งของรัฐบาลไทยที่ช่วยคุณได้
รายละเอียดเพิ่มเติม
www.thailandtrustmark.com
Facebook : THAILAND TRUST MARK