พฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วของผู้บริโภค-คนรุ่นใหม่กลายเป็นแรงกดดันสำคัญที่ทำให้ทั้งแบรนด์สินค้าและร้านค้าปลีกต้องมีการปรับตัว เพื่อตามให้ทันกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น....โดยเฉพาะในมุมการที่สินค้ามีอายุสั้นลง อันเป็นผลมาจากความเบื่อง่ายของลูกค้า ที่ถูกเพาะบ่มพฤติกรรมมาจากการผลักดันของแบรนด์สินค้าที่นำเรื่องของความเป็นแฟชั่นเข้ามาเป็นตัวขับเคลื่อนตลาด ทำให้วัฏจักรชีวิตของสินค้าหลายๆ ตัวมีอายุสั้นลง
ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้เราเห็นร้านค้าปลีกประเภทใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นมารับกับพฤติกรรมหรือไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปดังกล่าว อย่างร้านค้าปลีกประเภทไลฟ์สไตล์จิปาถะ ที่วันนี้ ร้านดังอย่าง Daiso จากญี่ปุ่น หรือร้าน MR.D.I.Y เชนร้านไลฟ์สไตล์จิปาถะสัญชาติมาเลเซีย ที่เข้ามาเติบโตค่อนข้างดีในบ้านเรา เป็นต้น
เหตุผลสำคัญที่ทำให้ร้านค้าปลีกเซ็กเมนต์นี้ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ส่วนหนึ่งมาจาก การเลือกวางขายสินค้าที่หลากหลาย ในราคาไม่แพงนัก โดยเฉพาะ การเลือกใช้กลยุทธ์ราคาแบบ One Price ที่สามารถควักเงินซื้อได้ง่าย อย่างกรณีของร้าน Daiso ที่ได้ชื่อว่าเป็นร้าน 100 เยน แม้การเข้ามาทำตลาดในบ้านเรา จะมีราคาขายมากกว่าร้านที่ประเทศต้นแบบอย่างญี่ปุ่น 2 เท่า ซึ่งเป็นไปตามต้นทุนของการนำเข้าสินค้า แต่ราคาก็ยังสามารถจับต้องได้ เป็นต้น
การมีสินค้าในร้านที่นอกจากราคาเข้าถึงง่ายแล้ว ยังเน้นความหลากหลาย ครอบคลุมตั้งแต่ของใช้ภายในบ้าน, ของใช้ในชีวิตประจำวัน, ของตกแต่งบ้าน, เครื่องครัว, เครื่องเขียน, เครื่องสำอาง, สินค้าไลฟ์สไตล์หมวดหมู่ต่างๆ ไปจนถึงอุปกรณ์ทำสวน ซึ่งสามารถตอบโจทย์การซื้อสินค้าของลูกค้าได้เป็นอย่างดี และการที่สินค้าในกลุ่มนี้ เป็นสินค้าที่มีวัฏจักรของสินค้าที่สั้นลง ทำให้การซื้อสินค้าหมุนเวียนของลูกค้ามีอย่างต่อเนื่อง นั่นคือเหตุผลที่ทำให้ร้านค้าประเภทนี้มีการเติบโตค่อนข้างดีในช่วงที่ผ่านมา
ถอดบทเรียนความสำเร็จ ของ MR.D.I.Y
ร้านค้าปลีกรายใหญ่จากประเทศมาเลเซียรายนี้ เริ่มก่อตั้งในปี 2548 จุดเริ่มต้นมาจากทางผู้บริหารมองเห็นว่าตลาดที่ประเทศมาเลเซียมีผู้บริโภคที่ต้องการซ่อมบ้านด้วยตัวเองอยู่เยอะ ปกติแล้วต้องหาซื้ออุปกรณ์จากหลายๆ ร้าน ทำให้ไม่สะดวก จึงคิดว่าทำร้านค้าที่รวมของในที่เดียว ในตอนแรกเน้นสินค้าฮาร์ดแวร์ก่อน พวกอุปกรณ์ซ่อมบ้าน อุปกรณ์ไฟฟ้าขนาดเล็ก จากนั้นก็ได้รับผลตอบรับดีมีการบอกต่อกัน มีทั้งกลุ่มพ่อบ้านแม่บ้านเข้าร้าน ตอนหลังจึงเพิ่มสินค้าในกลุ่มอื่นๆ เข้ามา และมีการขยายสาขาอย่างรวดเร็วจนมีสาขาครอบคลุมทั่วมาเลเซียมากกว่า 500 สาขา
หากจะนึกภาพตามแล้ว จะพบว่า ร้าน MR.D.I.Y. ก็คือร้านค้าที่คล้ายๆ กับร้านทุกอย่าง 20 บาทที่กระจายอยู่ในบ้านเรา โดยมีการนำเสนอสินค้าในร้านมากกว่า 20,000 รายการ ส่วนใหญ่นำเข้าจากประเทศจีน จึงได้ราคาต้นทุนที่ต่ำ สามารถนำมากำหนดราคาขายได้ไม่สูงนัก
MR.D.I.Y ขยายสาขาเข้ามาเปิดในบ้านเราสาขาแรกที่ซีคอนสแควร์ เมื่อปี 2559 เป็นการชิมลาง ก่อนพบจุดลงตัว และเดินหน้าขยายสาขาด้วยโมเดลของสาขาหลากหลายรูปแบบทั้งไซส์ขนาดใหญ่ กลาง และเล็ก โดยเฉพาะไซส์เล็ก ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อเปิดสาขาในอาคารสำนักงานหรือชุมชนต่างๆ โดยเรียกสาขาในโมเดลนี้ว่า ‘มิสเตอร์ ดี.ไอ.วาย.เอ็กซ์เพรส’
ทำให้ขยายสาขาครอบคลุมทั่วประเทศมากกว่า 500 แห่งในไทย จากปัจจุบันมีสาขารวมกว่า 400 สาขา เป็นอันดับ 2 ภูมิภาคเอเชีย พร้อมเล็งเปิดแฟล็กชิปสโตร์สาขาแรกกลางปี โดยยังคงอัดแน่นด้วยสินค้าคุณภาพกว่า 18,000 รายการ จาก 10 หมวดหมู่ สำหรับแฟล็กชิปสโตร์นี้ถูกออกแบบในคอนเซปต์ที่เรียบง่าย พร้อมการตกแต่งสไตล์โมเดิร์น และทางเดินที่ใหญ่ขึ้นเพื่อให้ลูกค้าได้เลือกซื้อสินค้าได้อย่างสะดวกสบาย
ครั้งหนึ่งผู้บริหารของ MR.D.I.Y. ประเทศไทย เคยออกมาให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า
“ตลาดประเทศไทยใหญ่เป็นอัน 2 รองจากมาเลเซีย เพราะตลาดมีศักยภาพ และกำลังซื้อคนไทยสูง รวมถึงพฤติกรรมคนไทย ซื้อง่ายขายคล่อง ถ้าราคาไม่สูง ชอบสินค้าที่มีคุณภาพ ราคาไม่แพง เมื่อเราควบคุมในราคาต่ำสุดได้ ทำให้ตีตลาดได้ง่าย”
ด้วยความที่เป็นตลาดขนาดใหญ่ และ MR.D.I.Y.เอง ก็เริ่มมีจำนวนสาขาที่มีสเกลมากพอ ทำให้ในระยะยาว ความหมายของความเป็นร้านไลฟ์สไตล์จิปาถะของผู้เล่นรายนี้อาจจะครอบคลุมไปถึงการขายสินค้า FMCG รวมถึงสินค้าประเภทอาหาร ซึ่งเป็นแผนในอนาคตอันใกล้ที่เราน่าจะได้เป็นเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น
เซ็นทรัล รีเทล เอาด้วย ส่ง ‘go! WOW’ ร่วมแจม
ด้วยความที่เป็นยักษ์ใหญ่ในธุรกิจค้าปลีกของกลุ่มเซ็นทรัล จึงไม่พลาดที่จะมองหาโอกาสทางธุรกิจจากค้าปลีกเซ็กเมนต์ใหม่ๆ ที่มีการเติบโตที่ดี และนั่นคือเหตุผลของการเปิดตัวร้าน go! WOW ร้านค้าปลีกในคอนเซปต์วาไรตี้ สโตร์ ที่จำหน่ายสินค้าเบ็ดเตล็ด ของใช้ภายในบ้าน และของใช้ในชีวิตประจำวันมากกว่า 14,000 รายการ ในราคาเริ่มต้น 5 บาท
สุทธิสาร จิราธิวัฒน์ ประธานรรมการบริหาร บริษัทซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด บริษัทในเครือเซ็นทรัล รีเทล เผยถึงการเปิดตัวธุรกิจใหม่ร้าน go! WOW ว่า
“ซีอาร์ซี ไทวัสดุ เริ่มต้นมาจากธุรกิจสินค้าเพื่อบ้านไม่ว่าจะเป็นไทวัสดุ หรือ บีเอ็นบี โฮม (บ้านแอนด์บียอนด์เดิม) สินค้าของเราต้องบอกว่า แทบจะครอบคลุมทุกอย่างที่เกี่ยวกับบ้าน ตั้งแต่ขั้นตอนก่อสร้าง ปรับปรุงซ่อมแซม จนถึงการตกแต่งบ้าน ที่เราคัดสรรสินค้าเพื่อสนองความต้องการของลูกค้าได้ครบวงจร แต่เรายังไม่หยุดพัฒนาธุรกิจ บนกระแสสินค้า Home Convenient ที่กำลังมาแรง
เราจึงคิดต่อยอดว่า ในเมื่อเราทำธุรกิจสินค้าเพื่อบ้านแล้ว มีสินค้าอะไรที่คนเราต้องซื้อเข้าบ้าน ซื้อได้บ่อยๆ ทุกเพศทุกวัย ในราคาที่จับต้องได้ ตอบโจทย์ต่อการใช้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งนั่นก็คือ สินค้าเบ็ดเตล็ด จึงเป็นที่มาของร้าน go! WOW (โก! ว้าว) สินค้าที่มีคุณภาพ เติมเต็มความต้องการถึงแม้จะไม่ได้ตั้งใจมาซื้อ แต่ถ้าหากได้แวะ โก! ว้าว แล้ว น่าจะต้อง ว้าวกับราคาสินค้าที่เริ่มต้นเพียง 5 บาท จนได้ของติดไม้ติดมือกลับบ้านไป”
ร้าน go! WOW มาพร้อมสีสันสีแดงสะดุดตา และชื่อที่สั้นกระชับ จดจำง่าย มีไลน์สินค้ากว่า 14,000 รายการ แบ่งแยกตามหมวดหมู่ ดังนี้ เครื่องเขียน-งานฝีมือ, เสริมความงาม, ไฟฟ้า-แสงสว่าง, ของแต่งบ้าน, ของขวัญ, ทำความสะอาด-ซักรีด, เครื่องมือช่าง, อุปกรณ์ห้องน้ำ, ของเล่น, อุปกรณ์จัดเก็บ, ประดับยนต์, จัดแต่งสวน, อุปกรณ์กีฬา, เครื่องครัว, ไอที และ ท่องเที่ยว-เดินทาง พบสินค้าที่หลากหลาย ครบครันทุกความต้องการ คุ้มค่า ในราคาถูกที่สุด ตามสโลแกนที่ว่า ‘ของใช้น่าช้อป ใครๆ ก็ โก! ว้าว’
go! WOW เปิดให้บริการแล้วจำนวน 14 สาขา ทั้งในกรุงเทพ และต่างจังหวัด ได้แก่ เซ็นทรัลพลาซา แจ้งวัฒนะ ชั้น 3, เซ็นทรัลพลาซา บางนา ชั้น 5, โรบินสัน ลาดกระบัง ชั้น 2, บีเอ็นบี โฮม (บ้านแอนด์บียอนด์) ราชพฤกษ์ ชั้น 1, อิมพีเรียลเวิลด์ สำโรง ชั้น 3, ซีคอนสแควร์ ศรีนครินทร์ ชั้น B, บิ๊กซี สุขาภิบาล3 ชั้น 1, เซ็นทรัลพลาซา อยุธยา ชั้น 1, บีเอ็นบี โฮม (บ้านแอนด์บียอนด์) เชียงใหม่ แอร์พอร์ต ชั้น 1, บีเอ็นบี โฮม (บ้านแอนด์บียอนด์) ขอนแก่น ชั้น 1, เซ็นทรัลพลาซา ศรีราชา ชั้น 1, โรบินสัน สุพรรณบุรี ชั้น 1, โรบินสัน บ่อวิน ชั้นใต้ดิน และ โรบินสัน ศรีราชา ชั้น 4
การเปิดตัวร้าน go! WOW ของเซ็นทรัล รีเทล ในครั้งนี้ อยู่บนจุดแข็งของการมีเครือข่ายสนับสนุนที่ดี โดยเฉพาะกับการมีศูนย์การค้า รวมถึงร้านค้าปลีกในเครือเซ็นทรัล ที่พร้อมจะเข้ามาเป็นโลเกชั่นสำคัญในการขยายสาขา ถือเป็นโลเกชั่นที่ถูกปรู๊ฟมาในเบื้องต้นว่าเป็นโลเกชั่นที่ดี มีทราฟิกหรือลูกค้าหมุนเวียนในจำนวนมาก
สิ่งที่น่าจับตามองก็คือ เซ็นทรัลรีเทล น่าจะใช้โมเดลของร้าน go! WOW ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาในบ้านเรา เป็นต้นแบบในการขยายสาขาออกไปยังประเทศในกลุ่มอาเซียน โดยเฉพาะกับตลาดเวียดนามที่เซ็นทรัลรีเทลมีฐานตลาดที่แข็งแกร่งรองรับอยู่
ก่อนหน้านั้น เซ็นทรัลรีเทล ก็ใช้ค้าปลีกในกลุ่มฮาร์ดไลน์ เป็นฐานสำคัญในการขยายธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องโดยอาศัยเครือข่ายของร้านไทวัสดุที่มีอยู่เป็นจำนวนมากเป็นแรงส่งที่สำคัญ อย่างตัว ออโต้วัน และ วีฟิกซ์ ซึ่งเป็นร้านฟาสต์ฟิต หรือศูนย์บำรุง รักษารถยนต์ ที่เริ่มมีการนำระบบแฟรนไชส์เข้ามาใช้เป็นตัวช่วยในการขยายสาขาในปัจจุบัน การขยับตัวเข้ามาเล่นในตลาดค้าปลีกไลฟ์สไตล์จิปาถะของเซ็นทรัลรีเทลในครั้งนี้ เป็นอีกภาพสะท้อนถึงแนวโน้มของตลาดค้าปลีกประเภทนี้ว่ามีอนาคตสดใสแค่ไหน
แน่นอนว่า สิ่งที่ตามมาก็คือ การแข่งขันที่รุนแรงขึ้น ซึ่งใครมีความพร้อมด้านเครือข่าย ย่อมจะได้เปรียบในเชิงการแข่งขัน.....