เบทาโกร เปิดเกมรุกธุรกิจ เผยแผนกลยุทธ์ POWERING CHANGE ปรับองค์กรสู่การทรานสฟอร์มครั้งใหญ่ใน 5 ไดเมนชั่น พร้อมรับมือความท้าทายและสร้างความมั่นคงทางอาหาร และเศรษฐกิจให้เกิดขึ้น โดยการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมอาหารคุณภาพสูงที่มีความหลากหลาย ภายใต้ ความปลอดภัยทางชีวภาพในการผลิต รวมถึงผลิตภัณฑ์ทางเลือกใหม่ออกสู่ตลาด คู่ขนานกับการขยายช่องทาง การจัดจำหน่ายบนอีคอมเมิร์ซ และร่วมลงทุนกับพันธมิตรในธุรกิจสตาร์ตอัป เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันและยกระดับอุตสาหกรรมให้มุ่งสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน
นายวสิษฐ แต้ไพสิฐพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า
ภายใต้สถานการณ์ความเคลื่อนไหวในระดับโลก ที่ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจทั่วโลกในหลายอุตสาหกรรม ทั้งการแพร่ระบาดของ COVID-19 เข้าสู่สถานประกอบการ การกลายพันธุ์ของไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน ซึ่งระบาดและติดเชื้อได้ง่าย สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครนที่ยังคงยืดเยื้อ สองปัจจัยหลักนี้นอกจากจะส่งผลโดยตรงต่อต้นทุนการผลิตสินค้าและบริการที่เพิ่มขึ้นแล้ว ยังเป็นปัจจัยเร่งสำคัญที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค รวมถึงการเฝ้าาระวังโรคระบาดในสัตว์ที่อาจเกิดขึ้น ความคาดหวัง ของผู้บริโภคที่มีต่อธุรกิจในการเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาที่ยั่งยืน และการกำหนดดัชนีชี้วัดเชิงคุณภาพความสำเร็จของธุรกิจแบบใหม่ที่ให้ความสำคัญกับบริบททางสังคมควบคู่กับการเติบโตในเชิงตัวเลข ปัจจัยเหล่านี้ ยังคงเป็นความท้าทายที่ส่งผลกระทบ ต่อภาคเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม และสังคมอย่างต่อเนื่อง
เพื่อให้สอดคล้องกับความท้าทาย พฤติกรรม และความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ภาคธุรกิจในอุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร จึงต้องมองหาโอกาสบนความท้าทายของการเปลี่ยนแปลง เพื่อต่อยอดธุรกิจใหม่ ๆ เบทาโกรในฐานะธุรกิจในอุตสาหกรรมที่คำนึงถึงการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน จึงยังคงให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการพัฒนาระบบความปลอดภัยทางชีวภาพในการผลิต เพื่อส่งมอบอาหารที่มีคุณภาพและความปลอดภัยสู่ผู้บริโภค ทั้งในด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์เนื้อหมูให้มีคุณภาพดียิ่งขึ้น ปลอดสารเคมีและสารปฏิชีวนะที่จะเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค รวมถึง การจัดการระบบห่วงโซ่อุปทานผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรและอาหารให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมกับเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายให้เข้าถึงและสอดรับกับความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป
นายวสิษฐ กล่าวต่อว่า ในปีนี้บริษัทยังคงเดินหน้าพัฒนาอย่างต่อเนื่องในทุกๆ ด้าน เพื่อสนับสนุนให้ผู้คนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยได้วางกลยุทธ์เพื่อการขับเคลื่อนธุรกิจ ภายใต้แนวคิด “POWERING CHANGE” ด้วยการผนึกกำลังทั้งองค์กรในการสร้างการเปลี่ยนแปลงภายใน ให้พร้อมรับมือกับความท้าทายและสร้างความมั่นคงทางอาหารและเศรษฐกิจให้เกิดขึ้น โดยมีกรอบการขับเคลื่อนใน 5 ด้านสำคัญ ได้แก่
บริษัทให้ความสำคัญกับการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยนำหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียนมาใช้เป็นกรอบการดำเนินงาน ด้านสิ่งแวดล้อม ทั้งการบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ การส่งเสริมพลังงานสะอาด ได้แก่ การใช้พลังงานทดแทนจากเทคโนโลยีพลังงานแสงอาทิตย์สำหรับอาคารและโรงงาน การจัดการของเสียด้วยการใช้พลังงานจาก ชีวมวลจากการผลิตปศุสัตว์ และการลดขยะจากบรรจุภัณฑ์ใช้แล้วทิ้งในสำนักงานและกระบวนการผลิต ส่งเสริมให้มี การประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นต์ขององค์กรและผลิตภัณฑ์ ขณะที่การทำงานด้านสังคม บริษัทได้ขับเคลื่อนโครงการพัฒนาชุมชนเชิงพื้นที่แบบองค์รวม ซึ่งเป็นแนวคิดในการร่วมพัฒนาชุมชนให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน
ด้วยความมุ่งมั่นและการดำเนินธุรกิจที่มีประสิทธิภาพ แม้ช่วงปี 2564 จะมีปัจจัยแวดล้อมทั้งภายในและภายนอกประเทศที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจมากมาย แต่ผลประกอบการสิ้นสุด ณ 31 ธันวาคม 2564 บริษัทมียอดรายได้จำนวน 85.4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.6% เมื่อเทียบกับปี 2563 ที่มีรายได้ 80.1 พันล้านบาท โดยเป็นการเติบโตทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศควบคู่กัน แบ่งเป็นสัดส่วนรายได้จากกลุ่มธุรกิจเกษตร 29% กลุ่มธุรกิจอาหารและโปรตีน 63.4% กลุ่มธุรกิจต่างประเทศ 5.7% กลุ่มธุรกิจสัตว์เลี้ยง 1.8% และกลุ่มธุรกิจอื่นๆ 0.1% โดยการเติบโตของรายได้ที่เพิ่มขึ้นมาจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นจากทุกธุรกิจ ทั้งธุรกิจเกษตร ธุรกิจอาหารและโปรตีน ธุรกิจสัตว์เลี้ยง รวมถึงธุรกิจในต่างประเทศที่มีการขยายกำลังการผลิตทั้งในประเทศลาวและกัมพูชา
“เบทาโกรเชื่อว่า ทุกคนต้องมีทางเลือกที่ดีกว่า และสามารถเข้าถึงอาหารที่มีคุณภาพ มีความปลอดภัยที่มากขึ้น ในราคาที่เป็นธรรม เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยสำคัญของชีวิต และเป็นรากฐานของการพัฒนาที่ยั่งยืน แนวคิดนี้ คือแรงบันดาลใจการขับเคลื่อนธุรกิจของเรา ซึ่งไม่เพียงแต่ส่งมอบผลิตภัณฑ์อาหารและบริการเพื่อสนับสนุนให้ผู้คนมีสุขภาพที่ดีตราบเท่าที่พวกเขามีชีวิตอยู่ แต่ยิ่งไปกว่านั้น คือการเป็นส่วนหนึ่งในการยกระดับอุตสาหกรรมอาหาร ซึ่งต้องทำอย่างมุ่งมั่นและต่อเนื่องต่อไป” นายวสิษฐ กล่าวทิ้งท้าย