แนวคิดในการทำศูนย์การค้าในนามของกลุ่มเซ็นทรัลตามคำบอกเล่าของ...คุณพงศ์ ศกุนตนาค กรรมการผู้จัดการใหญ่ สายพัฒนาธุรกิจ กลุ่มเซ็นทรัล นั้น จะยึดหลัก 2 กลยุทธ์สำคัญ โดยเริ่มจาก
ข้อแรก ศูนย์การค้าที่ทำจะต้องมีความแตกต่างจากศูนย์การค้าที่บริษัทในเครือของกลุ่มเซ็นทรัลทั้ง 2 รายคือเซ็นทรัลพัฒนา และเซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่นทำ และ
ข้อสอง ธุรกิจศูนย์การค้าที่ทำในนามของกลุ่มเซ็นทรัล จะต้องสามารถทำกำไรได้ ทำให้เราได้เห็น การทำศูนย์การค้าที่แตกต่างออกไปของกลุ่มเซ็นทรัล
โดยปัจจุบันกลุ่มเซ็นทรัลมีศูนย์การค้าภายใต้การบริหารของตัวเองอยู่ทั้งหมด 11 ศูนย์ คือ ศูนย์การค้าไชน่าเวิลด์ วังบูรพา, หัวหมาก ทาวน์เซ็นเตอร์ มาร์เก็ตเพลส, วงศ์สว่าง บ้านสีลม, จิวเวลรีเทรด เซ็นเตอร์ สีลม,ท็อปส์ มาร์เก็ตเพลส อุดมสุข, แพลตฟอร์ม วงเวียนใหญ่, เซ็นทรัล สีลม ทาวเวอร์, จริงใจ มาร์เก็ต เชียงใหม่, ปอร์โต เดอร์ ภูเก็ต และล่าสุดที่เพิ่งประกาศเปิดตัวโครงการไปคือ วงศ์อำมาตย์ บีช วิลเลจ พัทยา
ส่วนการลงทุนทำโครงการใหม่ๆ ปกติจะใช้เวลาในการเปิดตัวโครงการใหม่ประมาณ 2 – 3 ปีต่อ 1 โครงการ ซึ่งโครงการล่าสุดที่ทำไปเมื่อ 2 ปีที่แล้วคือ ปอร์โต เดอร์ ภูเก็ต แต่เกิดการระบาดของโควิด – 19 จึงต้องปิดให้บริการไปบางช่วง เริ่มกลับมาเปิดให้บริการอย่างเต็มตัวเมื่อเร็วๆ นี้ แต่สามารถกลับมา Recover เหมือนช่วงเปิดโครงการใหม่ๆ ได้อย่างรวดเร็ว โดย ปอร์โต เดอร์ ภูเก็ต เป็นโอเพนไลฟ์สไตล์มอลล์ ที่เน้นในเรื่องของร้านอาหาร เจาะกลุ่มคนในพื้นที่และนักท่องเที่ยว โครงการนี้อยู่ห่างสนามบินภูเก็ตประมาณ 20 กิโลเมตร
ความน่าสนใจของศูนย์การค้าที่ทำน่าจะอยู่ที่โครงการวงศ์อำมาตย์ บีช วิลเลจ พัทยา โครงการที่ลงทุน 1,000 – 3,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นอีกครั้งที่กลุ่มเซ็นทรัลทำศูนย์การค้าบนความแตกต่างทั้งในส่วนของศูนย์การค้าในเครือ และศูนย์การค้าของผู้ประกอบการรายอื่นๆ
พงศ์ บอกว่า กลุ่มเซ็นทรัล เล็งเห็นถึงการพัฒนาและเติบโตทางโครงสร้างพื้นฐานอย่างรอบด้านและต่อเนื่องของเมืองพัทยาในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เพื่อรองรับการเป็นเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ทำให้เมืองพัทยาถือเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีทั้งคุณภาพและศักยภาพความพร้อมในหลากหลายด้าน กลุ่มเซ็นทรัล จึงได้จัดทำโครงการ วงศ์อมาตย์ บีช วิลเลจ โครงการใหม่ล่าสุดที่จะเนรมิตพื้นที่ริมหาดวงศ์อมาตย์ เมืองพัทยา ให้เป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ ด้วยมูลค่าโครงการกว่าพันล้านบาท กับแนวคิดการออกแบบให้เป็น Unique Natural Beach Park & Lifestyle Mall ริมทะเลที่แรกและที่เดียวของประเทศไทย ผ่านการนำความเรียบง่ายและงดงามของธรรมชาติแบบดั้งเดิมของหาดวงศ์อมาต พัทยา ในอดีตที่แวดล้อมไปด้วยต้นไม้ใหญ่ หาดทราย สวนร่มรื่นริมหาดอย่างเป็นเอกลักษณ์ กลับคืนมาสู่ปัจจุบัน พร้อมเติมแต่งด้วยสถาปัตยกรรมเพื่อการเข้าถึงธรรมชาติอย่างแท้จริง
“โครงการ วงศ์อมาตย์ บีช วิลเลจ จะสร้างไลฟ์สไตล์รูปแบบใหม่ให้กับคนทุกเพศทุกวัย และเป็น Central of Life หรือศูนย์กลางการใช้ชีวิตของผู้คนในพัทยาและพื้นที่ใกล้เคียง รวมทั้งยังเป็น Living Space ของการพบปะสังสรรค์ พักผ่อนหย่อนใจ และสร้างแรงบันดาลใจแห่งความคิดสร้างสรรค์ ผ่านหลากหลายกิจกรรมเวิร์กชอป งานศิลปะและงานคราฟต์ (Art & Craft Workshop) กิจกรรมกีฬาทางน้ำ และบนชายหาด (Sport & Beach Activity) และกิจกรรมความบันเทิง (Entertainment) อื่นๆ ในรูปแบบศิลปะ (Creative & Arts Culture) ที่รายล้อมอยู่รอบโครงการอีกด้วย”
ไฮไลต์เด่นของโครงการนี้ จะอยู่ที่การเป็นไลฟ์สไตล์ โอเพ่น บีช มอลล์ แห่งแรกของบ้านเรา โดยเป็นศูนย์การค้าที่อยู่ติดชายหาด และดีไซน์บรรยากาศทั้งหมดให้ออกมาเป็นแนวชายหาด โดยถมทรายในโครงการ เป็น ‘บีช ปาร์ค’ ท่ามกลางต้นไม้ใหญ่อยู่ติดชายหาด ซึ่งจะเน้นการดีไซน์ที่เน้นในเรื่องของอาร์ต ใน 3 รูปแบบสำคัญ ไล่ตั้งแต่
การพัฒนาศูนย์การค้าแห่งใหม่นี้ จะทำบนที่ดินที่มีอยู่เดิมของกลุ่มเซ็นทรัลบนหาดวงศ์อำมาตย์ของพัทยา เนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 55 ไร่โดยพื้นที่ 75% จะถูกกันไว้เป็นพื้นที่สีเขียว ขณะที่ 25% จะเป็นพื้นที่ร้านค้าซึ่งจะมีเพียงแค่ 29 ร้านค้า แบ่งเป็นร้านอาหารประมาณ 70% และอีก 30% จะเป็นส่วนของช้อปปิ้ง เน้นเจาะกลุ่มผู้บริโภคระดับบนที่เป็นคนในพื้นที่ 30% และคนกรุงเทพฯ และจังหวัดอื่นๆ อีก 25% ส่วนชาวต่างชาติจะมีสัดส่วน 45% แบ่งเป็นนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ 30% และชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ที่พัทยาอีกกว่า 15% จะเฟสแรกจะเปิด 1 ใน 4 ของพื้นที่ หรือประมาณ 13.5 ไร่ เน้นไปที่ร้านอาหาร ในปลายปีนี้ ส่วนพื้นที่ที่เหลือจะใช้เวลาพัฒนาแบบเต็มโครงการประมาณ 2 – 3 ปี
วงศ์อำมาตย์ บีช วิลเลจ ไม่ใช่การทำโครงการศูนย์การค้าในแนวไลฟ์สไตล์ โอเพ่น มอลล์ แห่งแรกของกลุ่มเซ็นทรัล ก่อนหน้าเมื่อราว 2 – 3 ปีที่แล้ว กลุ่มเซ็นทรัลก็เปิดตัว ปอร์โต เดอร์ ภูเก็ต ศูนย์การค้าแนวเดียวกันนี้ แต่ไม่ได้เป็น ‘บีช มอลล์’ เหมือนกับโครงการวงศ์อำมาตย์ บีช วิลเลจ
แต่ศูนย์การค้าทั้ง 2 ก็เข้ามาตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่ใกล้เคียงกัน โดยเฉพาะกับกลุ่มคนที่มีกำลังซื้ออยู่ในโลเกชั่นย่านที่เข้าไปเปิด ทั้งที่เป็นคนไทย และชาวต่างชาติ รวมถึงนักท่องเที่ยวในระดับบน โดยแม็กเน็ตหลักๆ ของศูนย์ออกมาใกล้เคียงกันนั่นคือ การเป็นแหล่งรวมของร้านอาหารชื่อดังที่คนในพื้นที่สามารถเข้ามานั่ง ‘ชิลล์ เอ้าท์’ ได้ทุกวัน เป็นการเติมเต็มให้กับศูนย์การค้าขนาดใหญ่ที่ลูกค้าไม่สามารถเข้าไปเดินได้ทุกวัน เนื่องจากติดเรื่องของเวลา และการเดินทาง
ในจังหวัดภูเก็ต กลุ่มเซ็นทรัลมีศูนย์การค้าขนาดใหญ่คือ เซ็นทรัล เฟสติวัล ที่บริหารโดยบริษัทในเครืออย่างเซ็นทรัลพัฒนา ซึ่งศูนย์การค้าแห่งนี้ หากพอจำกันได้ มีจุดเริ่มต้นจากการลงทุนของกลุ่มเซ็นทรัลภายใต้ชื่อเซ็นทรัล ภูเก็ต และกลุ่มเซ็นทรัลเองมีการบริหารอยู่ระยะเวลาหนึ่งก่อนถ่ายโอนให้กับเซ็นทรัลพัฒนาเป็นคนดูแลต่อ
ขณะที่ในเมืองพัทยา กลุ่มเซ็นทรัล มีธุรกิจในเครือมากมาย โดยมีศูนย์การค้าขนาดใหญ่อยู่ 2 ศูนย์ คือเซ็นทรัล เฟสติวัล พัทยา และเซ็นทรัล มารีน่า พัทยา นอกจากนี้ ยังมีโรงแรมอีกหลายแห่ง ที่โดดเด่นสุดคือ เซ็นทารา แกรนด์ มิราจ ซึ่งมีจุดขายสำคัญคือ การเป็นรีสอร์ต ส่วนน้ำที่ใหญ่ที่สุดในพัทยา โดยโรงแรมแห่งนี้จะอยู่ใกล้กับวงศ์อำมาตย์ บีช วิลเลจ ที่ในอนาคตจะสามารถช่วยสร้างแรงส่งมายังการทำตลาดของศูนย์การค้าแห่งใหม่นี้ได้เป็นอย่างดี
“เราคาดหวังให้โครงการนี้ เป็นจุดมุ่งหมายใหม่ที่แตกต่าง และพร้อมนำเสนออีกแง่มุมของพัทยา ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสนุกสนาน สุนทรียทางศิลป์ ดนตรี กิจกรรมกลางแจ้งให้ทุกคนได้สัมผัส ซึ่งโครงการเองยังมุ่งที่จะช่วยสร้างคุณค่าเพิ่มให้แก่เมืองพัทยา และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยผ่านการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน เพื่อรองรับการเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวของโลก ตามโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ของภาครัฐอีกด้วย”
เป็นอีกการ เปิดศูนย์การค้า ที่นอกจากจะเข้าถึงโอกาสทางการตลาดที่เปิดกว้างแล้ว ยังเป็นตัวช่วยเติมเต็มการทำศูนย์การค้าให้กับกลุ่มเซ็นทรัล และบริษัทในเครือได้เป็นอย่างดี
บทความจากนิตยสารสาร MakretPlus Issue 146 June 2022