บริษัท อีวี ไพรมัส จำกัด ผู้จัดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้ามัลติแบรนด์แห่งแรกของไทย (Multi-Brand EV Distributor) ภายใต้คอนเซ็ปต์ EV Marketplace และเป็นผู้จัดจำหน่ายแบรนด์ DFSK หรือ DONGFENG (ตงฟง) ผู้ผลิตรถยนต์อันดับ 2 ของจีนแต่ผู้เดียวในประเทศไทย และได้รับแต่งตั้งให้เป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอร์รี่อีก 2 แบรนด์ คือ SERES และ VOLT City EV อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ตั้งเป้ากวาดยอดขายให้ได้ 5,000 คันภายในปี 2566 เผยจุดแข็งรถยนต์ไฟฟ้าที่ทำตลาด Customize ให้เข้ากับตลาดไทย อีกทั้งการเป็นมัลติแบรนด์ทำให้สามารถเลือกรุ่นที่ขายดีเข้ามาทำตลาดในไทยได้อย่างอิสระ
รถรุ่นใหม่ของ ‘น้องใหม่ VOLT City EV’
VOLT City EV เป็นแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าจากจีนที่บริษัท อีวี ไพรมัส จำกัดส่งเข้ามาเติมเต็มความต้องการของตลาด โดยเฉพาะเซ็กเม้นท์รถยนต์ไฟฟ้าที่จีนเรียกว่า A00 (เอ ศูนย์ ศูนย์) ซึ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กสำหรับขับในเมือง (City EV) และเป็นเซ็กเม้นท์ที่กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด
ทั้งนี้ พิทยา ธนาดำรงศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีวี ไพรมัส จำกัด เปิดเผยถึงการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ภายใต้แบรนด์ VOLT City EV ว่า
“เนื่องจากบริษัทฯ เล็งเห็นเทรนด์การเติบโตที่จะขยับสูงขึ้นของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย อีกทั้งสอดคล้องกับความต้องการและพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้บริโภค ประกอบกับปัจจุบันเป็นช่วงที่ราคาน้ำมันมีความผันผวนและปรับตัวสูงขึ้น รวมไปถึงอัตราเงินเฟ้อที่ขยับสูงขึ้น ทำให้ผู้บริโภคต้องประเมินค่าใช้จ่ายอย่างละเอียดรอบด้านมากขึ้น ดังนั้น นอกเหนือจากข้อดีด้านสิ่งแวดล้อม และเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า การตัดสินใจซื้อรถยนต์ไฟฟ้าจึงเป็นหนึ่งในทางเลือกที่ตอบโจทย์ผู้บริโภค โดยเฉพาะการควบคุมค่าใช้จ่ายได้ หากวิเคราะห์กันที่ ‘จุดคุ้มทุน’ (Break Even Point) เมื่อเทียบกับความคุ้มค่าต่อค่าเดินทางของคนเมืองเฉลี่ยที่ 5,000 บาท/ต่อเดือน เปรียบได้จากค่าเฉลี่ยการเดินทางไป-กลับด้วยระบบขนส่งสาธารณะในบ้านเรา
บริษัทฯ จึงได้คัดสรรและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เป็น City EV ภายใต้แบรนด์ VOLT City EV โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาช่วงล่างทั้งหมด เพื่อการขับขี่ที่สบายมากขึ้น ลดแรงกระแทก พวงมาลัยควบคุมง่าย ดีไซน์สวยทันสมัย ในเซ็กเม้นท์รถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็ก (City EV) เป็นรถยนต์เสริมที่มาพร้อมความประหยัด อำนวยความสะดวก ที่สำคัญ VOLT City EV ถือเป็นเซ็กเม้นท์ Entry Level EV เหมาะสำหรับผู้ที่อยากมีประสบการณ์กับรถยนต์ไฟฟ้า และเป็นรถที่เหมาะกับการเดินทางในระยะใกล้ ระดับการใช้งานอยู่ที่ 160 - 200 กม.ต่อการชาร์ต 1 ครั้งที่ระยะเวลา 6 ชั่วโมง ซึ่งจะตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ชื่นชอบรถยนต์ขนาดเล็ก และไลฟ์สไตล์ของคนเมืองโดยเฉพาะ โดยได้เตรียมงบการตลาดไว้ราว 40 ล้านบาท เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนกลุ่มดีลเลอร์ การตลาดและการโฆษณา งานจัดแสดงรถยนต์ต่างๆ รวมไปถึงผลักดันกิจกรรม Test Drive ทั่วประเทศ เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ”
VOLT City EV ถือเป็นแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าที่ได้รับการตอบรับดีจากตลาดในประเทศไทย โดยก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้เปิดจอง VOLT City EV รถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กแบบ 5 ประตู ดีไซน์สไตล์มินิมอลที่ได้รับการออกแบบพื้นที่ใช้สอยให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพจำนวน 2 รุ่น คือ
VOLT FOR – TWO (3 ประตู 2 ที่นั่ง) ราคาเริ่มต้น 3.25 แสนบาท
VOLT FOR – FOUR (5 ประตู 4 ที่นั่ง) 3.85 แสนบาท
ทั้งนี้ ผลจากการเปิดให้จองรอบแรกก็ได้สร้างปรากฏการณ์ใหม่ถล่มโควต้ายอดจองถึง 1,000 คัน ภายใน 24 ชั่วโมง ซึ่งสอดคล้องกับกระแสความนิยมรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในไทยที่มีความต้องการในตลาดเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะเห็นได้จากตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยเติบโตขึ้นถึง 48% เมื่อเทียบกับปี 2564 โดยมียอด xEV ในไทย ที่มียอดจดทะเบียนเกิน 4 หมื่นคัน ยิ่งเป็นเครื่องตอกย้ำกระแสความนิยมในไทยที่มีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นในอนาคต ประกอบกับมาตรการสนับสนุนการใช้และผลิตรถพลังงานไฟฟ้าจากรัฐบาล รวมไปถึงการตื่นตัวต่อภาวะโลกร้อนที่กลายเป็นจุดเปลี่ยนให้รถยนต์ไฟฟ้าเข้ามามีบทบาทมากขึ้น กลายเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการกระตุ้นให้ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าเติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วงที่ผ่านมา
ขานรับนโยบายรัฐ จัดส่วนลด 7 หมื่น/คัน
นอกจากปัจจัยต่างๆ ที่เอื้อให้ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าเติบโตแล้ว ยังมีนโยบายจากภาครัฐที่ทำให้ตลาดเติบโตได้อย่างมีนัยสำคัญ จากการส่งมาตรการสนับสนุนให้มีการใช้และผลิตรถยนต์ไฟฟ้า EV ในประเทศเพิ่มมากขึ้น โดยใช้งบอุดหนุนเงินส่วนลดตั้งแต่ 7 หมื่น – 1.5 แสนบาทต่อคัน กับค่ายรถยนต์ที่เข้าร่วมโครงการ พร้อมด้วยมาตรการปรับลดภาษีสรรพสามิตรถยนต์จาก 8% เป็น 2% ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ พิทยากล่าวในส่วนนี้ว่า “บริษัทฯ ได้ตอบรับตามนโยบายภาครัฐ และเพิ่งเข้าโครงการของกรมสรรพสามิตได้เป็นรายที่ 5 พร้อมทั้งจะปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตตามที่กำหนด และจัดส่วนลด 7 หมื่นบาทต่อคัน ขณะเดียวกัน ก็ได้จับมือกับพันธมิตรทางธุรกิจอีกหลายราย อาทิ
สำหรับการเปิดขายพรีเซลล์รอบที่ผ่านมาเมื่อต้นเดือนสิงหาคม ทางบริษัทจะเริ่มส่งมอบรถ VOLT City EV ได้ทั้งหมดกว่า 1,000 คัน ได้ตั้งแต่ปลายกันยายน 2565 และจะส่งมอบจำนวนทั้งหมดภายในปี 2565 นี้ พร้อมกับการเดินหน้าส่งทีมงานมืออาชีพของ E-VOLT เพื่อตรวจสอบและให้คำแนะนำสำหรับการปรับระบบไฟฟ้าและตรวจระบบไฟฟ้าตามบ้าน เพื่อตอกย้ำการสร้าง EV Experience ที่ดีให้กับลูกค้าตั้งแต่วันแรก พร้อมตั้งเป้ายอดขายแตะ 5,000 คัน มูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาทภายในปี 2566 พิทยากล่าว
“การนำสินค้าจีนมาไทยจะต้อง Customize ให้เข้ากับตลาดไทยก่อน
ต้องดูดีมานด์ก่อนแล้วค่อยเลือกแบรนด์
“มังกร”ข้ามทะเล หรือจะสู้ “งู” ในแพรกหญ้า
เพราะฉะนั้น เราจะต้องแลนดิ้งก่อน
ที่สำคัญ ความเล็กจะทำให้เราคล่องตัว
และฐานลูกค้าที่มีราวๆ พันคนทำให้เราดูแลได้อย่างดีและทั่วถึง”
มุมมองคนจีน ‘ของมันต้องมี’ City EV = เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน
City EV ถือเป็นเซ็กเม้นท์รถยนต์ไฟฟ้าในเมืองที่สอดรับกับคนทุกกลุ่มวัยและ Gen Z ที่ต้องการความสะดวกสบาย และยังให้ความคุ้มค่าในระยะยาว พิทยา กล่าวเพิ่มเติมถึงภาวะตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในจีน ซึ่งเป็นตลาดที่มียอดขายมากที่สุดในโลกว่า
“จีนมียอดขายรถยนต์ารวมกว่า 20 ล้านคันต่อปี โดยแบ่งเป็นเซ็กเม้นท์ รถสปอร์ต รถเก๋ง รกปิกอัพ SUV ฯลฯ และในจำนวนนี้เป็นรถยนต์ไฟฟ้า 3.3 ล้านคัน และในจำนวนนี้เป็นเซ็กเม้นท์ A00 (เอ ศูนย์ ศูนย์) หรือรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็ก (City EV) ประมาณ 1 ล้านคัน คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 15% หรือประมาณ 1 ล้านคันของยอดขายรถยนต์ในตลาดรวมของจีน หรือประมาณ 1 ใน 3 ของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในจีน
ที่สำคัญ แบรนด์ที่สามารถเคลมว่าทำยอดขายได้มากกว่า Tesla คือ Wuling แบรนด์ของรถยนต์เซ็กเม้นท์ A00 ที่มียอดขายเฉพาะรุ่น Wuling Hong Guang ก็เกือบ 8 แสนคันแล้วในตลาดจีน และล่าสุดเพิ่งเปิดตัวในอินโดนีเซีย เนื่องจากตรรกะของคนจีนนั้น Practical และมองอะไรที่ต้องคุ้มค่าเงิน อีกทั้งอ่อนไหวต่อราคาด้วย ที่สำคัญ คนจีนมองรถยนต์ไฟฟ้าอย่าง A00 เสมือนเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าประจำบ้านที่จำเป็นอีกชิ้นหนึ่ง ไม่ต่างอะไรกับไมโครเวฟ เครื่องปรับอากาศตู้เย็นที่ต้องมีไว้ติดบ้าน ซึ่งหากตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยได้รับการสนับสนุนจากทุกภาคส่วนจะทำให้เกิดระบบนิเวศ (ecosystem) ที่แข็งแรงทำให้การเข้าถึงสถานีชาร์จไฟฟ้า สิ่งอำนวยความสะดวก และสถานที่ตั้ง ซึ่งล้วนมีส่วนช่วยเร่งให้มีการใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น และยิ่งทำให้การเติบโตของดีมานด์ในตลาดเพิ่มขั้นในอัตราเร่งนี้อย่างแน่นอน เนื่องจากที่ผ่านมา ตลาดรถยนต์ไฟฟ้า กับสถานีชาร์จและอื่นๆ มีสภาพเหมือน ‘ไก่กับไข่’ แต่หากภาครัฐ และเอกชนจับมือกันสนับสนุนก็จะทำให้ตลาดเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด นอกเหนือจากการจ่ายเงินอุดหนุนรถยนต์ไฟฟ้าจากภาครัฐ จนทำให้มีราคาใกล้เคียงกับรถยนต์สันดาป (รถยนต์ที่ใช้น้ำมัน) ที่สำคัญ ผมเชื่อว่า ภายใน 5 ปีทุกครัวเรือนจะมีรถยนต์ไฟฟ้า 1 คัน”
ตั้งเป้าปั้น EV Marketplace
นอกจากนี้ บริษัท อีวี ไพรมัส จำกัด ยังตั้งเป้าปั้นตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของตนเอง ด้วยการเดินหน้าปั้น ‘อีวี มาร์เก็ตเพลส’ (EV Marketplace) แห่งแรกในประเทศไทย ด้วยคอนเซ็ปต์ของการตั้งโชว์รูมแบบ Multi – Brand EV พร้อมวางตำแหน่งทางการตลาดเป็น ‘ห้างสรรพสินค้ารถยนต์ไฟฟ้า” เพื่อนำเสนอรถยนต์จากหลากหลายแบรนด์และหลากหลายรุ่นที่มีความแตกต่างและโดดเด่นมากกว่าแบบ One Stop Shopping ในรูปแบบของ Product Mix ด้วยราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 3 แสนบาท - 3 ล้านบาท โดยจะส่ง โวลท์ (VOLT) นำร่องเป็นแบรนด์แรก และยังมีแผนที่จะเปิดตัวแบรนด์อื่นๆ ภายใต้บริษัทฯ ในปีหน้า พร้อมตั้งเป้าขยายศูนย์บริการ 35 แห่งทั่วประเทศ ภายในปี 2566
พิทยา กล่าวต่อไปถึงแผนการดำเนินงานของ ‘อีวี ไพรมัส’ ว่า
“บริษัทฯ ยังเดินหน้าสร้างโรงงานประกอบรถยนต์ไฟฟ้าที่นิคมอุตสาหกรรมเกตเวย์ จ.ฉะเชิงเทรา บนพื้นที่กว่า 20 ไร่ โดยทุ่มงบลงทุนรวมกว่า 400 ล้านบาท คาดจะแล้วเสร็จและเริ่มไลน์ผลิตแรกได้ในปลายปี 66 เพื่อประกอบขายรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศ และรองรับความต้องการของตลาดภูมิภาคอาเซียนในอนาคต พร้อมเดินหน้าลุยแผนส่งออกไปยังประเทศในอาเซียนโดยเบื้องต้นตั้งเป้าการผลิตอยู่ที่ 4,000 คันต่อปี