โลกพลวัต (Dynamic) ในยุคดิจิทัลทำให้บริบทต่างๆ ต้องปรับตัวอย่างฉับพลัน โดยเฉพาะในช่วงวิกฤติโควิด -19 แต่สำหรับ KEYEDGE Co.,Ltd. หรือ ‘คีย์เอจ’ ภายใต้การบริหารของ กนกพร ชมภูนุท ในฐานะ กรรมการผู้จัดการ บริษัทฯ นั้น ได้ปรับตัวมาก่อนหน้านี้แล้ว สู่การเป็น Digital PR Agency เต็มรูปแบบขนาดกลางที่โลดแล่นในอุตสาหกรรม ด้วยจุดขายสำคัญ คือ การทำความเข้าใจ (Insight) ทั้งกับลูกค้าสินค้า แบรนด์ และการส่งสารถึงกลุ่มผู้รับสารในยุค Mass Personal บนช่องทางออนไลน์อย่างเข้าถึง และด้วยประสบการณ์การทำงานกับแบรนด์สินค้าในระดับภูมิภาค ทำให้มุมมองของเธอในฐานะ Digital PR Agency และ Reputation Communication Strategist จึงน่าสนใจ โดยเฉพาะมุมมองที่เธอต้องการ Move-on ต่อไปในอนาคตอันใกล้นี้
KEYEDGE มองทิศทางและเป้าหมายของบริษัทในช่วงหลังจากนี้เป็นอย่างไร
เราได้ปรับโมเดลธุรกิจจากการเป็น PR Agency ไปสู่ Digital PR Agency มาระยะหนึ่งแล้วตั้งแต่ก่อนโควิด-19 และด้วยเทรนด์โฆษณาที่ต่างก็มุ่งมาที่ดิจิทัล พร้อมกันนี้ เราก็ได้ปรับตัวสู่แพลตฟอร์มการทำงานเป็นรูปแบบออนไลน์ ดังนั้น จึงทำให้เราไม่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติโควิด-19 อย่างที่เราเห็นหลายๆ ธุรกิจถูก Disrupt ขณะเดียวกัน การทำงานวิถีใหม่นั้นจึงไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับเราด้วย สำหรับรูปแบบการดำเนินธุรกิจเราแบ่งเป็นสองปีก นั่นคือ ส่วนของออนไลน์ ทั้งคอนเทนต์และโฆษณา 60% และอีก 40% เป็นส่วนของงานพีอาร์ การติดต่อกับสื่อ (Media Relation) และอีเวนต์ ออร์กาไนเซอร์ที่สนับสนุนส่วนงานพีอาร์ เช่น งานแถลงข่าว และอื่นๆ
ส่วนงานที่กำลังเติบโตและลูกค้าใช้บริการเป็นจำนวนมาก คือ Influencer Marketing ทั้งแพลตฟอร์ม Instagram และ TikTokโดยเฉพาะกลุ่ม Micro และ Nano Influencer และส่วนงาน VDO content สำหรับโฆษณาบนออนไลน์ (Online Advertisement)
โฟกัสที่เรามองต่อจากนี้คือ การต่อยอดจากความสำเร็จจากการที่เราเป็นDigital PR Agency เต็มรูปแบบที่ให้บริการครบทั้งการสื่อสารแบรนด์ลูกค้าผ่านช่องทางออนไลน์ ตลอดจนการโฆษณาผ่านเครื่องมือดิจิทัล (Digital Tool) ด้วยการเดินหน้ารุกเจาะตลาดแบรนด์สินค้าจากต่างประเทศทั้งระดับภูมิภาคและระดับนานาชาติที่เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยและมีสำนักงานในประเทศไทย โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มไอที และ สินค้าอุปโภคบริโภค (Consumer Product) ที่เน้นการทำตลาดออนไลน์
ทั้งนี้ ปัจจุบัน บริษัทมีฐานลูกค้าครึ่งหนึ่งที่เป็นแบรนด์จีน สิงคโปร์ และแบรนด์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เข้ามาทำตลาดในประเทศไทย และต้องการ Digital PR Agency เต็มรูปแบบเพื่อสื่อสารแบรนด์ของตนเอง
สำหรับช่วงครึ่งหลังของปีนี้และเป้าหมายในอีก 3 ปี เราก็ยังคงโฟกัสกับการขยายฐานตลาดใน 3 ส่วน คือ
ในฐานะ Digital PR Agency ของ KEYEDGE มีมุมมองอะไรที่อยากขยายความกับสาธารณะหรือไม่
เนื่องจากเราให้บริการด้านการสื่อสารประชาสัมพันธ์ที่ครอบคลุมทั้งสื่อ Online, Offline และ On Ground ไม่ว่าจะเป็นการสร้างสรรค์คอนเทนต์ผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย หรือ Branded content การผลิตวิดีโอคอนเทนต์ Influencer Marketing รวมไปถึงงานอีเวนต์ ออร์กาไนเซอร์
กล่าวอีกนัยหนึ่ง KEYEDGE เราเป็นเอเจนซี่ที่ให้บริการครอบคลุม 360 องศา ตั้งแต่การวางแผนกลยุทธ์การบริหารการสื่อสารและชื่อเสียงของแบรนด์ (Communication & Reputation Management) โดยหลอมรวมการสื่อสารทั้งช่องทางที่ต้องจ่ายเงิน และช่องทางที่ไม่ต้องจ่ายเงิน (Paid & Unpaid) เข้าด้วยกัน เนื่องจากบนโลกออนไลน์ และโซเชียลมีเดียนั้น มีความเป็นพลวัต (Dynamic) สูง และปัจจุบันโลกการสื่อสารได้เปลี่ยนแปลงจาก Mass Communication มาสู่ Mass Personal แล้วบนสื่อสังคมออนไลน์ เนื่องจากยูสเซอร์ (User) มีบทบาทอย่างมากในการควบคุม สร้างสรรค์ หรือโจมตีแบรนด์ได้ในเวลาเดียวกัน
ดังนั้น การปรุงแต่ง หรือสร้างสรรค์คอนเทนต์ เราจึงจำเป็นต้องเลือกเครื่องมือ และช่องทางการสื่อสารอย่างมีศิลปะ สอดคล้องกับความต้องการ (Requirement) หรือโจทย์ของลูกค้า รวมทั้งต้องสอดรับกับไลฟ์สไตล์, พฤติกรรมการเสพสื่อของกลุ่มเป้าหมาย ฯลฯ ทั้งนี้ ตัวแปรดังกล่าวจึงถือเป็นเรื่องที่ Digital Agency อย่างเราต้องอัปเดตอยู่เสมอ เพื่อศึกษาถึงรูปแบบพฤติกรรมการเปิดรับสื่อของยูสเซอร์อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งต้องติดตามการเปลี่ยนแปลงของสื่อด้วย
ขณะเดียวกัน เนื่องจากพัฒนาการ และการเติบโตของช่องทางออนไลน์นั้น มีอิทธิพลทั้งบวกและลบ ด้วยว่าโลกโซเชียลมีเดียไม่ใช่แค่การสื่อสารสองทางเท่านั้น หากแต่มีความพลวัตที่เคลื่อนตัว และปรับเปลี่ยนตลอดเวลา เป็นโลกการสื่อสารที่เคลื่อนตัวจากยุค Mass Communication มาเป็น Mass Personal ที่ ‘พื้นที่โซเชียลมีเดีย’ คือ ‘พื้นที่ส่วนบุคคลที่เป็นสาธารณะ’ ผู้คนบนโลกโซเชียลมีเดีย ต่างก็มีพื้นที่ของตนเอง เป็นทั้งคนสร้างและคนเสพคอนเทนต์ในพื้นที่ของตนเอง อีกทั้งเป็นพื้นที่ที่ตนเอง ‘ควบคุมได้ – กำหนดได้’ เพียงแต่ว่า พื้นที่ตรงนั้นเป็นพื้นที่สาธารณะที่คนอื่นๆ เห็น
นี่จึงทำให้คอนเทนต์บนโซเชียลมีเดียจึงมี ‘ความโกลาหล’ (Chaos) มากๆ โดยในนาทีแรกๆ ที่แบรนด์ปล่อยคอนเทนต์ออกไป ในช่วงแรกแม้อาจจะยังโอเคอยู่ แต่อีกไม่กี่นาที หรือไม่กี่ชั่วโมงมันก็อาจจะกลายเป็นดราม่า หรือกลายเป็นลบไปแล้วก็ได้ ดังนั้น ในยุคนี้ แบรนด์จึงต้องสร้าง Brand Lover เพื่อหายูสเซอร์มาเป็นพรรคพวกของตนเอง และยุคนี้เป็นยุคที่ยูสเซอร์สร้าง และกำหนดคอนเทนต์เอง หรือในบางกรณีอาจบังคับให้แบรนด์ ‘เลือกข้าง’ ซึ่งแบรนด์เองต้องระมัดระวังกับการแสดงออกในสถานการณ์ที่อ่อนไหวเช่นนี้ด้วย
ทั้งนี้ นอกจาก Digital PR Agency จะทำหน้าที่ Active Seeding Content การสร้าง Content เชิงรุกไปหาลูกค้าก่อน ในขณะเดียวกันก็ต้องเป็น Passive User ในการมอนิเตอร์ทิศทางการตอบรับของกลุ่มเป้าหมาย เพื่อควบคุมแนวทางการสื่อสาร เมสเสจของแบรนด์ไม่ให้หลุดกรอบ หรือเกิดผลกระทบต่อแบรนด์ หรือภาพลักษณ์องค์กรได้ อีกทั้งต้องทำหน้าที่ตรวจตรา มอนิเตอร์ เพื่อดูฟีดแบ็ก (feedback) ของยูสเซอร์ และทำหน้าที่ปรับแต่ หรือสร้างการรับรู้ ทำความเข้าใจกับยูสเซอร์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์เชิงบวกและเป็นไปตามทิศทางเดียวกับแบรนด์
นอกจากนี้ ด้วยความต้องการของลูกค้าในยุคนี้ต่างก็อยากได้ผลลัพธ์ที่เป็นตัวเลข หรือยอดขาย ทำให้แผนการวางยุทธศาสตร์ของ Digital PR Agency อาทิ ROI, Reach, Impression ต้องสามารถแสดงผลได้ชัดเจน แต่ในทางตรงข้าม ก็ยอมรับว่า จะมีงานอีกส่วนหนึ่งที่ใช้ตัวชี้วัดอย่าง ROI ไม่ได้ อาทิ การสร้างแบรนด์ ซึ่งตรงนี้เราก็ต้องให้ความรู้กับลูกค้าว่า ต้องรอหวังผลระยะยาวแบบ ‘น้ำซึมบ่อทราย’ เพื่อรักษาภาพลักษณ์ของแบรนด์ และสร้างความไว้วางใจกับแบรนด์
Keyedge มีบริการด้าน Influencer Marketing ด้วยหรือไม่
เราให้บริการทางด้านนี้ด้วย เนื่องจากการโฆษณาผ่าน Mass Media หรือ Macro Channel อย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอที่จะเจาะเข้าไปให้ถึงไลฟ์สไตล์ของกลุ่มผู้รับสารเป้าหมาย ซึ่ง Influencer ถือเป็นอีกเครื่องมือที่มีอิทธิพลอย่างมากที่จะนำเมสเสจและคอนเทนต์ถึงผู้รับสารได้อย่างเข้าถึง
สำหรับ Influencer Marketing เราให้บริการครอบคลุมทุกแพลตฟอร์มของโซเชียบมีเดียตั้งแต่ระดับ Macro Influencer, Micro ไปจนถึง Nano Influencer เพื่อให้เข้าถึงการเปิดรับสื่อของกลุ่มเป้าหมายทุกมิติ โดยเฉพาะในกลุ่ม Micro และ Nano Influencer ที่กำลังได้รับความนิยม เพราะเป็นกลุ่มที่มาจากยูสเซอร์ หรือผู้บริโภคเองที่เราเลือกให้มาเป็น Endorser หรือกลุ่มผู้นำความคิดในกลุ่มเพื่อน กลุ่มสังคมของ Influencer คนนั้นๆ และใช้ Volume จำนวนมากเพื่อกระจายการเข้าถึง เพราะบางคนอาจไม่ได้เปิดรับสื่อ Mass แต่ติดสื่อโซเชียล ก็สามารถเข้าถึงเมสเสจของแบรนด์ผ่านกลุ่มเพื่อนๆ หรือคนที่ตนเองติดตามได้ โดยในระบบการทำงานของ KEYEDGE ในส่วนนี้นั้น เรามี Dashboard และฐานข้อมูล Influencer ที่สามารถระบุ Target จำนวน Follower เลือกเซ็กเมนต์ตามความสนใจของกลุ่ม Influencer นั้นๆ เพื่อให้ตรงตาม Target ของแบรนด์และบรีฟของลูกค้าได้
อย่างไรก็ตาม กล่าวได้ว่า งานในส่วน Social Media Content Management และ Influencer Marketing เป็นส่วนงานที่ยังคงมาแรงของเอเจนซี่เรา เพราะแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียกลายเป็นสื่อกระแสหลัก และเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เกิด Feature ใหม่ๆ ให้ผู้ใช้งานได้สนุกกับการเล่นโซเชียลมีเดียทุกวัน ดังนั้นเป็นส่วนงานที่เราก็ต้องวิ่งตามให้ทันเทคโนโลยี และนำเสนอบริการที่สอดรับกับรูปแบบของโซเชียลมีเดียแพลตฟอร์มนั้นๆ ตลอดเวลา
คิดว่า ทำไมลูกค้าจึงให้ความไว้วางใจ KEYEDGE
โดยส่วนตัวเชื่อว่า มาจากมาจากการนำเสนองานแบบ Tailor-Made และการบริการอย่างเต็มรูปแบบของเรา ภายใต้ความแข็งแกร่งในด้าน การวางแผนกลยุทธ์การสื่อสารแบบ Online Integration ตลอดจน Creativity ในการสร้างประเด็นและเลือกใช้สื่อที่สอดคล้องกับแบรนด์ และเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายตัวจริง ซึ่งมาจากความเข้าใจกลไกการรับสารของผู้รับสาร การวางแผนการสื่อสารที่มาจาก Insight ของยูสเซอร์ และการสร้างให้เกิด User-Generated Content เช่น e-WOM (Electronic-Word of Mouth) ด้วยการ Embed คอนเทนต์ของแบรนด์ผ่านการรับรอง/การบอกกล่าวของยูสเซอร์ (Endorsed User) เพื่อให้เกิดการสื่อสารแบรนด์ที่น่าเชื่อถือและสามารถโน้มน้าว กลุ่มลูกค้าเป้าหมายคนอื่นๆ ได้ง่าย จากการพูดถึงแบรนด์และบอกต่อจากยูสเซอร์ด้วยกันเองบนโลกออนไลน์
ถ้าในมุมมองของลูกค้านั้นย่อมเป็นธรรมดาที่ลูกค้าจะมองหาตัวเลือกที่คุ้มค่า ทั้งงบประมาณ และ ROI อีกทั้งคาดหวังกับทุกเม็ดเงินที่ลงทุนไปกับการโฆษณาประชาสัมพันธ์ เพื่อให้เกิดผลตอบแทนเป็นยอดขาย จากการที่เราเป็นเอเจนซี่ระดับกลางที่นำเสนอราคาแบบสมเหตุสมผลและเป็นราคาที่สามารถแข่งขันกับผู้เล่นรายอื่นๆ ได้ (Reasonable & Competitive Price) เมื่อบวกกับการนำเสนอแผนและงบประมาณที่แสดงการชี้วัด (KPI) อย่างเป็นรูปธรรม วัดผลได้ทั้งระยะสั้นระยะยาว ตามความเป็นจริงของเครื่องมือนั้นๆ ก็จะช่วยให้ลูกค้าเกิดความมั่นใจกับเราได้
ลูกค้าต่างชาติที่ใช้บริการของ KEYEDGE นั้นระดับการทำงานแตกต่างกันอย่างไร
เรามีแบรนด์หลากหลายทั้งไทยและเทศที่ให้ความไว้วางใจให้ KEYEDGE ร่วมงาน อาทิ my by NT, Skyworth, EZVIZ, Logitech, Bowers & Wilkins, Panasonic Energy เป็นต้น
สำหรับการทำงานนั้น ขึ้นอยู่กับโครงสร้างของแต่ละองค์กร บางแบรนด์เราดีลตรงกับทาง Head Quarter เลย บางแบรนด์ก็มีทีม Base office อยู่ที่ไทย ส่วน Scope of work ก็มีความหลากหลาย แตกต่างกันไป ตั้งแต่ระดับการสร้างแบรนด์เพื่อเจาะตลาดในไทย โดยอาศัยการวางแผนจาก Local market insight และครอบคลุมทั้งการทำ PR ไปยัง Mass media, การใช้งบประมาณยิงโฆษณาผ่านสื่อ Social Media, การทำ Seeding content บนโซเชียลมีเดียแพลตฟอร์มต่างๆ ไปจนการใช้บริการ Influencer Marketing ไม่ว่าจะเป็น YouTube, Instagram หรือ Tiktok เป็นต้น บางแบรนด์ก็เลือกใช้บริการที่เฉพาะเจาะจง เช่น การผลิต VDO Content เพื่อเผยแพร่บนสื่อ OHM ก็มี
มองพลวัตของสังคมออนไลน์กับการทำงานของ Digital PR Agency อย่างไร
เราเชื่อว่า ไม่มีสื่อไหนดีที่สุด ไม่มีวิธีไหนดีที่สุด แต่มันคือการผสมผสาน และพัฒนาการสื่อสารไปอย่างต่อเนื่อง เพราะความพลวัต (Dynamic) ของสื่อดิจิทัล และยูสเซอร์ที่ทรงอิทธิพลมากขึ้นเรื่อยๆ จนสามารถบิดประเด็น หรือกำหนดคอนเทนต์ของเราไปในแง่มุมต่างๆ ได้ตลอดเวลา ดังนั้น การทำงานของ Digital PR agency ในทุกวันนี้ เราจึงต้อง ‘สร้างสรรค์ - เลือกสื่อ – ส่งออก’ ไป แล้วเราหยุดไม่ได้ เราต้องมอนิเตอร์ พร้อมทั้ง ‘คิดต่อ - ส่งสารต่อ - สร้างความต่อเนื่อง - เน้นย้ำ – ปรับแต่ง’ เนื้อหาสาระที่เราส่งออกไปตลอดเวลา และต้องสร้างให้ผู้รับสารหรือยูสเซอร์มาเป็นพวกกับเรา มาเป็น Brand Lover ของเรา เพื่อให้พวกเขาสื่อสารแบรนด์ต่อไปแบบ eWOM และเป้าหมายสูงสุดคือสร้างให้เกิด Brand Loyalty ที่เมื่อใดผู้บริโภคเกิดความรู้สึกนั้นกับแบรนด์หรือองค์กร ก็ยากที่จะถูกสั่นคลอนได้ง่าย