บมจ. ซัคเซสมอร์ บีอิ้งค์ (SCM) ธุรกิจ Network Marketing แบรนด์ไทย ซึ่งทำตลาดทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ ด้วยจุดแข็งที่สำคัญจากการเป็นบริษัทมหาชนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ทำให้องค์กรแห่งนี้ สามารถทะยานเหนือความกังขาเรื่องความไม่มั่นคง ความไม่ยั่งยืนของธุรกิจนี้ไปได้อย่างไม่ต้องสงสัย
สำหรับทิศทางและยุทธศาสตร์ปี 2565 และปี 2566 นพกฤษฏิ์ นิธิเลิศวิจิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ซัคเซสมอร์ บีอิ้งค์ ได้คลี่แผนยุทธศาสตร์การจัดทัพเพื่อการเติบโตของ SCM อย่างพรั่งพรู
ผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรก และทิศทางนับแต่ช่วงครึ่งหลังของปีนี้จะเป็นอย่างไร
ยอดขายครึ่งแรกของปีนี้ เราเติบโต 5% ต่ำกว่าเป้าหมายที่เราตั้งไว้ 20% แต่อย่างไรก็ตาม ถือว่าบริษัทฯ ยังมีสัญญาณบวกจากฐานสมาชิกที่เติบโตอีก 30% จากฐานเดิมที่มีอยู่ 1 แสนคน เป็น 1.3 แสนคน ทั้งนี้ ในระบบปกติของ Network Marketing ฐานสมาชิกจะต้องเติบโตมากกว่าฐานยอดขาย
สำหรับทิศทางปี 2566 นั้น เราได้เติมอาวุธตั้งแต่ไตรมาส 4/ 2565 และตลอดปี 2566 ด้วยการเพิ่มฐานสมาชิก และการเพิ่ม ‘พลังแบรนด์’ ทั้งแบรนด์สินค้า และแบรนด์องค์กรให้โดดเด่น พร้อมทั้งมีแผนที่จะใช้แบรนด์แอมบาสเดอร์อันดับต้นๆ ของประเทศเป็นครั้งแรก จากเดิมที่ไม่เคยใช้มาก่อน อีกทั้งจะสื่อสารแบรนด์ผ่านสื่อหลายช่องทางอย่างจริงจัง รวมทั้งสื่อ Out of Home (OOH)
นอกจากนี้ ก็มีแผนที่จะยกระดับการรับรู้ของแบรนด์ SCM ใน 3 ระดับ คือ
ปัจจุบันฐานสมาชิกในระบบ ‘Sage’ และ ‘The Power of ONE’ มีจำนวนเท่าไร ผลตอบรับเป็นอย่างไร
ฐานสมาชิกที่เป็นผู้นำธุรกิจขับเคลื่อนผ่านระบบดังกล่าวมีประมาณ 200 คน และมีฐานสมาชิกจากกลุ่มผู้นำดังกล่าวเบื้องต้นกว่า 2 หมื่นคนและเป็นระบบ Life Long Learning ส่วนผลตอบรับที่มีต่อระบบ ‘Sage’ และ ‘The Power of ONE’ นั้นมีฐานผู้ใช้งาน (User) ราว 10%ที่มีความรู้ความเข้าใจเป็นอย่างดี ขณะที่ส่วนที่เหลือยังมี ‘ความเข้าใจ’ และ ‘ความตั้งใจ’ ที่แตกต่างกัน ดังนั้น เราก็จะขับเคลื่อนผ่านคน 10% นี้ เพื่อใช้เป็นแบบอย่างในการนำเสนอและปรับเปลี่ยนทัศนคติเพื่อให้สอดประสานกันมากขึ้นต่อไป
ในช่วงปีนี้และปีหน้า บริษัทฯ ต้องจัดทัพใหม่ อันเนื่องมาจาก Disruption หรือไม่
Disruption ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ ทำให้เราได้เห็นชัดเจนมากขึ้นว่า คนยุคนี้ใจร้อน และหันมาซื้อสินค้าผ่านออนไลน์และทีวีมากขึ้น ขณะที่บริษัทต่างๆ ก็หันมาเน้นกลยุทธ์ราคาและโปรโมชั่น ซึ่งเราลงไปสู้ศึกเช่นนี้ไม่ได้ เนื่องจากเราอยู่ในธุรกิจ Network Marketing ดังนั้น การจัดทัพของเราจึงต้องเลือกเซ็กเม้นท์ที่ชัดเจน พร้อมตอบโจทย์ด้วย ‘คุณค่าสินค้า Xการแก้ปัญหาของลูกค้า X ความคุ้มค่าของเม็ดเงินที่จ่าย’
ทั้งนี้ ความคุ้มค่าเงินนั้นจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อลูกค้ามีความเข้าใจถึงคุณประโยชน์จากสินค้าที่ได้รับ และการแก้ปัญหาที่ตอบโจทย์ อย่างเช่น อาหารเสริมที่บริษัทฯ จะเน้นทั้งด้านคุณประโยชน์ที่สามารถแก้ปัญหาสุขภาพได้อย่างตรงจุด ซึ่งแผนการออกสินค้าในอนาคตก็จะเน้นบำรุง ป้องกัน เยียวยาสุขภาพของอวัยวะภายใน รวมทั้งหัวใจ ด้วยการทำให้อวัยวะและเซลล์แข็งแรงขึ้น และกลุ่มเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของร่างกาย ซึ่งการขายสินค้าเช่นนี้บุคลากรจะต้องได้รับการฝึกอบรมอย่างดี
ขณะเดียวกัน บริษัทก็มุ่งพัฒนาระบบนิเวศ (Ecosystem) ระบบชุดความคิด (Mindset) พร้อมทั้งยกระดับตลาดเป็น ‘ตลาดชนเผ่า’ (Tribes Market) ที่มิได้มุ่งขายแต่สินค้าเท่านั้น หากแต่มุ่งส่ง ‘พลัง’ อันเป็น ‘คุณค่า’ ที่ส่งผ่านถึงกันและกันระหว่างผู้บริโภคกับแบรนด์ในทุก Touchpoint ขณะเดียวกัน เราก็มุ่งพัฒนา ‘หัวหน้าชนเผ่า’ และพัฒนาให้บุคลากรเป็น ‘นักเผยแพร่’ (Evangelist) ทั้งในส่วนที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์ การเติมพลัง และการเป็น ‘ฮีโร่ในชีวิตจริง’
นอกจากนี้ การจัดทัพในส่วนของกลยุทธ์ เราจะมุ่งพัฒนาให้เกิดการเปลี่ยนแปลง Mindset (ชุดความคิด) โดยเฉพาะกับกลุ่มพาร์ทเนอร์นักธุรกิจระดับผู้นำ ด้วยการตั้งคำถามกับ ‘Why-What-How’ กับปัจจัยที่จะมีผลกระทบกับการวาง Positioning ของบริษัท จากนั้นก็จะพัฒนากลุ่มคนเหล่านี้ให้มีความแข็งแกร่งจากภายในตนเอง เพื่อเป็นนักเผยแพร่และเป็นหัวหน้าชนเผ่า เพื่อสร้างผู้คนให้เป็นความหวังของประเทศชาติและเป็นความหวังในระดับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ซึ่งเป็นอีกตลาดที่สำคัญของบริษัทฯ ซึ่งผมและ คุณหมอ สิทธวีร์ เกียรติชวนันต์ ประธานกรรมการบริหาร ต่างก็เชื่อว่า แนวทางนี้มีความเป็นไปได้ เนื่องจากเราทั้งสองต่างก็หล่อหลอมประสบการณ์ตรงของการเป็นนักสู้ชีวิตมาเป็น Brand DNA ของ SCM
SCM ขยายฐานธุรกิจทำลิสซิ่งด้วยหรือ ที่มาที่ไปเป็นอย่างไร
SCM ได้ขยายฐานธุรกิจสู่ธุรกิจลิสซิ่งรถยนต์มือสองในนามของ บริษัท จัดให้ ลิสซิ่ง จำกัด (CHL) โดย SCM ถือหุ้น 100% และถือเป็นหนึ่งในระบบนิเวศของบริษัทแม่ เพื่อให้บริการเช่าซื้อกับคนทั่วไป และบริหารงานโดยมืออาชีพ จากเดิมที่เป็นบริการที่ให้กับคนในองค์กรเท่านั้น ทั้งนี้ CHL จะเริ่มดำเนินการได้ในต้นเดือนตุลาคมนี้ พร้อมทั้งตั้งเป้าปล่อยกู้ปีนี้ ซึ่งเหลือเวลาอีกเพียง 3 เดือนประมาณ 50 ล้านบาท และปีหน้าก็ตั้งเป้าเติบโตเป็น 500 ล้านบาท โดยมีเป้าสูงสุดที่จะปล่อยกู้ประมาณ 1,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ สำหรับ ’จัดให้ ลิสซิ่ง’ เราได้ Positioning เช่นเดียวกับ SCM ด้วยการมองลูกค้าที่ใช้บริการให้มีความพร้อมตลอดช่วงชีวิตไม่ใช่เฉพาะช่วงที่มาให้บริการกับบริษัทฯ เท่านั้น ด้วยการส่งต่อ Mindset การให้ความรู้ทางด้านการเงิน หรือถ้าต้องการหารายได้เพิ่ม หรือเห็นโอกาสก็สามารถเข้ามาในระบบนิเวศของ SCM ได้ตรงนี้เป็นภาคสมัครใจ
สำหรับแผนในอนาคตเราก็มองการขยายฐานธุรกิจอื่นๆ ด้วย แต่ทั้งนี้ ก็ต้องผ่านการพิจารณาอย่างรอบคอบภายใต้การจัดการความเสี่ยงที่ดี ตามมาตรฐานด้วย โดยส่วนที่อยู่ในแผนงานปี 2566 คือ การผลิตแบบ OEM ซึ่งจะต้องมุ่งทำ R&D เพื่อสร้างนวัตกรรมให้กับสินค้า