ด้วยระยะเวลาที่ดำเนินมาจนครบ 9 เดือนแรกของปี 2017 Porsche AG ประสบความสำเร็จทั้งในแง่ของผลการดำเนินงานรายรับยอดส่งมอบรถยนต์ใหม่และจำนวนบุคลากรผู้ปฏิบัติงานที่มีตัวเลขเพิ่มสูงขึ้น ทั้งนี้ในส่วนของผลประกอบการเพิ่มขึ้นกว่า 5% ถึง 3.0 พันล้านยูโรในขณะที่รายรับเพิ่มสูงขึ้นอีก 4% หรือ 17.1 พันล้านยูโรผลกำไรเบื้องต้นคงตัวอยู่ที่ 17.6% เมื่อผ่านพ้นไตรมาสที่ 3 ของปี 2017 ยอดส่งมอบรถยนต์ใหม่เพิ่มขึ้นอีก 4% คิดเป็นจำนวน 185,898 คันปริมาณของบุคลากรในบริษัทเพิ่มขึ้นสูงถึง 8% รวมทั้งสิ้น 29,284 คน
"เราใช้ประสิทธิผลที่เกิดขึ้นจากผลกำไรที่ดีเยี่ยมมาอย่างยาวนานของเรา เปรียบเสมือนแหล่งเงินทุนในการค้นคว้าวิจัยเพื่อสร้างสรรค์ยานพาหนะพลังงานไฟฟ้าและนวัตกรรมเทคโนโลยีล้ำยุค"
"สายเลือดของรถสปอร์ตพันธุ์แท้จาก 911 ได้รับการถ่ายทอดไปยังรถยนต์ทุกรุ่นเห็นได้ชัดจากพานาเมร่า (Panamera) และคาเยนน์ (Cayenne) รุ่นล่าสุด ที่สามารถสร้างความประทับใจให้แก่กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ของเราได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้เรายังตระหนักถึงแนวโน้มที่ดีในแง่ของการยอมรับเทคโนโลยีขับเคลื่อนแบบปลั๊กอิน-ไฮบริด (plug-in hybrid) นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เราเปิดตัวพานาเมร่า (Panamera) และพานาเมร่าสปอร์ตทัวริสโม่ (Panamera Sport Turismo) รุ่นเรือธงที่มีพละกำลังสูงสุดด้วยการติดตั้งระบบขับเคลื่อนไฮบริดส่วนในปี 2019 นับเป็นช่วงเวลาที่สำคัญของการก้าวไปสู่อนาคตที่รุ่งโรจน์ของปอร์เช่ ด้วยการมาถึงของยนตกรรมสปอร์ตที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าอย่างสมบูรณ์แบบเป็นครั้งแรก และนั่นคือ Misson E" Blume กล่าวเสริม
Lutz Meschke รองประธานและสมาชิกคณะกรรมการบริหาร ผูัดูแลรับผิดชอบส่วนงานการเงินและเทคโนโลยีสารสนเทศ ได้เน้นย้ำถึงการทุ่มเทอย่างหนักในการลงทุนค้นคว้าวิจัยทั้งการสร้างสรรค์ยานพาหนะพลังงานไฟฟ้าและนวัตกรรมดิจิทัลซึ่งถือเป็นความท้าทายอันยิ่งใหญ่ของบริษัทผู้ผลิตรถสปอร์ตชั้นนำของโลกแห่งนี้ ปอร์เช่กำลังอยู่ระหว่างการลงทุนที่เปี่ยมไปด้วยความสำคัญจากเม็ดเงินมากกว่า 3.0 พันล้านยูโรในส่วนของการพัฒนารถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยระบบปลั๊กอินไฮบริด(plug-in hybrid) และยานพาหนะพลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบภายในระยะเวลา 5 ปีต่อจากนี้ และผลสืบเนื่องจากการลงทุนดังกล่าวได้ช่วยสร้างตำแหน่งงานใหม่มากกว่า 1,200 ตำแหน่งที่โรงงาน Zuffenhausen
"ทั้งหมดนี้คือการลงทุนพัฒนาเพื่อวันข้างหน้าขององค์กรมุ่งไปตามแนวทางวัตถุประสงค์หลักของแผนกลยุทธ์ เพื่อนำมาซึ่งผลการดำเนินงานที่ประสบความสำเร็จจากตัวเลขกำไรเบื้องต้นอย่างน้อย 15% ต่อเนื่องไปในอนาคตทั้งนี้ การจะไปให้ถึงเป้าหมายดังกล่าวนั้นสามารถทำได้ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพให้แก่การบริหารจัดการโครงสร้างต้นทุนของเรานั่นเอง” Meschke กล่าวสรุปทิ้งท้าย
สำหรับปีงบประมาณ 2017 ที่กำลังดำเนินไปในปัจจุบัน Blume และ Meschke คาดการณ์ถึงผลการดำเนินงานเมื่อสิ้นสุดปีนี้ ด้วยตัวเลขที่กระเตื้องขึ้นจากความสำเร็จระดับสูงของปีที่แล้วในสัดส่วนเพียงเล็กน้อย โดยหวังว่าจำนวนยอดส่งมอบรถยนต์ใหม่และรายรับของบริษัทจะเป็น 2 ส่วนที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น