โลตัส เลือกใช้ Oracle Fusion Cloud ERP เสริมแกร่งระบบการเงิน/จัดซื้อให้สมาร์ทขึ้น
19 Dec 2022

ด้วยความมุ่งมั่นของ โลตัส (Lotus’s) หนึ่งในกลุ่มธุรกิจค้าปลีกชั้นนำรายใหญ่ที่สุดของไทยและมาเลเซียที่มุ่งเป็น New SMART Retail และเดินหน้าสู่การเป็น Everyday SMART Community เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของลูกค้ายุคใหม่ ล่าสุด โลตัสได้ปรับระบบการทำงานหลังบ้านครั้งใหญ่ ด้วยการยกระดับความร่วมมือทางธุรกิจระหว่างโลตัสกับออราเคิล เพื่อย้ายระบบงานของฝ่ายการเงินและการจัดซื้อเข้าสู่ Oracle Fusion Cloud Enterprise Resource Planning (ERP) อย่างเต็มรูปแบบ หลังจากที่ก่อนหน้านี้โลตัสได้ย้ายภาระงานบางส่วนเข้าสู่ Oracle Cloud Infrastructure (OCI) และ Oracle Exadata Cloud@Customer เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านต้นทุน ตลอดจนเพิ่มระดับการควบคุมและส่งเสริมธรรมาภิบาลในขั้นตอนการดำเนินธุรกิจของโลตัสให้ดียิ่งขึ้น

 

จัดการระบบหลังบ้าน สู่ New SMART Retail

การจับมือกันระหว่างโลตัสกับออราเคิล ครั้งนี้ ฐาปัตย์ สุนทรนพคุณ ผู้อำนวยการฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ - การเงิน ศูนย์การค้า ทรัพย์สิน และบุคลากร โลตัส เปิดเผยถึงที่มาและการเพิ่มขีดความสามารถของโลตัส ด้วย Oracle Cloud ERP ว่า

“เนื่องจากโลตัสมีแผนขยายสาขา next-generation ให้เป็น fulfillment center สำหรับธุรกิจออนไลน์ นอกจากการตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และความต้องการที่แปลกใหม่ของกลุ่มลูกค้ายุคดิจิทัล เพื่อสร้างความเติบโตและรักษาตำแหน่งผู้นำในตลาดค้าปลีก และการบริหารงานร้านค้าปลีกมากกว่า 2,660 สาขาทั้งในไทยและมาเลเซียให้เป็นไปอย่างราบรื่น ดังนั้น โลตัสจึงเลือกใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เพื่อเพิ่มความได้เปรียบทางการแข่งขันและยกระดับการดำเนินงานของฝ่ายการเงินและการจัดซื้อให้ทันสมัยยิ่งขึ้น”

 

 

จากการเลือกใช้ Oracle Cloud ERP เป็นแอปพลิเคชันหลักเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานของฝ่ายการเงินและการจัดซื้อ แทนที่แอปพลิเคชันบริหารการเงินแบบเดิม ทำให้โลตัสสามารถปรับเปลี่ยนขั้นตอนการดำเนินธุรกิจให้มีความทันสมัยและทำงานได้อย่างรวดเร็วขึ้นปิดรายงานผลการดำเนินงานได้ภายใน 3 วัน จากเดิมที่ต้องใช้เวลามากกว่า 3 วัน ซึ่งถือเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพ ส่งเสริมธรรมาภิบาลและการควบคุม รวมถึงยกระดับการตรวจสอบข้อมูลทางการเงินได้แบบเรียลไทม์ ผ่านขีดความสามารถในการรายงานผลรูปแบบใหม่ของระบบ

ทั้งนี้ ฐาปัตย์กล่าวเพิ่มเติมว่า “Oracle Cloud ERP ช่วยทำให้ฝ่ายการเงินและการจัดซื้อทันสมัยมากขึ้นกว่าเดิม  และทำให้กระบวนการทำงานของเรารวดเร็วขึ้น ดังนี้

1) Anywhere Anytime ทำให้ทุกคนสามารถทำงานได้แบบทุกที่ทุกเวลา 100%

2) Process Automation ทำให้การขอเอกสาร การขออนุมัติ การทำรายงานได้สะดวกขึ้น ทำให้ประหยัดเวลาสามารถออกจากระบบได้เลย ที่สำคัญ พนักงานในแผนกต่างๆ สามารถออกรายงานของตนเองได้ โดยไม่ต้องให้แผนกไอทีทำให้ เนื่องจากไม่ต้องเขียนโค้ดคอมพิวเตอร์ให้ยุ่งยาก (Decoding Flexibility)

3) Data Flexibility การใข้คลาวด์ทำให้ไม่ต้องซื้อฮาร์ดแวร์เพิ่ม ต่างจากยุคก่อนเมื่อมีดาต้า (ข้อมูล) เข้ามามากๆ ก็ต้องซื้อฮาร์ดแวร์เพิ่ม เนื่องจากทาง Oracle ปรับจูน Performance ให้ได้ทำให้องค์กรมีเวลานำดาต้ามาวิเคราะห์/ต่อยอด/ทำการตลาดได้อย่างแม่นยำมากขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นการเปลี่ยนบทบาทของฝ่ายการเงิน และฝ่ายจัดซื้อและการทำงานเบื้องหลังในส่วนของสำนักงาน (Operation) ได้มาก”

 

 

ปลดล็อกด้วย Oracle Cloud 

ขณะที่ ทวีศักดิ์ แสงทอง กรรมการผู้จัดการ ออราเคิล คอร์ปอเรชั่น ประเทศไทย กล่าวเสริมว่า

“การปรับเปลี่ยนขั้นตอนการทำงานเป็นระบบดิจิทัลถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับธุรกิจค้าปลีกทุกวันนี้ ในยุคที่กระแสอีคอมเมิร์ซกำลังเฟื่องฟูสุดขีดและห่วงโซ่อุปทานทวีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น ซึ่ง Oracle Cloud ERP ช่วยให้โลตัสสามารถเดินหน้าใช้นวัตกรรมและระบบอัตโนมัติขั้นสูงในการดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยปลดล็อกโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ และเข้าถึงมูลค่าที่ต้องการได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น ขณะเดียวกัน ก็มุ่งสนับสนุนลูกค้าใน 3 ด้าน คือ

1) Cost Saving เพราะต้นทุนเป็นปัจจัยที่สำคัญมาก โดยเฉพาะในธุรกิจรีเทลที่แข่งขันทางด้านราคา ดังนั้น จึงต้องช่วยให้ลูกค้าได้ต้นทุนที่ดีที่สุด ซึ่งการใช้คลาด์จะทำให้สามารถลดต้นทุนได้17-30%

2) Time to Value เพื่อช่วยให้ลูกค้ามีสินค้าที่ผุ้บริโภคต้องการ ซึ่งตรงนี้ Oracle Cloud จะช่วยทำให้สามารถวางแผนสำหรับการวางสินค้าได้อย่างแม่นยำขึ้น ทั้งขนาด, สี ฯลฯ

3) Customer Experience เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีกับลูกค้า ด้วยการนำดาต้ามาทำ  Customer Insight เพื่อตอบโจทย์ให้ตรงใจ”

 

 

ทั้งนี้ โลตัสเลือกระบบ Oracle Cloud เพื่อปลดล็อกตนเองให้ Speed to Market ด้วย Oracle Cloud ERP และ Oracle Cloud HCM ซึ่งเป็นระบบที่ได้รับความไว้วางใจและถูกเลือกใช้โดยองค์กรชั้นนำในอุตสาหกรรมต่างๆ ทั่วโลกมากกว่า 1.1 หมื่นแห่ง โดย Oracle Cloud ERP นำเสนอชุดฟีเจอร์ด้านการเงินและการดำเนินงานสำหรับวิสาหกิจมากมาย อาทิ Financials, Accounting Hub, Procurement, Project Management, Enterprise Performance Management, Risk Management, Subscription Management, และ Supply Chain Management & Manufacturing ส่วนชุดระบบ Oracle Fusion Cloud Applications Suite คือ แพลตฟอร์มที่สามารถอัปเดตระบบได้ด้วยตัวเองทุก 90 วัน ทำให้ลูกค้าได้ใช้งานเทคโนโลยีที่ทันสมัยและใหม่ล่าสุดอยู่เสมอ เพื่อมอบขีดความสามารถแก่องค์กรในการสร้างระบบงาน พัฒนานวัตกรรม การทำงานแบบอัตโนมัติ การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีใหม่ และไม่พลาดโอกาสทางธุรกิจที่จำเป็นสำหรับองค์กร

สำหรับโครงการติดตั้งใช้งานระบบในครั้งนี้ของโลตัส ดำเนินการโดย Accenture สมาชิกที่ทำงานร่วมกันมาอย่างยาวนานในเครือข่าย Oracle PartnerNetwork (OPN) ของออราเคิล “เทคโนโลยีมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้ผู้ค้าปลีกสามารถตอบสนองความต้องการที่กำลังเปลี่ยนแปลงของลูกค้าได้อย่างตรงจุด ตลอดจนสามารถนำเสนอบริการและประสบการณ์ได้ตามที่ลูกค้าคาดหวัง”

 

ความท้าทายของ Oracle Cloud

ฐาปัตย์กล่าวถึงความท้าทายของการใช้ Oracle Cloud ว่า ประกอบด้วย 3 ส่วน คือ ‘People - Process - IT’

People: เนื่องจากโลตัสมีเครือข่ายร้านค้าปลีกกว่า 2,660 สาขาทั้งในประเทศไทยและมาเลเซีย ดังนั้น ก็จะต้องมีการ Up-Skill พนักงานเพื่อปรับตัวเรียนรู้ และยอมรับการเปลี่ยนแปลงว่าระบบใหม่และกระบวนการใหม่เป็นอย่างไร และมีความสุขกับการใช้งาน ความสุขของพนักงานจึงจะสามารถส่งต่อไปที่ผู้บริโภคได้ ซึ่งตรงนี้ เราก็มีพนักงานเฉพาะทางที่ทำหน้าที่คอยดูแล เพื่อช่วยเหลือและแก้ปัญหาแบบเรียลไทม์

Process: จากการที่ฝ่ายจัดซื้อ ฝ่ายสโตร์ และสำนักงานใหญ่ต่างก็มีรูปแบบกระบวนการทำงานของตนเองแบบกระจายศูนย์ (Decentralize) ดังนั้น ทำอย่างไรจึงจะทำให้กระบวนการทำงานเป็นมาตรฐานเดียวกัน (Standardize) อีกทั้งมีความเรียบง่ายและชาญฉลาด (Simplify & Smart) ด้วย ดังนั้น ฝ่ายต่างๆ จึงต้องเข้ามาช่วยกันพัฒนาภายในระยะเวลาที่จำกัด

IT: การปรับตัวของฝ่ายไอทีที่เคยปรับจูนอะไรด้วยตนเอง แต่เมื่อใช้คลาวด์ ก็ต้องประสานงานกับ Oracle ซึ่งก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับรูปแบบการทำงานต่อไป

 

ฐาปัตย์กล่าวในตอนท้ายว่า “โลตัสใช้ Oracle Cloud เกือบทุกตัวแล้ว แต่สิ่งที่ต้องทำจากนี้เพิ่มเติมคือ การต่อยอด เนื่องจากเรามีพื้นฐานที่ดีกว่ามากๆ อยู่แล้วในปัจจุบัน ฉะนั้น การบูรณาการเพื่อเชื่อมต่อระบบอื่นๆ กับคลาวด์ก็จะทำให้ทุกๆ ระบบสามารถร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น”

[อ่าน 1,198]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ต้อนรับตรุษจีนปีมะเส็ง เต็มพื้นที่สยามเซ็นเตอร์และสยามดิสคัฟเวอรี่
ไฮเซ่นส์ นำเสนอ “Innovation In-Style” ยกระดับคุณภาพชีวิตในปี 2568
ยูนิโคล่ เดินหน้ามอบฮีทเทค 1 ล้านชิ้นทั่วโลก ตามพันธกิจ “The Heart of LifeWear”
มูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์ฯ ส่งต่อโอกาสการเข้าถึงแหล่งโภชนาการในพื้นที่ห่างไกล
เคทีซี ประกาศผลประกอบการ 2567 กำไรต่อเนื่อง 7,437 ล้านบาท
ซัมซุง ส่งผลิตภัณฑ์ทีวีและเครื่องเสียง คว้า 6 รางวัล จาก Best of The Best TV Award โดย LCDTVTHAILAND
MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved