บมจ.โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ (NOBLE) เดินเกมเปิดตัวโครงการใหม่ 10 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 23,300 ล้านบาท มุ่งขยายพอร์ตแนวราบเพิ่ม พร้อมวางเป้าขายปีนี้ที่ 23,000 ล้านบาท และรายได้รวมที่ 15,000 ล้านบาท ประกาศต่อยอดความสำเร็จปีที่ผ่านมาหลังยอดขายทำนิวไฮตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทฯ มาที่ระดับ 17,400 ล้านบาท หนุน Backlog ปี 2565 พุ่งกว่า 19,000 ล้านบาท
ธงชัย บุศราพันธ์ รองประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บมจ.โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ เปิดเผยถึง ทิศทางการดำเนินงานในปี 2566 ว่า บริษัทฯ จะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องจากปี 2565 โดยในปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ประสบความสำเร็จจากการเปิดขายโครงการใหม่ตลอดทั้งปีจำนวน 11 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 31,550 ล้านบาท ซึ่งสามารถกวาดยอดขาย (Pre-sale) ได้ที่ระดับ 17,400 ล้านบาท หรือขยายตัว 17% เมื่อเทียบกับปี 2564 ซึ่งทำยอดขายได้ 8,035 ล้านบาท และส่งผลให้ ณ สิ้นปี 2565 บริษัทฯ มียอดขายรอโอน (Backlog) รวมมูลค่ากว่า 19,000 ล้านบาท ถือเป็นยอดขายและยอดขายรอโอนที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทฯ มา (All-Time High)
สำหรับในปี 2566 บริษัทฯ มีแผนเปิดตัวโครงการใหม่อย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับความต้องการที่อยู่อาศัย (Demand) ที่เติบโตตามภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว รวมทั้งความต้องการบ้านหลังที่สองของชาวต่างชาติที่เพิ่มขึ้นจากการเปิดประเทศ โดยในปีนี้บริษัทฯ มีแผนเปิดตัวโครงการใหม่จำนวนทั้งสิ้น 10 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 23,300 ล้านบาท โดยกระจายตัวอยู่ทุกทิศของกรุงเทพฯ เช่น แถบกรุงเทพตะวันตก และตะวันออก เป็นต้น รวมถึงทำเลกลางใจกลางเมือง อาทิ ถนนวิทยุ เป็นต้น โดยบริษัทฯ มีที่ดินพร้อมสำหรับรองรับการพัฒนาโครงการแล้วทั้งหมด ประกอบด้วย
นอกจากนี้ บริษัทฯ มีแผนเปิดโครงการที่เน้นเจาะกลุ่ม Ultra Luxury อีก 3 โครงการ ได้แก่
ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังมีสินค้ารองรับความต้องการอยู่อาศัยของผู้บริโภคในทุกสถานะการก่อสร้าง ซึ่งจะผลักดันยอดขายและรายได้ในปีนี้ของบริษัทฯ ให้เติบโตสูงขึ้นอีกด้วย ได้แก่
จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้พฤติกรรมการซื้อที่อยู่อาศัยของผู้บริโภคชาวจีนในประเทศไทยเปลี่ยนไป หันมานิยมซื้อที่อยู่อาศัยแบบสร้างเสร็จพร้อมอยู่แล้วมากขึ้น เพราะสามารถเห็นโครงการจริงและวิวจริง ซึ่งสามารถชมโครงการได้หลายรูปแบบทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์ อีกทั้งยังมีความต้องการห้องที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อรองรับการอยู่อาศัยเองทั้งครอบครัวจากเดิมที่นิยมซื้อเพื่อลงทุน โดยที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้เปิดตัวโครงการใหม่ในทำเลพระราม 9 ซึ่งเป็นย่านนิยมของนักลงทุนต่างชาติติดห้างเซ็นทรัลพระราม 9 คือ โครงการ นิว ดิสทริค อาร์ 9 เป็นโครงการคอนโดมิเนียมแนวสูง ปัจจุบันโครงการมียอดขายแล้วกว่า 75% ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีมากจากทั้งลูกค้าชาวไทยและลูกค้าต่างชาติ” ธงชัยกล่าว
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังประเมินภาพรวมของเศรษฐกิจไทยว่า จะยังคงฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยบวกจากการผ่อนคลายมาตรการป้องกันของโรคโควิด-19 ประกอบกับการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวของไทยในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้ภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัวได้ดี เกิดการจ้างงานมากขึ้นผลให้ประชากรภายในประเทศมีกำลังซื้อเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่ล่าสุดรัฐบาลจีนก็ได้ประกาศปลดล็อคและเปิดประเทศอย่างเป็นทางการ ซึ่งถือเป็นอีกปัจจัยบวกใหม่ที่จะทำให้ภาคการท่องเที่ยวของไทยคึกคักมากขึ้น และจะเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทยด้วยจากการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวประเทศไทยของนักท่องเที่ยวชาวจีน
“จากการฟื้นตัวของภาพรวมเศรษฐกิจ ประกอบกับ Backlog ที่มี ณ ปัจจุบัน รวมถึงโครงการแนวราบที่จะทยอยส่งมอบในปีนี้ บริษัทฯ เชื่อว่า จะส่งผลบวกต่อทิศทางการดำเนินงานในปี 2566 อย่างมีนัยสำคัญ และคาดว่าจะทำให้รายได้รวมของบริษัทแตะที่ระดับ 15,000 ล้านบาท” ธงชัยกล่าว