เอสซีจี เซรามิกส์ แถลงผลประกอบการปี 2565 ยอดขายยังโต พร้อมชู COTTO เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่
25 Jan 2023

ผลประกอบการปี 2565 เอสซีจี เซรามิกส์ มีรายได้จากการขาย 13,157 ล้านบาท เพิ่มขึ้น ร้อยละ 17 จากยอดขายในประเทศและการส่งออกเพิ่มขึ้น ทั้งนี้บริษัทขาดทุน 228 ล้านบาท จากการตั้งสำรองด้อยค่าของสินทรัพย์ และค่าเผื่อมูลค่าสินค้าลดลงของสินค้าคงเหลือของโรงงานผลิตแผ่นหินประดิษฐ์ขนาดใหญ่ ประกอบกับราคาก๊าซธรรมชาติที่เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อผลประกอบการไตรมาส 4 เตรียมรับมือด้วยแผนลดต้นทุนการผลิตและเร่งโครงการ Energy Saving พร้อมดัน COTTO ขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มคนรุ่นใหม่

นายนำพล มลิชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสซีจี เซรามิกส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายกระเบื้องภายใต้แบรนด์  “คอตโต้” (COTTO) โสสุโก้ (SOSUCO) และ คัมพานา (CAMPANA) เปิดเผยงบการเงินรวมก่อนตรวจสอบของ COTTO ไตรมาสที่ 4 ปี 2565 บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย  3,154  ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 14  จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ ลดลง ร้อยละ 7 จากไตรมาสก่อน ขาดทุนสำหรับงวดเท่ากับ 741 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลประกอบการที่รวมการตั้งสำรองการด้อยค่าของสินทรัพย์ การตั้งค่าเผื่อมูลค่าสินค้าลดลงของสินค้าคงเหลือของโรงงานผลิตแผ่นหินประดิษฐ์ขนาดใหญ่ 847 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายสำหรับแผนการออกจากงานด้วยความเห็นชอบร่วมกัน 20 ล้านบาท ทั้งนี้ หากไม่รวมรายการสำคัญ (Key Items) ดังกล่าว ขาดทุนจากการดำเนินงานปกติจะอยู่ที่ 47 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 178 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยสาเหตุหลัก คือ ต้นทุนวัตถุดิบและพลังงาน โดยเฉพาะราคาก๊าซธรรมชาติที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

สำหรับผลประกอบการปี  2565  บริษัทฯ มีรายได้จากการขายรวม 13,157  ล้านบาท เพิ่มขึ้น จากปี 2564 ร้อยละ 17 เป็นผลจากการปรับราคาขายขึ้นและยอดขายภายในประเทศที่เติบโตขึ้น โดยบริษัทขาดทุนเท่ากับ 228ล้านบาท ลดลงร้อยละ 139 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หากไม่รวมรายการสำคัญ (Key Items) กำไรจากการดำเนินงานปกติจะเท่ากับ 469 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 13 เนื่องจากราคาพลังงานพุ่งสูงจนส่งผลกระทบต่อกำไรในไตรมาสที่ 4 และคาดว่าจะยังคงเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ และสถานการณ์ตลาดกระเบื้องเซรามิกในปีนี้ต่อไปอีกระยะหนึ่ง

นายนำพล เปิดเผยว่า คาดว่าความต้องการใช้สินค้ากระเบื้องเซรามิกโดยรวมในปี 2566 มีแนวโน้มขยายตัวตามการฟื้นตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์  ตามเศรษฐกิจโดยรวมที่น่าจะขยายตัวและมีแนวโน้มที่ดีขึ้นโดยมีแรงหนุนจากภาคการท่องเที่ยว อย่างไรก็ตามในด้านต้นทุนการผลิตยังมีปัจจัยสำคัญที่ต้องจับตามอง โดยเฉพาะราคาพลังงาน รวมถึงอัตราเงินเฟ้อ ทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น และหนี้ครัวเรือนที่มีผลต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค

 

“ในปีนี้ บริษัทฯ เตรียมรับมือกับต้นทุนวัตถุดิบและต้นทุนพลังงานที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น ด้วยการลดต้นทุนการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ และเร่งโครงการ Energy Saving ให้เกิดผลเร็วขึ้น ในส่วนของการสร้างรายได้และกำไร คาดการณ์ว่าจะได้ส่วนเพิ่มจากสินค้าและบริการใหม่ๆ ทั้ง LT by COTTO, Pool & Decorative Tiles, C’Tis บริการติดตั้งวัสดุกรุผิวครบวงจร, ผลิตภัณฑ์ติดตั้งและซ่อมแซมพื้นผิว, SUSUNN Smart Solution ธุรกิจด้านการจัดการพลังงานและด้านวิศวกรรม” นายนำพล กล่าว

ด้านการแข่งขันในอุตสาหกรรมมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นกว่าปีก่อน ดังนั้น เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน พร้อมกับรักษาส่วนแบ่งการตลาดและสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ บริษัท ฯ มุ่งเน้นให้ความสำคัญกับกลยุทธ์ด้านการพัฒนาช่องทางจัดจำหน่ายเพื่อยกระดับความพึงพอใจของลูกค้าและคู่ค้า โดยการร่วมกับร้านค้าโมเดิร์นเทรด ผู้แทนจำหน่าย รวมถึงช่องทางออนไลน์ เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงสินค้าได้ง่ายและทั่วถึง บริหารพอร์ตสินค้า โดยจะเน้นขายสินค้าที่มีกำไรสูง ตลอดจนปรับราคาสินค้าเพื่อให้สอดคล้องกับต้นทุนการผลิต ควบคู่ไปกับการยกระดับมาตรฐาน ทั้งในด้านดีไซน์ ความสวยงาม คุณภาพสินค้า และการบริการที่เหนือกว่า เมื่อเทียบกับสินค้าทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะสินค้าที่มุ่งแข่งขันเรื่องราคาเป็นหลัก และมุ่งที่จะขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เริ่มเป็นกำลังซื้อที่สำคัญ

 

 

“ในปีนี้ COTTO มุ่งเน้นที่จะสื่อสารกับกลุ่มคนรุ่นใหม่ (Young Generation) โดยเฉพาะกลุ่มเจ้าของบ้าน สถาปนิก และดีไซน์เนอร์ ให้มากขึ้น เนื่องจากเรามองว่ากลุ่มคนรุ่นใหม่กำลังจะก้าวเข้าสู่ตลาดแรงงานมากขึ้นเรื่อยๆ และจะกลายเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อมากขึ้นในอนาคตด้วย เราจึงมีแนวทางพัฒนาสินค้าภายใต้ดีไซน์คอนเซปต์ให้เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายที่อายุน้อยลง และมีสินค้าที่หลากหลายมากขึ้น โดยจะมีการออกสินค้าคอลเลกชันใหม่ ที่จะมุ่งตอบสนองความต้องการของลูกค้ากลุ่มใหม่ เพื่อให้ COTTO มีภาพลักษณ์ที่ดูทันสมัยขึ้นและเข้าถึงลูกค้ากลุ่มนี้ได้มากขึ้น ผสมผสานกับการสื่อสารที่สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าในแต่ละ Segment ได้ตรงจุดและเข้าถึงได้ง่ายขึ้น

เชื่อว่าถ้าเราสามารถปรับการสื่อสารได้หลากหลายรูปแบบตามกลุ่มลูกค้าที่เปลี่ยนไปในแต่ละรุ่นก็จะทำให้ COTTO สามารถเข้าถึงลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น สุดท้ายแล้วจะทำให้ลูกค้านึกถึงแบรนด์ COTTO อยู่เสมอ เป็นการตอกย้ำว่าเราจะยังคงเป็นผู้นำเทรนด์และสามารถตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่มได้ ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าในอดีต ปัจจุบัน หรือ ในอนาคต” นายนำพล กล่าวสรุป

[อ่าน 1,188]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
“ยืดเปล่า จับมือ GDH รันวงการเสื้อยืดคอลเล็คชั่นสุดลิมิเต็ด! จากภาพยนตร์ ‘404 สุขีนิรันดร์..RUN RUN’
BINANCE TH เผยเลือกตั้งสหรัฐฯ 2024 คือจุดเปลี่ยนสำคัญของโลกการเงินดิจิทัล
พันธุ์ไทย สร้างปรากฏการณ์ใจฟู! เปิดตัว “คัลแลน-พี่จอง” Brand Presenter คู่แรกของพันธุ์ไทย
CIB ผสานพลัง AIS ยกระดับภารกิจปกป้องประชาชน เปิดบริการ *1185# แจ้งอุ่นใจ ตัดสายโจร
ครอบครัววอลโว่ รวมพลังเฉลิมฉลองฮาโลวีน Volvo Family Day Playful Halloween
เอสซีจี แถลงผลประกอบการไตรมาส 3 และ 9 เดือนปี 2567 
แก้เกมระยะสั้น เดินเกมระยะยาว
MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved