“แลคตาซอย” เตรียมลงทุนเพิ่มพื้นที่คลังสินค้าเพื่อตอบสนองร้านค้าย่อยทั่วประเทศ เดินหน้าปรับเปลี่ยนเครื่องจักรรุ่นใหม่ในโรงงานผลิตที่ จ.ปราจีนบุรี วางเป้าเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 300 ล้านกล่องต่อปี รองรับการเติบโตของตลาดทั้งในประเทศและอินโดไชน่า พร้อมรุกตลาดนมถั่วเหลืองต้นปี เปิดแคมเปญใหม่ คว้าตัวศิลปินสุดฮอต “เปเปอร์ เพลนส์” นั่งแท่นพรีเซนเตอร์พร้อมทำเพลงประกอบหนังโฆษณา “แลคตาซอย 125 มิลลิลิตร” มุ่งสร้างความจดจำแบรนด์แลคตาซอย ตอกย้ำผู้นำตลาดนมถั่วเหลืองของไทย ตั้งเป้าปีนี้ยอดขายเติบโตประมาณ 5-8 %
มัลลิกา จิรพัฒนกุล ผู้จัดการใหญ่ฝ่ายขาย บริษัท แลคตาซอย จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มนมถั่วเหลืองแลคตาซอย เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจแลคตาซอยในปีที่ผ่านมานับว่ายังคงมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยปี 2565 มียอดขาย 10,614 ล้านบาท เติบโต 3.12% เมื่อเทียบกับยอดขายปี 2564 โดยแบ่งเป็นยอดขายในประเทศ 80% และต่างประเทศ 20% การเติบโตดังกล่าวเป็นผลมาจากความไว้วางใจของผู้บริโภคที่มีต่อผลิตภัณฑ์แลคตาซอย และการรักษาโครงสร้างราคาขายที่เหมาะสมในช่วงเวลาที่ผ่านมา รวมไปถึงการออกผลิตภัณฑ์ใหม่การจัดแคมเปญ และกิจกรรมส่งเสริมการขายทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าในปีนี้จะสามารถทำยอดขายเติบโตอยู่ที่ประมาณ 5-8%
สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจของแลคตาซอยในปี 2566 นี้ บริษัทฯ มีแผนการขายในประเทศควบคู่ไปกับการขายต่างประเทศ โดยประเทศที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย คือ กลุ่มประเทศอินโดไชน่า ส่วนการขายในประเทศยังคงผ่านช่องทางหลักโดยการกระจายสินค้าผ่านคลังสินค้ากว่า 73 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งบริษัทจะมีการเพิ่มพื้นที่คลังสินค้า เพื่อตอบสนองร้านค้าย่อย รวมไปถึงการให้ความสำคัญกับการขายผ่านห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ และร้านค้าปลีก นอกจากนี้ยังมุ่งพัฒนาการขายผ่านระบบออนไลน์มากขึ้น มีการปรับโฉมเวปไซต์ให้ทันสมัยและรองรับระบบการขายแบบ E - Commerce พร้อมกับการจัดทำระบบ CRM อย่างเต็มรูปแบบ
นอกจากนี้ บริษัทฯ มีแผนขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจากเดิมอีก 300 ล้านกล่องต่อปีโดยลงทุนปรับเปลี่ยนเครื่องจักรรุ่นใหม่ในโรงงานผลิตที่ จ.ปราจีนบุรี เพื่อรองรับการเติบโตของตลาดทั้งในประเทศและอินโดไชน่า พัฒนาปรับเปลี่ยนเครื่องจักรใหม่รุ่นใหม่ทดแทนเครื่องจักรเดิมที่มีกำลังการผลิตไม่สูง รวมถึงการลงทุนกว่า 150 ล้านบาทเพื่อติดตั้งโซล่าเซลล์ ในโครงการพลังงานสะอาด นางสาวมัลลิกา กล่าว
ด้านนางสาวพรรวนา มหาทรัพย์ ผู้จัดการฝ่ายโฆษณาและการตลาดสัมพันธ์ บริษัท แลคตาซอย จำกัด กล่าวว่า สำหรับกลยุทธ์การทำตลาดในปีนี้ บริษัทฯ มีแผนทำโฆษณาและประชาสัมพันธ์ทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ สำหรับกลยุทธ์การทำตลาดในประเทศ ได้จัดแคมเปญพร้อมเปิดตัวพรีเซนเตอร์ใหม่ ได้แก่ ศิลปินสุดฮอต “เปเปอร์ เพลนส์” Paper planes พร้อมทำเพลงประกอบหนังโฆษณา “แลคตาซอย 125 มิลลิลิตร” มุ่งสร้างความจดจำแบรนด์แลคตาซอย ซึ่งการเลือกใช้มาจากกระแสการตอบรับที่ดีของศิลปินในกลุ่มครอบครัว เด็กและบุคคลทั่วไป ซึ่งเป็นกลุ่มผู้บริโภคของแลคตาซอยเช่นกัน ในขณะที่ตลาดต่างประเทศจะให้ความสำคัญกับกลุ่มอินโดไชน่าโดยจะเริ่มเข้าไปทำการโฆษณาอย่างจริงจังเพื่อขยายตลาดให้มีมูลค่าสูงขึ้น
“ผลิตภัณฑ์แลคตาซอย 125 มิลลิลิตร ไม่มีการลดปริมาณและยังคงยืนหยัดที่จะบรรจุ 125 มิลลิลิตรเต็มกล่องเช่นเดิม ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทฯ มีแนวทางในการทำตลาดโดยกำหนดราคาขายปลีกที่เหมาะสม เพื่อคำนึงถึงผู้บริโภคให้สามารถซื้อสินค้าได้อย่างเต็มใจ โดยผลิตภัณฑ์ของแลคตาซอยมีการผลิตสินค้าที่บรรจุเต็มกล่องมาตลอดระยะเวลาหลายสิบปี (23 ปี) และขายในราคาเดิม ไม่มีการลดปริมาณในทุกรายการ ส่วนราคาของกลุ่มผลิตภัณฑ์นมและนมถั่วเหลืองในตลาดที่มีการปรับตัวสูงขึ้นแล้วนั้น หากเปรียบเทียบราคาต่อปริมาณบรรจุของสินค้า เรายังคงมั่นใจว่า แลคตาซอยมีราคาที่ดีและคุ้มค่าที่สุดในตลาดนมและนมถั่วเหลือง” นางสาวพรรวนา กล่าว
s
ทั้งนี้ ในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้ บริษัทฯ จะมีการพัฒนาและปรับสูตรของสินค้าบางรสชาติให้มีความสอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค รวมถึงการพัฒนาสินค้าในหมวดแลคตาซอย โกลด์ซีรีย์
โดยปัจจุบันผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ที่ได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคและมียอดขายเป็นอันดับต้นๆ ได้แก่ รสออริจินัล (สูตรต้นตำรับ) คิดเป็นสัดส่วนการขายกว่า 80% นอกจากนี้ยังมีอีกหลากหลายรสชาติให้ผู้บริโภคได้เลือกดื่ม เช่น รสช็อคโกแลต ไฮแคลเซียม งาดำ ไลท์ผสมคอลลาเจน กรีนที รวมถึงแลคตาซอยไม่หวาน ที่ยังคงได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคมาโดยตลอด
อย่างไรก็ดี จากการสำรวจข้อมูลของแลคตาซอยพบว่า ปัจจุบันตลาดนมถั่วเหลือง มีมูลค่าประมาณ 19,000 ล้านบาท โดยแลคตาซอยมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 56% โดยการบริโภคนมถั่วเหลืองยังคงเป็นที่ยอมรับจากผู้บริโภค ด้วยคุณค่าทางอาหารของนมถั่วเหลืองที่อุดมด้วยโปรตีนซึ่งมีความจำเป็นต่อการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย และสอดรับกับกระแสของการบริโภค “แพลนท์เบส” Plant-based โปรตีนที่มาจากพืช จึงมั่นใจว่ายังคงได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคและยังคงสามารถเติบโตได้