เมื่อ Toyota เปลี่ยน ‘แม่ทัพคนใหม่’ จะทำให้การเร่งเครื่องบนสนาม ‘ยานยนตร์ไฟฟ้า’ เร็วขึ้นหรือไม่?
15 Feb 2023

สร้างความเซอร์ไพรส์ไปทั่วโลก เมื่อจู่ๆ Toyota ได้ตัดสินใจเปลี่ยน 'แม่ทัพคนใหม่’ จากทายาทสายตรง มาเป็นวิศวกรลูกหม้อที่อยู่มายาวนาน

คำถามสำคัญไม่ได้อยู่ที่ว่า ทำไมถึงต้องเปลี่ยน แต่สิ่งที่คนทั่วไปตั้งคำถามคือ แม่ทัพคนใหม่นี้จะช่วยให้ Toyota สามารถเร่งเครื่องบนสนามยานยนต์ไฟฟ้าได้เร็วขึ้นหรือ 

เพราะวันนี้ยักษ์ใหญ่จากแดนซามูไร กำลังถูกตั้งคำถามว่า ช้าไปหรือไม่ กับยานยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งทุกคนกำลังให้ความสนใจเป็นอย่างมาก

 

ลูกหม้อของ Toyota ที่อยู่มานานสามทศวรรษ

"ฉันชอบทำรถยนต์ นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันอยากเป็นประธานาธิบดีที่สร้างสรรค์รถยนต์ต่อไป เพื่อแสดงให้เห็นว่า Toyota ควรอยู่ในรูปของรถยนต์อย่างไร" โคจิ ซาโตะ ผู้ที่จะเข้ามารับตำแหน่งประธานและซีอีโอของ Toyota Motor กล่าว

ซาโตะจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัย Waseda University ในปี 1992 ด้วยสาขาวิศวกรรมเครื่องกล ซึ่งเขาสร้างรถยนต์ของ Toyota มาเป็นเวลากว่าสามทศวรรษ รวมถึง Prius ซึ่งเป็นรถยนต์ไฮบริดรุ่นเรือธงของ Toyota และ Corolla ที่ใช้ไฮโดรเจน

ปัจจุบันเขารั้งตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายวิศวกรรมและประธานของ Lexus ซึ่งเป็นแบรนด์รถยนต์หรูในเครือของ Toyota Motor  วิศวกรมากประสบการณ์คนนี้ได้รับการยกย่องจาก 'อากิโอะ โตโยดะ’ ซึ่งเป็นผู้ส่งต่อตำแหน่งว่า เป็นบุคคลที่ "ทำงานอย่างหนักในในการดูแลการผลิตรถยนต์เพื่อให้ได้มาซึ่งปรัชญา เทคนิค ธรรมเนียมปฎิบัติของ Toyota”

Nikkei Asia รายงานว่า ลูกหม้อของ Toyota คนนี้ "ไม่เคยแสดงอาการเดือดร้อนใดๆ" และยังคงรักษา "บุคลิกที่กระฉับกระเฉงและแนวทางปฏิบัติจริง" อยู่เสมอ ตามคำกล่าวของผู้บริหารที่รู้จักวิศวกรคนนี้ตั้งแต่ช่วงแรกๆ เขาปฏิบัติตามความเชื่อที่ว่าไม่มีสิ่งใดใหม่ที่สามารถสร้างขึ้นได้โดยไม่ผลักดันสิ่งต่างๆ ให้ถึงขีดจำกัด

 

 

ความเป็น ‘เด็ก’ จะได้เปรียบ

การเปลี่ยนแม่ทัพในรอบ 14 ปีของ Toyota เกิดขึ้นในขณะที่ยักษ์รถยนต์ต้องรับมือกับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 และการเพิ่มขึ้นของรถยนต์ไฟฟ้าและเทคโนโลยีการเคลื่อนที่อื่นๆ

Toyota กำลังเผชิญกับคำวิจารณ์ว่า ‘ช้าเกินไป’ ที่จะปรับตัวให้เข้ากับผู้ท้าชิงสนามในยานยนต์ไฟฟ้าที่กำลังแข็งเกร่งขึ้นอย่างมาก เช่น Tesla และ BYD ของแดนมังกร

โตโยดะ ซึ่งเป็นสมาชิกของครอบครัวผู้ก่อตั้งบริษัทผู้ผลิตรถยนต์จะขึ้นเป็น Chairman ในการแถลงข่าวเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลง เขาเน้นย้ำถึงความจำเป็นที่บริษัทจะต้องมีทีมผู้บริหารชุดใหม่ที่มีผู้นำอายุน้อยเพื่อรับมือกับความท้าทายข้างหน้า

โดยอายุที่ค่อนข้างน้อยของซาโตะถือเป็นปัจจัยที่ทำให้เขาได้รับเลือก "เพื่อส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงในยุคที่ยังไม่ทราบคำตอบที่ถูกต้อง ทำให้ผู้บริหารระดับสูงจำเป็นต้องอยู่ในแนวหน้าต่อไป ในการทำเช่นนั้นความแข็งแกร่งทางร่างกาย พลังงาน และความหลงใหลเป็นสิ่งสำคัญ ผมคิดว่าการที่ยังเด็ก เป็นแรงดึงดูดที่ยิ่งใหญ่ในตัวเอง"

 

การเปลี่ยนแปลง ‘ครั้งใหญ่ในศตวรรษ’

อุตสาหกรรมยานยนต์มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เมื่อต้องเผชิญกับสิ่งที่โตโยดะเรียกว่าการเปลี่ยนแปลง ‘ครั้งใหญ่ในศตวรรษ’ ผู้ผลิตรถยนต์ในขณะนี้ไม่เพียงแต่แข่งขันกันที่ความสามารถทั่วไป เช่น ความเร็ว ความทนทาน และความปลอดภัย แต่ยังแข่งขันกับกฎเกณฑ์ใหม่ เช่น ความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและฟังก์ชันการทำงานที่ล้ำสมัย ตั้งแต่ปัญญาประดิษฐ์ไปจนถึงการขับขี่อัตโนมัติและความบันเทิง

สถานการณ์ดังกล่าวได้เปิดประตูสู่ผู้มาใหม่เช่น Tesla, BYD และล่าสุด Sony Honda Mobility ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างบริษัทยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่น 2 แห่ง    

"ผมเป็นคนหัวโบราณ" โตโยดะกล่าว โดยบอกเป็นนัยว่าความหลงใหลในรถยนต์ของเขาเป็นตัวขัดขวางแนวทางของบริษัทในการปรับตัวให้เข้ากับเทรนด์ยุคหน้า เช่น การแปลงเป็นดิจิทัล การใช้พลังงานไฟฟ้า และการเชื่อมต่อ

 

ดังนั้นการลาออกของโตโยดะจะทำให้ Toyota เดินทางสู่เส้นทางใหม่ๆ ซึ่งโตโยดะยังกล่าวอีกว่าผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นควร ‘เป็นอิสระและเติบโต’ โดยยอมรับว่าในขณะที่ความเป็นผู้นของเขาอาจเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จก่อนหน้านี้ของบริษัท แต่ตอนนี้ก็ไม่เพียงพออีกต่อไป

โตโยดะ กล่าวว่าเขาได้บอกกับแม่ทัพคนใหม่ว่า ไม่ควรพยายามจัดการบริษัทเพียงลำพังแต่ควรทำร่วมกับทีม โดย ‘ภารกิจของทีมงานใหม่ซึ่งนำโดย โคจิ ซาโตะ คือการปรับโฉม Toyota ให้เป็นบริษัทแห่งการขับเคลื่อน (Mobility Company)’

 

 

เดินหน้าสู่พลังงานสีเขียว

เหตุผลที่ Toyota ต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองเพราะเวลานี้ธุรกิจทั่วโลกกำลังเดินหน้าสู่พลังงานสีเขียว โดยบริษัทต่างๆ นักลงทุนและรัฐบาลบางแห่งกำลังผลักดันการก้าวกระโดดไปสู่พลังงานหมุนเวียนและเทคโนโลยีสีเขียวโดยอ้างว่าผู้บริโภคและโครงสร้างพื้นฐานจะตามทันการเปลี่ยนแปลง

ในขณะเดียวกัน หน่วยงานรัฐบาลและนักลงทุนต่างจูงใจให้บริษัทต่างๆ หันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าด้วยการอุดหนุนและการลดหย่อนภาษี อย่างเครดิตภาษีรถยนต์ไฟฟ้าใหม่ในกฎหมายของสหรัฐอเมริกาที่มีชื่อว่า Inflation Reduction Act ใช้ไม่ได้กับรถยนต์ไฮบริด แต่ต้องเป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% เท่านั้น

ด้านสหภาพยุโรปได้กำหนดให้มีการขายรถยนต์ใหม่ที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ภายในปี 2035 ส่วนรัฐแคลิฟอร์เนียจะอนุญาตให้การขายรถยนต์ใหม่ต้องเป็นรถยนต์ไฟฟ้า ปลั๊กอินไฮบริด และรถยนต์เซลล์ไฮโดรเจนเท่านั้น ซึ่งกฎใหม่นี้จะเริ่มในปี 2578 2035

ปัจจุบันรถยนต์ไฟฟ้ากำลังเติบโตในตลาดยุโรปและสหรัฐอเมริกา และหนึ่งในห้าของตลาดรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกคือจีนได้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าอย่างแพร่หลายอยู่แล้ว

 

เทคโนโลยีที่ยังไม่สมบูรณ์

แม้ผู้คนจะตื่นเต้นกับรถยนต์ไฟฟ้า แต่โตโยดะเขาต้องการตัดสินใจเกี่ยวกับบทบาทของรถยนต์ไฟฟ้าในเส้นทางที่ถูกต้อง ไม่ใช่ตื่นเต้นกับสิ่งที่เขาเห็นว่าเป็น 'เทคโนโลยีที่ยังไม่สมบูรณ์’

สำหรับโตโยดะเขามองว่า สิ่งที่เหมาะสมตอนนี้คือการมีรถยนต์ที่หลากหลายซึ่งรวมถึงรถยนต์ไฟฟ้าด้วย เพราะแทบจะไม่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเลย ในขณะที่มีโรงไฟฟ้าถ่านหินที่ได้ผลิตไฟฟ้าสำหรับใช้ขับเคลื่อนรถยนต์บนท้องถนน และในประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียก็ไม่น่าจะสามารถสร้างพลังงานหมุนเวียนได้อย่างรวดเร็ว

โดยโตโยดะยังคงยึดมั่นในนโยบาย ‘แนวทางแก้ปัญหาหลายทาง’ ต่อวิกฤติสภาพอากาศ ซึ่งไม่ได้ฉายแสง เฉพาะรถยนต์ไฟฟ้าเท่านั้น แต่ยังรวมถึงรถยนต์ไฮบริดและรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฮโดรเจนด้วย 

แม่ทัพคนใหม่ของ Toyota ได้สะท้อนปรัชญานี้ในวิดีโอคลิปที่เปิดในงานแถลงข่าวว่า "การใช้ไฟฟ้าไม่ใช่วิธีเดียวที่จะบรรลุเป้าหมายนี้ ... คุณต้องใช้วิธีการแบบ 360 องศาเพื่อให้ได้มาซึ่งความเป็นกลางทางคาร์บอน"

 

 

ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้ายังน้อยนิด

The Wall Street Journal รายงานว่า ตัวเลขล่าสุดนั้น Toyota ยังคงเป็นผู้นำในการขายรถไฮบริดและปลั๊กอินไฮบริด ซึ่งเป็นรถสองรุ่นที่มีสัดส่วนเกือบ 30% ของยอดจัดส่งทั่วโลกในปี 2022 จนถึงเดือนพฤศจิกายน แต่ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า 100% ยังถือว่าน้อยนิด

ในสหรัฐอเมริกาซึ่ง Tesla ครองตลาดรถยนต์ไฟฟ้านั้น Toyota ไม่ได้ติดอันดับ 1 ใน 10 อันดับแรกของผู้ขายรถยนต์ไฟฟ้าในปีที่แล้ว ตามรายงานของบริษัทวิจัยข้อมูล Motor Intelligence

ทั่วทั้งอุตสาหกรรมรถยนต์มากกว่า 1 ใน 10 ที่ขายในยุโรปในปี 2022 และเกือบ 1 ใน 5 ในประเทศจีนเป็นรถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ ตามข้อมูลของ LMC Automotive ขณะที่ในสหรัฐอเมริการถยนต์ไฟฟ้าคิดเป็น 5.8% ของยอดขายรถยนต์ในปีที่แล้ว

แม้โตโยดะจะยังไม่เห็นด้วยที่จะบุกรถยนต์ไฟฟ้าเต็บสูบ แต่ที่ผ่านมาก็มีความเคลื่อนไหวในเส้นทางใหม่นี้มาอย่างเรื่อยๆ โดยในเดือนธันวาคม 2021 โตโยดะกล่าวว่า Toyota ตั้งเป้าที่จะขายรถยนต์ไฟฟ้าให้ได้ 3.5 ล้านคันต่อปีภายในปี 2030 ซึ่งเป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่จากเป้าหมายเดิม

 

มองหาพิมพ์เขียวของรถยนต์ไฟฟ้า

ขณะเดียวกันภายในบริษัทเองได้มีการตั้งทีมศึกษาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า โดยการศึกษานี้รวมถึงการตรวจสอบอย่างรอบคอบเกี่ยวกับกลยุทธ์ของ Tesla ที่ได้ด้เขย่าแนวปฏิบัติในอุตสาหกรรมด้วยนวัตกรรมต่างๆ เช่น วิธีการขายตรงถึงผู้บริโภคและการอัปเดตซอฟต์แวร์ผ่านทางอากาศ

บทเรียนหนึ่งจาก Tesla คือการใช้จ่ายจำนวนมากล่วงหน้ากับชิ้นส่วนทั่วไปและกระบวนการผลิตที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งแม้ช่วงแรกต้องลงทุนสูง แต่จะสร้างผลตอบแทนได้เป็นกอบเป็นกำเมื่อมียอดขายมากขึ้น ซึ่ง Toyota กำลังพิจารณาใช้เงินจำนวนมากในการออกแบบสถาปัตยกรรมที่คล้ายกับ Tesla ซึ่งจะทำให้ต่อไป Toyota สามารถสร้างรถจำนวนมากจากพิมพ์เขียวชุดเดียวกันซึ่งช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว

อย่างไรก็ตามเมื่อต้นเดือนมกราคม 2023 โตโยดะกล่าวว่าเขากังวลว่านโยบายของรัฐบาลที่กำหนดเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งได้จุดประกายการแข่งขันระหว่างผู้ผลิตรถยนต์เพื่อนำรถยนต์ไฟฟ้าออกสู่ท้องถนนให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

“นั่นไม่ใช่แนวทางของ Toyota” เขากล่าว “นโยบายด้านพลังงานมีลักษณะเฉพาะในแต่ละประเทศ และผู้คนมีการใช้งานรถยนต์ที่แตกต่างกัน ดังนั้นทำไมจึงต้องแก้ปัญหาเพียงแนวทางเดียว”

ท่าทีดังกล่าว ไม่น่าจะเปลี่ยนแปลง แต่ผู้สังเกตการณ์ของ Toyota กล่าวว่าการที่มีแม่ทัพคนใหม่น่าจะทำให้สามารถกำหนดทิศทางใหม่เกี่ยวกับ EV ได้ง่ายขึ้น ซึ่งโตโยดะกล่าวว่ามันเป็นงานของคนหนุ่มสาวที่จะ "หาคำตอบว่าการเดินทางในอนาคตควรเป็นอย่างไร"

[อ่าน 1,442]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
Sushiro 2050 ร้านซูชิสายพานแห่งอนาคต ”มากกว่าความอร่อย คือความยั่งยืน“
Meitu ทุบสถิติ! รายได้พุ่งทะลุฟ้า 17,100 ล้านบาท กำไรแรงจัด 59.2%
Forever 21 ล้มละลายอีกครั้งในรอบ 6 ปี ปิดตำนานฟาสต์แฟชั่น เตรียมปิดทุกสาขาในอเมริกา
ไหวไหม Renault จะคัมแบ็กตลาดรัสเซีย ต้องจ่าย 1,300 ล้านดอลลาร์ เพื่อแลกทรัพย์สินคืน
ไอซ์แลนด์สร้างฟาร์มพลังงานสะอาด หวังดันสาหร่ายเป็นอาหารแห่งอนาคต
House of Dancing Water เมื่อเทคโนโลยีผสานศิลปะ จนกลายเป็นงานโชว์สุดอลังของ “มาเก๊า”
MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved