อนุวัติ วิเชียรณรัตน์ ประธานกรรมการบริหารและผู้ก่อตั้ง 4NOLOGUE บริษัทเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ครบวงจร กล่าวว่า
ธุรกิจอีเวนท์เป็นธุรกิจที่มีความอ่อนไหวกับสถานการณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเมือง และภัยพิบัติทางธรรมชาติแต่คงไม่มีสถานการณ์ใดจะเลวร้ายเท่ากับ COVID-19 เพราะถึงวันนี้ ธุรกิจอีเวนท์ก็ยังได้รับผลกระทบแบบลากยาวจนถึงปัจจุบัน แม้ช่วงที่ผ่านมา “4NOLOGUE” เป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับผลกระทบเต็มๆ แต่กลับไม่หยุดนิ่งในช่วงวิกฤตใช้ช่วงเวลานี้สร้างความพร้อมองค์กรในหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะการทุ่มเม็ดเงิน เพื่อพัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์ สร้างโมเดลธุรกิจใหม่เป็นไฮบริดเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ รองรับวิถีใหม่ หรือ นิว นอร์มอล เพื่อให้สอดคล้องกับแนวโน้มของ ดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชั่น และพร้อมรองรับรูปแบบการทำงานในวิถี ไฮบริด เวิร์ค (Hybrid Work) สู่การเป็น Entertainment ครบวงจร และครอบคลุมการตลาดครบทุกช่องทางมากที่สุด
การบริหารความเสี่ยง - สร้าง Ecosystem - เสริมความแข็งแกร่งให้ธุรกิจในระยะยาว
นอกจากนี้ “4NOLOGUE” ยังบริหารความเสี่ยงด้วยการกระจายพอร์ตธุรกิจเพิ่มในยูนิตของธุรกิจ โดยแบ่งธุรกิจออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนเซอร์วิส ยูนิต (Service) สื่อโฆษณา รับจ้าง อีเว้นท์ ออแกไนเซอร์ และในส่วน ครีเอเตอร์ ยูนิต (Creator) เกิดจากการสร้างสรรค์ คอนเสิร์ตที่มีแพลตฟอร์ม ทั้งออนกราวด์ และออนไลน์รูปแบบใหม่ในลักษณะไฮบริดเอ็นเตอร์เทนเม้นต์
โดยบริหารธุรกิจด้วยรูปแบบการสร้าง Ecosystem ซัพพอร์ตซึ่งกันและกัน เพื่อสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันในระยะยาว เพื่อปรับตัว และพัฒนา เสริมความแข็งแกร่งให้ธุรกิจ เพื่อสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันในระยะยาว ทำให้ “4NOLOGUE” มีศักยภาพที่จะขยายธุรกิจได้แบบก้าวกระโดด
Core Value ภายใต้หลัก - Premium Content และ Premium Business
ขณะเดียวกัน “4NOLOGUE ” ยังขับเคลื่อนองค์กรด้วย Core Value หรือ ค่านิยมองค์กรมาเป็นหลักในการปฏิบัติงาน เป็นสิ่งที่ช่วยสร้างกรอบความคิดและวิถีปฏิบัติสำคัญที่ช่วยให้ Passion พนักงานมากกว่า100 คนเต็มเปี่ยมมากยิ่งขึ้น ดึงศักยภาพสร้างสรรค์ผลงานให้ดีอย่างสุดความสามารถ ช่วยสร้างวัฒนธรรมขององค์กรที่ดี การสร้าง mindset ร่วมกันกับทุกคนในองค์กรให้มองไปที่ภาพเดียวกัน อย่างเช่น การต่อยอดทางความคิดสร้างสรรค์อยู่เสมอ, มีจุดมุ่งหมายในการทำงานที่ชัดเจน หรือการไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรค เพื่อให้เกิดเป็นวัฒนธรรมองค์กรที่ทุกคนใช้ร่วมกันได้เป็นอย่างดี
เนื่องจากหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องแข่งขัน ด้านคุณภาพ ธุรกิจ Service มุ่งเน้นการมอบสิ่งที่ดีที่สุด คุ้มค่าที่สุดให้กับทุกภาคส่วน ทั้งกลุ่มลูกค้า คู่ค้า และ End user โดยสร้างสรรค์สิ่งใหม่อย่างรู้จริง ถูกต้อง รวดเร็ว ภายใต้หลัก Premium Content และ Premium Business
เป้าหมายสำคัญการทำงานของ“4NOLOGUE”
ปีนี้ “4NOLOGUE” ได้ก้าวเข้าสู่ปีที่ 16 ธุรกิจ Creator ยูนิต ก็ยังคงมีบิ๊กโปรเจ็กต์ เพื่อกลับมารันวงการเอ็นเตอร์เทนเมนต์ไทยไปสู่ระดับสากลอย่างต่อเนื่อง เพื่อแสดงถึงศักยภาพที่มีอยู่อย่างเต็มที่ และเมื่อผลงานปรากฏให้เห็นชัดก็ไม่ทำให้คนผิดหวัง ทุกโชว์ “4NOLOGUE” จะใส่ใจทุกรายละเอียดเรื่องมุมกล้อง และโปรดักชั่นให้ผู้ชมที่ชมการแสดง ทั้งออนกราวด์ และดูออนไลน์ได้สนุกและมีส่วนร่วมกับคอนเสิร์ตมากที่สุด เพราะทุกการแสดง ไม่ใช่แค่เรื่องของยอดการจำหน่ายบัตรเท่านั้น แต่มีเรื่องของยอด Engagement เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
การยอมรับจากแฟนคลับคือข้อพิสูจน์ คนที่เสพงานเพลง งานศิลปะย่อมมาจากความรู้สึกรักและชอบ รวมไปถึงความผูกพัน ยิ่งไปกว่านั้นคือการให้คุณค่ากับศิลปิน ดังนั้นเมื่อต้องการเป็นผู้นำ “4NOLOGUE” จึงมุ่งมั่นสร้างสรรค์ผลงานตามความเชื่อและคุณภาพที่ตั้งเป้าหมายไว้ เพื่อให้คนจดจำและยอมรับในที่สุด
ทุ่มไม่อั้นปั้น T-POP สู่ตลาดโลก
ทุกวันนี้ศิลปินทั่วโลกมีผลงานอยู่ในแพลตฟอร์มเดียวกัน เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องแข่งขันด้านคุณภาพ เพื่อเป็นการสร้างความพร้อมในการลงสนามแข่งระดับโลก และยังเป็นการขยายฐานไปสู่ผู้ฟังกลุ่มใหม่ๆ ในทั่วโลก “4NOLOGUE” ทุ่มงบ 900 ล้านบาท สำหรับแผนการลงทุนปี 2023-2025 ปี ละ 300 ล้านบาท
โดยตั้งเป้าคืนทุนตั้งแต่ปีที่ 2 เป็นต้นไป เพื่อการสร้าง Ecosystem เอ็นเตอร์เทนเมนท์ โดยมีศิลปินเป็น Flagship เนื่องจากการผลิตศิลปินต้องอาศัยคุณภาพ ต้องใช้มาตรฐานโลกกับศิลปินไทย และมีเป้าหมายที่ชัดเจน สามารถหยิบเอกลักษณ์ความโดดเด่นต่อยอดได้ ในวันที่โลกเชื่อมต่อกันได้ โดยปีนี้มีแผน “Artist Journey” หรือการเดินทางครั้งใหม่ของศิลปินในรูปแบบของ Tour Concert ประมาณ 20 โชว์ หลังจากเหตุการณ์ covid
ศิลปินเราทุกคนต้องมีเวทีเพื่อเพอร์ฟอร์มในตลาด เราต้องพาเขาไปออกอีเว้นท์ที่ดีให้ได้ พาเขาไปเป็น พรีเซ็นเตอร์ให้ได้ ทำให้เขามีมูลค่าเพิ่ม เราจะทำงานในสิ่งที่เรามั่นใจว่าสามารถเติบโตใด้ และอีกตัวอย่างความสำเร็จที่เราเคยทำได้ตอนปลายปีที่ผ่านมา คือ OCTOPOP ที่มีผู้ชมมากกว่า 5 หมื่นคน และถูกพูดถึงใน twitter กว่า 2 ล้านครั้ง ก้าวสู่ Festival ชั้นนำของประเทศ
บิ๊กมูฟสำคัญ
นอกจากนี้ อีกบิ๊กมูฟสำคัญของ “4NOLOGUE” คือ ได้เปิดตัว บริษัท คิว โอ ดับบลิว ครีเอชั่น จำกัด หรือ “คาวว์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์” ซึ่งเป็นบริษัทใหม่ในกลุ่มบริษัทโฟร์โนล็อค โดยเป็นอีกก้าวสำคัญของ เจเจ-กฤษณภูมิ พิบูลสงคราม และ ต้าเหนิง-กัญญาวีร์ สองเมือง ในบทบาทผู้บริหาร ขึ้นดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ
“QOW” มาจากคำว่า Quality Of Work ซึ่งเป็นคอนเซ็ปต์ที่เห็นตรงกันในการให้ความสำคัญกับคุณภาพของงานที่จะออกมาภายใต้แบรนด์ “QOW” โดยทาง “4NOLOGUE” พร้อมผลักดัน และสนับสนุนให้แบรนด์แข็งแกร่ง และพร้อมที่จะเติบโตเป็นแบรนด์ที่มีมาตรฐานระดับสากล
เจเจ-กฤษณภูมิ และต้าเหนิง-กัญญาวีร์ กล่าวว่า “คาวว์ นอกจากเป็นทั้งต้นสังกัดอย่างเป็นทางการ ดูแลทุกกิจกรรมของเจเจ และต้าเหนิง ในวงการบันเทิงทั้งในไทยและต่างประเทศแล้ว ยังรวมถึงผลิตศิลปินเบอร์ใหม่ๆ ที่จะมีผลงานเดบิวต์ในอนาคต คาวว์ทำโปรดักชั่นที่ไม่ทับไลน์กับโฟร์โนล็อค ลูกค้าของคาวว์ คือกลุ่มไฮน์เอ็น กลุ่มลักชูรี่แฟชั่น ที่เน้นเนื้องานที่เป็นพรีเมี่ยมมากๆ มีความเป็นคนรุ่นใหม่ ซึ่งบางลูกค้า ยังมอบหมายให้เราผลิตทั้งพาร์ทโปรดักชั่น รวมถึงการจ้างพรีเซนเตอร์ ซึ่งก็คือ ผมหรือต้าเหนิงเป็น พรีเซ็นเตอร์ด้วยก็มีครับ
นอกจากนี้ เรายังมีศักยภาพในการรองรับงานด้านมาร์เก็ตติ้ง คอนเซ้าท์ ครีเอทีฟ ที่มีความเฉพาะตัว เฉพาะด้านมากๆ เช่น ด้านแฟชั่น ด้วยความที่เราเป็นคนรุ่นใหม่ มีความสมัยใหม่ ตรงนี้จึงค่อนข้างเป็นจุดแข็งเลยก็ว่าได้ เพราะภาพลักษณ์ของเราทั้งสองคน และ คาวว์ ชัดเจนว่าโดดเด่นทางด้านนี้ ทำให้กลุ่มลูกค้าที่ต้องการความแตกต่างในตลาด ก็จะเลือกใช้งานคาวว์ครับ อีกหนึ่งความ มุ่งหมายของคาวว์ คือการพัฒนาไปสู่การเป็นแพลตฟอร์มไลฟ์ในอนาคตของคนรุ่นใหม่ให้ได้ คือถ้าพูดถึงความเป็นแฟชั่น ไอคอนิควัยรุ่น ทุกคนก็จะต้องนึกถึงคาวว์
ในส่วนรายได้ของคาวว์ปีที่ผ่านมา คาวว์สามารถทำได้ที่ 70 ล้านบาท โดยแบ่งที่มาของรายรับเป็นสองส่วน 60% เป็นรายได้จากพาร์ท ดูแลจัดการศิลปิน และ 40% จากพาร์ทการทำโปรดักชั่น ซึ่งเราคาดว่าในปี 2566 นี้ คาววน์จะมีอัตราการเติบโตเพิ่มที่ 20%”
ด้าน อนุวัติ วิเชียรณรัตน์ กล่าวทิ้งท้ายว่า “จากความสำเร็จในปีที่ผ่านมาของโฟร์โนล็อค ทำให้ ผลกำไรของบริษัทฯ มีอัตราเติบโตกว่า 100% ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอย เราถือเป็นกลุ่มบริษัท ที่ยืนหยัดด้วยคอนเทนต์ และกลยุทธิ์ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคมากที่สุดในขณะนี้ เมื่อเราผ่านช่วงวิกฤตมาได้ ก็ไม่มีอะไรต้องกลัวอีกต่อไป ต่อจากนี้ บริษัท ยังต้องพัฒนาเพื่อศักยภาพที่ดียิ่งกว่าเดิม โดยปีนี้เชื่อว่า จากการวางคอนเทนต์ที่ครอบคลุมและครองใจกลุ่มเป้าหมายหลักจะทำให้ “4NOLOGUE” คาดการณ์ว่าในปี 2566 นี้ กำไรจากผลประกอบการจะโตขึ้นตามเป้าหมายที่ตั้งไว้.”