หลังซอกซ้ำใจมานานจากราคาหุ้นที่ดิ่งลงเหว เหล่าผู้ถือหุ้นก็กำลังได้น้ำทิพย์ชะโลมใจเมื่อ 'มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก’ ประกาศกล่าวว่า ในปี 2023 'Facebook' จะต้องกลับมาแข็งแกร่ง
ปีแห่งประสิทธิภาพ
“รูปแบบการจัดการของเราในปี 2023 คือ 'ปีแห่งประสิทธิภาพ' และเรามุ่งเน้นไปที่การเป็นองค์กรที่แข็งแกร่งและว่องไวมากขึ้น” ซักเคอร์เบิร์กกล่าวกับนักลงทุน
เมื่อสิ้นสุดวันที่ซักเคอร์เบิร์กออกมาพูด หุ้นของบริษัทโซเชียลมีเดียปิดตลาดด้วยราคา 188.87 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 23% จากวันก่อนหน้า และเพิ่มขึ้น 57% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งการเพิ่มขึ้นนี้ถือว่าดีที่สุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2013
CNBC รายงานว่า การเติบโตไม่ใช่สิ่งที่ทำให้นักลงทุนตื่นเต้นกับ Meta Platforms Inc. ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Facebook เพราะหากไปดูผลประกอบการรายไตรมาสจะพบตัวเลขที่ลดลง 4% จากปีก่อนหน้า ซึ่งนับเป็นการลดลงรายไตรมาสที่สามติดต่อกัน
แต่ความมุ่งมั่นของซักเคอร์เบิร์กในการลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพ เป็นดั่งสัญญาณว่าการเพิ่มความสามารถในการทำกำไรมีความสำคัญต่อ Meta ซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะเครื่องจักรการเติบโตก่อนที่จะตกต่ำในปีที่แล้ว
“ในช่วง 18 ปีแรก ผมคิดว่าเราเติบโตขึ้น 20-30% หรือมากกว่านั้นทุกปี” ซักเคอร์เบิร์กกล่าว “และเห็นได้ชัดว่ามีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในปี 2022 ซึ่งรายได้ของเราติดลบจากการเติบโต ซึ่งเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของบริษัท”
ปรับลดต้นทุน
Meta ปรับลดประมาณการค่าใช้จ่ายทั้งหมดในปี 2023 ให้อยู่ในช่วง 89,000 ล้านดอลลาร์ถึง 95,000 ล้านดอลลาร์ ลดลงจากแนวโน้มเดิมที่ 94,000 ล้านดอลลาร์ถึง 100,000 ล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ยังคาดการณ์ว่าค่าใช้จ่ายฝ่ายทุนจะอยู่ระหว่าง 30,000 ล้านดอลลาร์ถึง 33,000 ล้านดอลลาร์ ลดลงจากคำแนะนำก่อนหน้าที่อยู่ระหว่าง 34,000 ล้านดอลลาร์ถึง 37,000 ล้านดอลลาร์
ซักเคอร์เบิร์กกล่าวว่า Meta จะ “ขยับตัวเชิงรุกมากขึ้นในการตัดโครงการที่ไม่ได้ผลหรือไม่มีความสำคัญอีกต่อไป" และจะย้ำถึง "การลบชั้นของผู้บริหารระดับกลางเพื่อให้ตัดสินใจได้เร็วขึ้น"
ยักษ์โซเชียลยังลดการใช้จ่ายเนื่องจากสร้างศูนย์ข้อมูลใหม่ได้ตั้งใจให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ในขณะที่ยังสามารถขับเคลื่อนเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ต่างๆ ของบริษัทได้
ซัคเคอร์เบิร์กกำลังขายนักลงทุนในเรื่องราวที่พวกเขาอยากฟัง โดยยอมรับว่าบริษัทมีปัญหาและต้องการวินัยทางการเงินมากขึ้นถึงกระนั้น Meta ยังมีความท้าทายอีกมากรออยู่ ทั้งในแง่ของต้นทุนและการฟื้นฟูธุรกิจโฆษณาหลัก
โดยหน่วย Reality Labs ของ Meta ซึ่งรับผิดชอบในการพัฒนา Metaverse ขาดทุนกว่า 13.7 พันล้านดอลลาร์ในปี 2022 แต่บริษัทยังจะไม่ตัดงบในส่วนนี้เนื่องจากซักเคอร์เบิร์กมองเป็นอนาคตของธุรกิจ
ใช้ AI เข้ามาช่วย
Meta ยังแสดงให้เห็นข้อดีในด้านอื่นๆ รวมถึงสภาพแวดล้อมที่ดีขึ้นสำหรับการใช้จ่ายโฆษณาออนไลน์ในสหรัฐอเมริกาและยุโรปและการสร้างรายได้ที่ดีขึ้นจากฟีเจอร์วิดีโอสั้น Reels ตามรายงานของนักวิเคราะห์ของ Bank of America ซึ่งน่าจะนำไปสู่การเติบโตของรายได้ที่เร็วขึ้น
ในมาตรการลดค่าใช้จ่ายอื่นๆ บริษัทประกาศเลิกจ้างพนักงาน 11,000 คนในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งสะท้อนจากบริษัทเทคโนโลยีอื่นๆ ที่ต้องการลดค่าใช้จ่ายหลังจากเติบโตน้อยกว่าที่ผ่านมา
Meta กำลังทุ่มเงินไปกับความพยายามต่างๆ เช่น ปัญญาประดิษฐ์เพื่อปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงความเป็นส่วนตัวของ Apple ซึ่งเป็นความพยายามที่จะช่วยให้บริษัทคาดการณ์ได้ดีขึ้นโดยใช้ข้อมูลน้อยลง
สำหรับเรื่อง AI ซักเคอร์เบิร์กกล่าว Meta กำลังแสวงหาโอกาสอยู่ แต่จะต้องระมัดระวังในการดำเนินการอย่างรวดเร็ว การใช้งานโปรแกรมเหล่านี้มีราคาแพง และ Meta จำเป็นต้องมั่นใจว่าสามารถพัฒนาโปรแกรมเหล่านี้ได้ในราคาประหยัด
อีกหนึ่งข่าวดีคือ Meta รายงานจำนวนผู้ใช้ Facebook ที่ใช้งานรายวัน 2 พันล้านคนในไตรมาสสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม เพิ่มขึ้น 4% เมื่อเทียบเป็นรายปี กลุ่มแอปของบริษัทมีผู้ใช้งาน 2.96 พันล้านคนต่อวัน เพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบเป็นรายปี
ทีนี่ก็ต้องรอดูต่อไปว่า การเพิ่มประสิทธิภาพอย่างที่ซักเคอร์เบิร์กว่านั้น จะทำให้หุ้นของ Facebook กลับมาเป็นดาวเด่นในใจนักลงทุนได้อีกหรือไม่?