ปรากฏการณ์ Revenge Travel หรือ ‘การชำระแค้นด้วยการท่องเที่ยว’ เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วโลก และถือเป็นสัญญาณบวกกับระบบเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะประเทศไทยที่ต้องพึ่งพารายได้จากนักท่องเที่ยว ที่มีอาการ ‘อยากเที่ยวเสียให้เข็ด’ หลังจากอัดอั้นมากว่าสองปีไม่ได้เดินทางไปไหนเอาเสียเลย
การประเมินตัวเลขนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาในประเทศไทยกว่า 20 ล้านคนในปี 2566 นั้น ประเมินว่าในจำนวนนี้น่าจะเป็นนักท่องเที่ยวจากจีนประมาณ 5 - 7 ล้านคน และมีจำนวนเที่ยวบินที่กลับมาเปิดเส้นทางบินประมาณ 40% ของทั้งหมด แต่ที่ ‘พีค’ กว่านั้นคือ ตัวเลขนักท่องเที่ยวและจำนวนเที่ยวบินเหล่านี้ถือเป็นแค่ปฐมบทที่เพิ่งโหมโรงเท่านั้น ตัวเลขจริงๆ น่าจะเห็นได้ชัดเจนและเพิ่มขึ้นอีกมากหลังจากนี้
เคทีซี รองรับทัพ Revenge Travel จากจีน
เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวกลุ่ม Revenge Travel ‘เคทีซี’ ได้ผนึกพลังกับ ‘อาลีเพย์’ (Alipay) แพลตฟอร์มเกตเวย์เพย์เม้นท์ (Gateway Payment) ระดับโลกจากจีน เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับธุรกิจร้านค้าในไทย ต้อนรับทัพนักท่องเที่ยวชาวจีนกลุ่มนี้ ซึ่งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยประเมินว่า ไตรมาส1/2566 จะมีถึงกว่า 3 แสนคน
เนาวรัตน์ กีรติเกษมสุข ผู้บริหารสูงสุดสายงานบริหารร้านค้าสมาชิก ‘เคทีซี’
เนาวรัตน์ กีรติเกษมสุข ผู้บริหารสูงสุดสายงานบริหารร้านค้าสมาชิก ‘เคทีซี’ หรือ บมจ.บัตรกรุงไทย กล่าวถึงภาพรวมของพอร์ตธุรกิจร้านค้ารับชำระของเคทีซี (Merchant Acquiring Business) ว่า
“ในปี 2565 เคทีซีมีปริมาณรับชำระเพิ่มขึ้น 20% ตามแนวโน้มเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะธุรกิจร้านอาหารและธุรกิจท่องเที่ยวในจังหวัดที่นักท่องเที่ยวจีนนิยมไปท่องเที่ยว ได้แก่ กรุงเทพฯ พัทยา เชียงใหม่ ภูเก็ต ฯลฯ และคาดหวังว่า สิ้นปี 2566 หลังจีนเปิดประเทศ บริการรับชำระ ‘เคทีซี – อาลีเพย์’ ซึ่งเคทีซีเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการรายใหญ่จะมีโอกาสเติบโตได้อีก เนื่องจากมีร้านค้าที่รับบริการชำระด้วยอาลีเพย์กว่า 5,440 ร้านทั่วประเทศและร้านค้าออนไลน์ในหลากหลายธุรกิจ อาทิ ธุรกิจร้านอาหาร ช้อปปิ้งมอลล์ ร้านขายของฝาก ของที่ระลึกและโรงแรมที่พัก ฯลฯ
สำหรับปีนี้การเปิดประตูต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวจีน ซึ่งเป็นนักช้อปรายใหญ่กลับสู่ประเทศไทยหลังห่างหายไปเกือบ 3 ปีจากวิกฤติโควิด-19 นี้ ย่อมเป็นที่คาดหวังว่า จะช่วยสร้างรายได้ให้กับธุรกิจบริการต่างๆ และขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้อีกทางหนึ่ง เราจึงอยากเป็นส่วนหนึ่งในการเพิ่มโอกาสทางการขายให้กับร้านค้าทั้ง รายเล็ก และรายใหญ่ ที่มีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเป็นนักท่องเที่ยวชาวจีน
ด้วยบริการรับชำระด้วยอาลีเพย์ (Alipay) กับเคทีซี ซึ่งมีจุดเด่นของบริการที่เหนือกว่ารายอื่น ตอบโจทย์ร้านค้าด้วยทีมงานช่วยนำข้อมูลสินค้าหรือบริการพร้อมที่ตั้งของร้านค้าอัพโหลดผ่านแพลทฟอร์มอาลีเพย์ที่มีระบบนำทาง(Navigator) เพื่อประชาสัมพันธ์ร้านค้าสมาชิกของเคทีซีให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น และช่วยให้ผู้ใช้อาลีเพย์สามารถค้นหาที่ตั้งร้านค้าได้สะดวกยิ่งขึ้น โดยร้านค้าสมาชิกเคทีซีจะได้รับเงินในวันถัดไป พร้อมบริการการดูแลทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง”
‘อาลีเพย์’ จัดโปรหนักทุกเดือน
“นักท่องเที่ยวกลุ่ม Revenge Travel จากจีน ที่จะเดินทางออกนอกประเทศเป็นกลุ่มแรกๆ อยู่ในวัย 25-40 ปี ซึ่งเป็น Gen Z, Gen Millennials ที่มีกำลังซื้อสูง ชอบความสะดวกสบาย แต่จะเลือกพำนักในประเทศปลายทางในระยะสั้นประมาณ 4-5 วันแต่จับจ่าย ‘หนัก’ โดยเฉลี่ย 2 หมื่นบาทต่อคนต่อทริป ซึ่งเป็นการจับจ่ายที่สูงกว่าช่วงก่อนโควิด ดังนั้น ด้วยระยะเวลาพำนักที่สั้น คนกลุ่มนี้จึงต้องการใช้เวลาท่องเที่ยวอย่างคุ้มค่า ต้องการ ‘ใช้ชีวิต’ อาทิ ร่วมงานคอนเสิร์ต/มิวสิคเฟสติวัล ดำน้ำเกาะพงัน ฯลฯ ตลอดจนใช้บริการกับธุรกิจเกี่ยวเนื่อง เช่น การเช่ารถ ฯลฯ”
สิทธิพงษ์ กิตติประภาพงศ์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท อาลีเพย์ (ประเทศไทย) จำกัด
สิทธิพงษ์ กิตติประภาพงศ์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท อาลีเพย์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวต่อไปว่า “ในช่วงเดือนมกราคม 2566 ที่ผ่านมา อัตราการเติบโตของ อาลีเพย์ ในไทยเพิ่มขึ้นถึง 150% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีที่ผ่านมา ทั้งที่เป็นนักท่องเที่ยวเพียงส่วนเดียวและเที่ยวบินก็ยังมีข้อจำกัดอยู่”
อาลีเพย์ เชื่อมั่นกับการเติบโตของการรับชำระจากนักท่องเที่ยวจีนที่เข้ามาในประเทศไทย เนื่องจากการสนับสนุนเพื่อกระตุ้นการจับจ่าย การอำนวยความสะดวกต่างๆ ทั้งในส่วนของนักท่องเที่ยวจากจีน ร้านค้า และระบบนิเวศในกระบวนการเพย์เม้นท์ของตนเอง ซึ่งเ สิทธิพงษ์ ได้ฉายภาพถึง Journey ของนักท่องเที่ยวกลุ่ม Revenge Travel จากจีน และ บทบาทของตนเอง ดังนี้
นักท่องเที่ยวกลุ่ม Revenge Travel จากจีนจะสืบค้นข้อมูลจากออนไลน์ เช่น สถานที่ท่องเที่ยว สถานที่ช็อปปิ้ง ฯลฯ เมื่อได้จุดหมายปลายทางก็จะจองตั๋วเครื่องบิน จองที่พัก ทางอาลีเพย์ก็จะร่วมมือกับกลุ่ม OTA เพื่อร่วมกันโปรโมท พร้อมกับยื่นข้อเสนอที่น่าสนใจ พร้อมเงื่อนไข และสิทธิประโยชน์ต่างๆ นอกจากนี้ ยังมีบริการ Visa on Arrival หรือ วีซ่าที่ผู้ถือหนังสือเดินทางสามารถขอได้ที่ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมืองในประเทศ เพื่อการท่องเที่ยวเป็นระยะเวลาไม่เกิน 15 วัน ซึ่งปัจจุบันสามารถขอทางออนไลน์ได้ผ่านแอปพลิเคชั่นของอาลีเพย์
อาลีเพย์ มีฟีเจอร์ที่เป็น Location Base เพื่อนำเสนอสิทธิประโยชน์จากร้านค้าในบริเวณใกล้เคียง และจุดรับชำรำของอาลีเพย์ที่มีกระจายตัวอยู่ทั่วประเทศ ขณะเดียวกัน อาลีเพย์ก็ได้จับมือกับร้านค้าผู้รับชำระอาลีเพย์ เพื่อเตรียมพร้อมรองรับนักท่องเที่ยวจีนที่จะเดินทางเข้ามาในประเทศไทย ทั้งจัดกิจกรรมฝึกอบรมให้กับพนักงานหน้าร้าน พร้อมขยายร้านค้าที่รองรับอาลีเพย์ได้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในจังหวัดที่นักท่องเที่ยวจีนนิยมเดินทางไปท่องเที่ยว
เมื่อสิ้นสุดการเดินทางนักท่องเที่ยวสามารถคืนเงินภาษี (Refund Tax) จากแอปพลิเคชั่นของอาลีเพย์ นอกจากนี้นักท่องเที่ยวที่เดินทางกลับประเทศแล้วก็ยังสามารถกลับมาช็อปปิ้งสินค้าในประเทศไทยที่มีบริการบนออนไลน์ได้
สิทธิพงษ์ กล่าวต่อไปว่า “เพื่อกระตุ้นนักท่องเที่ยวจากจีน อาลีเพย์ ได้ ‘จัดหนัก’ แคมเปญโปรโมชั่นทุกเดือน รวมทั้ง Digital Lucky Draw เพื่อสร้างสีสันมาแล้วเมื่อต้นปีนี้ ด้วยรางวัลสูงสุด 2,023 หยวน พร้อมทั้งจัดหนักโปรโมชั่นพิเศษให้กับร้านค้าพันธมิตรรายใหญ่ของ อาลีเพย์ ด้วย
สำหรับไทม์ไลน์ที่นักท่องเที่ยวจะออกเดินทางช่วงต่อจากนี้ ก็จะเป็นเดือนเมษายน - พฤกษภาคม ซึ่งเป็นช่วงเช็งเม้ง และช่วงวันแรงงานของจีน และทางอาลีเพย์ได้เตรียมแคมเปญ Welcome Back ไว้รองรับแล้ว ถัดจากนี้จะเป็นช่วงมิถุนายน -กรกฎาคม ซึ่งเป็นช่วง Summer Holiday เนื่องจากสถานศึกษาปิดเทอม ดังนั้น กลุ่มท่องเที่ยวจะเป็นกลุ่มนักศึกษา และกลุ่มครอบครัวที่มาพร้อมลูกที่ปิดเทอม
ขณะที่เดือนตุลาคมจนถึงกุมภาพันธ์ ก็จะเป็นช่วงไฮซีซั่นที่มีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางอย่างต่อเนื่อง โดยเดือนตุลาคมจะเป็นช่วงวันชาติของจีน ขณะที่เดือนหลังจากนี้ก็เป็นการเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่ และการหยุดช่วงท้ายปี จนถึงช่วงตรุษจีนในปี 2567”