ผลประกอบการปี 2565 ของเครือเซ็นทราถือ ได้ว่าแข็งแกร่ง อีกทั้งมีอัตราการเติบโตที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า กล่าวคือ
ทั้งนี้ สถานะทางธุรกิจของเครือเซ็นทาราจากข้อมูล ณ วันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ.2565 ระบุว่า
เซ็นทารามุ่งมั่นดำเนินธุรกิจเพื่อให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ในการก้าวขึ้นเป็น Top 100 แบรนด์โรงแรมชั้นนำระดับโลกภายใน พ.ศ. 2570 ดังนั้น เครือเซ็นทาราจึงเปิดแนวรบบุกตลาดปี 2566 ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ดังนี้
ธีระยุทธ จิราธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา กล่าวว่า “ในส่วนของการเติบโตในตลาดต่างประเทศ เซ็นทาราจะเปิดให้บริการโรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ โอซาก้า โรงแรมแห่งแรกภายใต้แบรนด์เซ็นทาราแกรนด์ในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นโรงแรมระดับ Upper Upscale ตั้งอยู่ใจกลางเมืองในย่านนัมบะ มีความสูง 33 ชั้น พร้อมห้องพักจำนวน 515 ห้อง โดยจะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 กรกฎาคม 2566 นี้
นอกจากนี้ เซ็นทารายังมีแผนเปิดสำนักงานในหัวเมืองสำคัญอย่างโฮจิมินห์ เซี่ยงไฮ้ และดูไบในปีนี้ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการขยายธุรกิจในอนาคต รวมถึงมีแผนเปิดสำนักงานเพิ่มอีกแห่งในโอซาก้าในปีหน้า เพื่อให้เป็นศูนย์กลางของการพัฒนาและต่อยอดธุรกิจในภูมิภาค นอกจากนั้น เซ็นทารายังตั้งเป้าลงนามสัญญาบริหารโรงแรมใหม่เพิ่มอีก 10 แห่ง ในต่างประเทศ ณ จุดหมายปลายทางท่องเที่ยวสำคัญต่างๆ ทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศ อาทิ เวียดนาม และกาตาร์
เรามีแผนจะเปิดเซ็นทารา รีเซิร์ฟ สมุย เซ็นทารา มิราจ บีช รีสอร์ท ดูไบ และเซ็นทารา แกรนด์ โอซาก้า เร็วๆ นี้
ขณะเดียวกัน กลยุทธ์ทางธุรกิจที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งของเซ็นทาราในตลาดต่างประเทศ คือ การลงนามสัญญาบริหารเพื่อเปิดให้บริการโรงแรมในประเทศกลุ่มอาเซียน อาทิ สปป.ลาว กัมพูชา และเวียดนาม รวมถึงการจับมือร่วมเป็นพันธมิตรกับบริษัทชั้นนำในจีนเพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ โดยมีกลุ่มประเทศในตะวันออกกลางเป็นตลาดหลักของเซ็นทารา อย่างไรก็ดี เซ็นทารายังคงมองหาโอกาสใหม่ๆ ในหัวเมืองท่องเที่ยวที่น่าสนใจอื่นๆ เพื่อเติบโตธุรกิจในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งเตรียมต่อยอดความสำเร็จจากโรงแรมเซ็นทารา รีเซิร์ฟ สมุย โรงแรมแบรนด์เซ็นทารา รีเซิร์ฟ แห่งแรกที่เปิดตัวไปในเดือนธันวาคม 2564 สู่จุดหมายปลายทางท่องเที่ยวหลักอื่นๆ อาทิ ในพื้นที่หัวหิน กระบี่ และมัลดีฟส์”
ธีระยุทธ กล่าวต่อไปว่า เซ็นทารายังขยายเครือข่ายพันธมิตรทางการตลาดไปยังกลุ่มธุรกิจสายการบิน ธนาคาร ห้างสรรพสินค้า และบริษัทท่องเที่ยวต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับประสบการณ์ลูกค้าและเสริมความแข็งแกร่งให้กับระบบโปรแกรมสมาชิกเซ็นทาราเดอะวัน (CentaraThe1) ซึ่งในปัจจุบันมีฐานลูกค้าในโปรแกรมสมาชิกเซ็นทาราเดอะวันแล้วกว่า 7 ล้านคน สำหรับในปีนี้เซ็นทาราตั้งเป้าเพิ่มฐานสมาชิกเซ็นทาราเดอะวันให้ได้มากกว่า 8 ล้านคน นอกจากโรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทาราจะครบรอบ 40 ปีแล้วนั้นในปีนี้โปรแกรมสมาชิกเซ็นทาราเดอะวันก็ครบรอบ 10 ปีในปีนี้ด้วยเช่นกัน เซ็นทาราจึงได้ผนึกกำลังร่วมกับพันธมิตรทางการตลาดอย่างสายการบินชั้นนำระดับโลก อย่างกาตาร์ แอร์เวย์, สิงคโปร์ แอร์ไลน์ส และเตอร์กิช แอร์ไลน์ เพื่อมอบสิทธิประโยชน์มากมายให้แก่สมาชิกเซ็นทาราเดอะวันผ่านแคมเปญแลกเปลี่ยนคะแนนกับสมาชิกได้สะดวกและคุ้มค่ายิ่งขึ้น”
เซ็นทารายังให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยมาพร้อมกับแผนระยะยาวในการลดผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง อาทิ การเลิกใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง (single used plastic) ภายในปีพ.ศ. 2568, การให้โรงแรมและรีสอร์ทในเครือทุกแห่งได้รับการรับรองด้านสิ่งแวดล้อมจาก Global Sustainable Tourism Council – GSTC ภายในปีพ.ศ. 2568, การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้ 20% ด้วยการบริหารจัดการการใช้พลังงาน การใช้น้ำ และการจัดการของเสียอย่างมีประสิทธิภาพภายในปีพ.ศ. 2572 และการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปีพ.ศ. 2593
โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา เครือโรงแรมชั้นนำของประเทศไทย มีโรงแรมและรีสอร์ทภายใต้การบริหารของแบรนด์ ซึ่งตั้งอยู่ในแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญรวมทั้งสิ้น 92 แห่งทั่วโลก ได้แก่ ไทย มัลดีฟส์ ศรีลังกา เวียดนาม ลาว เมียนมา จีน ญี่ปุ่น โอมาน กาตาร์ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งใช้ชื่อ 6 แบรนด์ ประกอบด้วย Centara Reserve • Centara Grand Hotels & Resorts • Centara Hotels & Resorts • Centara Boutique Collection • Centra by Centara และ COSI ครอบคลุมตั้งแต่รีสอร์ทหรูบนเกาะที่เงียบสงบสำหรับครอบครัว ไปจนถึงโรงแรมไลฟ์สไตล์ในช่วงราคาที่จับต้องได้ ซึ่งผสมผสานกับนวัตกรรมทางเทคโนโลยีเพื่อการพักผ่อนที่ลงตัว