การที่ Tesla ตัดสินใจปรับราคารถยนต์ยอดนิยมในสหรัฐอเมริกาเมื่อเร็วๆ นี้ ถูกมองว่าเป็นการส่งผลสะเทือนไปทั่วธุรกิจรถยนต์ ซึ่งเป็นการจุดไฟ 'สงครามราคา’ เข้ากดดันคู่แข่ง ตลอดจนส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อสำหรับผู้ซื้อรถยนต์ใหม่และรถยนต์ใช้แล้ว
ตัดราคาคู่แข่ง
การตัดราคาของผู้ผลิตรถยนต์ที่มี 'อีลอน มัสก์’ เป็นเจ้าของซึ่งลดลงมากถึง 20% จากราคาของ Model Y ในช่วงก่อนหน้าทำให้เกิดปฏิกิริยาที่หลากหลายจากนักลงทุนและนักวิเคราะห์ของวอลล์สตรีท
บางคนแนะนำว่าการเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการที่ลดลง ขณะที่คนอื่นๆ มองว่าเป็นการบีบคู่แข่งของ Tesla โดยยอมเสียสละส่วนต่างกำไรจากการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของบริษัทเพื่อสร้างยอดขายของตัวเอง
ขณะเดียวกันก็ลดราคามากพอที่จะทำให้รถหลายรุ่นมีคุณสมบัติเหมาะสมสำหรับเครดิตภาษีจากรัฐบาลกลางมูลค่า 7,500 ดอลลาร์
สิ่งที่ชัดเจนคือ นักวิเคราะห์กล่าวว่า ราคาของ Tesla ที่ต่ำกว่านั้นกำลังตัดราคารถยนต์ไฟฟ้าของคู่แข่งบางราย เนื่องจากบริษัทบางรายพยายามโน้มน้าวนักลงทุนและผู้ซื้อรถยนต์ว่าพวกเขาเป็นทางเลือกของ Tesla โดยการเปิดตัวโมเดลปลั๊กอินใหม่
ราคาเริ่มต้นของ Model Y อยู่ที่ประมาณ 53,000 เหรียญสหรัฐ ลดลงจากประมาณ 66,000 เหรียญสหรัฐ ซึ่งยังคงสูงกว่า Mach-E รุ่นพื้นฐาน แต่ต่ำกว่ารถยนต์ไฟฟ้ารุ่นไฮเอนด์ของ Ford บางรุ่น
ต้องทำให้รถราคาถูกเพื่อกระตุ้นผู้บริโภค
ขณะเดียวกันนี่อาจเป็นข่าวดีของลูกค้า Tesla ที่จะได้เงินคืนจากการคืนเครดิตภาษีของรัฐบาล ซึ่งภายใต้แพ็กเกจสภาพอากาศของรัฐบาลกลางที่ผ่านไปเมื่อปีที่แล้วผู้ซื้อรถของ Tesla บางรายเช่น Model Y และ Model 3 หากรถยนต์มีราคา 55,000 ดอลลาร์หรือต่ำกว่า
ที่ผ่านมา ผู้ซื้อของ Tesla ไม่มีสิทธิ์เลย เนื่องจากข้อจำกัดบางอย่าง แต่ขีดจำกัดดังกล่าวถูกยกเลิกในวันที่ 1 มกราคมภายใต้กฎหมายใหม่
มัสก์ไม่ได้พูดถึงเหตุผลของ Tesla ในการลดราคา แต่ขาได้กล่าวว่าอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นสามารถส่งผลกระทบต่อความต้องการของผู้บริโภค ดังนั้นทางแก้คือทำให้รถยนต์มีราคาถูกลง
“การขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ทำให้รถยนต์มีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้บริโภค เพิ่มระดับความยากลำบากให้กับบริษัทยานยนต์” มัสก์กล่าวในทวิตของตัวเอง
จอห์น เมอร์ฟี นักวิเคราะห์ของ Bank of America กล่าวว่า สำหรับตอนนี้ผู้ผลิตรถยนต์แบบดั้งเดิมที่ไม่มีกำลังการเท่ากับ Tesla จะทำให้มีอัตรากำไรที่เบาบางหรือสูญเสียเงินไปกับโมเดลปลั๊กอินของตน การลดราคาของ Tesla น่าจะกดดันให้บริษัทรถยนต์ต้องลดต้นทุนรถยนต์ไฟฟ้าลงอีก และอาจนำไปสู่สงครามราคาในที่สุด
“การลดราคาเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะทำให้ธุรกิจยากขึ้น เช่นเดียวกับที่พวกเขาพยายามเพิ่มการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า”
พยายามแซง Tesla
แน่นอนการขยับตัวของ Tesla ทำให้คู่แข่งต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด อย่างโฆษกของ GM ที่กล่าวว่าบริษัทกำลังเฝ้าติดตามกลยุทธ์ของ Tesla แต่ก็ไม่ได้รับผลกระทบใดๆ จากการลดราคา
ซึ่งทิศทางของ Tesla ได้เข้ามา “เน้นย้ำถึงคุณค่าของการมีพอร์ตโฟลิโอรถยนต์ไฟฟ้าที่มีหลากหลายซึ่งเป็นสิ่งที่เรากำลังพัฒนา” เขากล่าว
ด้านโฆษกของ Ford กล่าวว่า บริษัทมียอดขาย Mach-E เป็นประวัติการณ์ในปีที่แล้ว และมีความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าที่แข็งแกร่ง แต่บริษัทยังคงติดตามตลาดอย่างต่อเนื่องเพื่อให้แข่งขันได้
The Wall Street Journal รายงานว่า แม่ทัพของ GM และ Ford ต่างประกาศเป้าหมายที่จะโค่นล้ม Tesla ในฐานะผู้ขายรถยนต์ไฟฟ้าอันดับหนึ่งในสหรัฐฯ
ยอดขายของ Tesla คิดเป็นประมาณ 65% ของยอดขาย EV ทั้งหมดของสหรัฐฯ ในปี 2022 ซึ่งสูงกว่าของ Ford ที่ 7.6% และ GM ที่ 3.5% ตามข้อมูลการขายและการประมาณการของบริษัทวิจัย Motor Intelligence
อย่างไรก็ตามการลดราคาเรียกความสนใจขากลูกค้าอยู่ไม่น้อย เพราะเว็บไซต์วิจัย Edmunds กล่าวว่าจำนวนผู้ซื้อรถยนต์ที่หาข้อมูลของ Tesla เพิ่มขึ้นหลังจากการลดราคาในช่วงต้นเดือนมกราคม
โดย Model Y เป็นรถยนต์ที่มีการค้นหามากที่สุดอันดับสองบนเว็บไซต์ของ Edmunds สำหรับสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 15 มกราคม เพิ่มขึ้นจากอันดับที่ 70 ในสัปดาห์ก่อนหน้า ส่วน Model 3 ขยับขึ้น 36 อันดับ
ไม่นานหลังจากการลดราคา การยื่นขอสินเชื่อรถยนต์ของเทสลาเพิ่มขึ้นสามเท่าจาก Tenet บริษัทสตาร์ทอัพในนิวยอร์กที่ให้บริการทางการเงินแก่ผู้ซื้อรถยนต์ไฟฟ้า
แม้จะเป็นข่าวดีของลูกค้า แต่สำหรับตัวแทนจำหน่ายรถมือ 2 นี่ถือเป็นข่าวร้าย เพราะกำไรที่ควรจะได้รับละลายหายไปพริบตา เพราะไม่สามารถตั้งราคาขายเท่าเดิมได้อีกแล้ว