BBDO Asia หนึ่งในเครือข่ายเอเจนซี่โฆษณาชั้นนำของเอเชียได้จัดทำบทความ BBDO Voices ฉบับที่ 13 ภายใต้ชื่อ “Brand Purpose in Asia” โดยเป็นรายงาน 45 หน้า รวบรวมความคิดเห็นที่เกี่ยวข้องกับ Brand ผ่านการสำรวจและการศึกษาความคิดเห็นจากผู้บริโภคชาวเอเชียทั้ง 6 ประเทศ ไม่ว่าจะเป็นจีน ฟิลิปปินส์ อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และไทย จำนวน 1,800 คน โดยมี Hans Lopez-Vito Chief Operating Officer of BBDO Asia ซึ่งเป็นผู้จัดทำบทความนี้
ทั้งนี้ BBDO Voices คือแหล่งข้อมูลสำหรับนักวางแผนและสายงานครีเอทีฟ โดยนำเสนอมุมมองเชิงลึกที่เกี่ยวกับค่านิยม และความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ซึ่งการผลศึกษาฉบับก่อนหน้านี้เป็นการสำรวจผู้บริโภคจากประเทศจีนเพียงประเทศเดียวเท่านั้น แต่ในฉบับล่าสุดเป็นข้อมูลและมุมมองที่ครอบคลุมทั่วภูมิภาคเอเชีย ซึ่งในการทำวิจัยแต่ละปี BBDO ได้รวบรวมความคิดเห็นจากผู้คนหลายพันชีวิต พร้อมวิเคราะห์และสรุปเป็นรายงาน ซึ่งช่วยให้ BBDO สามารถเห็น insight ที่แปลกใหม่ที่นำไปสู่ความคิดสร้างสรรค์ในเชิงกลยุทธ์ รวมถึงช่วยนักการตลาดให้เข้าใจถึงกลุ่มเป้าหมายต่างๆได้อย่างลึกซึ้ง โดยที่ BBDO Voices แต่ละฉบับจะมุ่งเน้นไปในหัวข้อที่แตกต่างกัน ทั้งเป็นการสร้างแรงบันดาลใจ รวมถึงแนะนำแนวทางให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการทำโฆษณาที่ต้องการก้าวนำหน้าคู่แข่งอีกด้วย
ขณะที่เนื้อหาในบทความ “Brand Purpose in Asia” ได้ระบุว่า ทวีปเอเชียถือเป็นบ้านหลังใหญ่ของประชากรมากกว่าครึ่งหนึ่งของโลก เป็นแหล่งเศรษฐกิจที่เฟื่องฟู และเปล่งประกายสาดส่องความหวังใหม่ ๆ ได้อย่างไม่น่าเชื่อ จึงเป็นที่มาของชื่อเรียกที่ถูกขนานนามกันว่า "Asian Miracle" หรือปาฏิหาริย์แห่งเอเชีย ซึ่งเรียกได้ว่าสามารถช่วยผู้คนมากกว่าพันล้านชีวิตให้หลุดพ้นจากความยากจนในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามหลาย ๆ ประเทศก็ยังคงต้องเผชิญกับความท้าทายที่ยากจะตัดสินได้ว่า ใครจะสามารถเดินสู่เส้นทางแห่งความรุ่งเรืองต่อไปได้อย่างสวยงาม หรือตกเป็นเหยื่อของภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา รวมถึงความไม่สงบในสังคม และขาดเสถียรภาพทางการเมือง
สำหรับประเทศไทย ก็เป็นอีกหนึ่งประเทศที่ต้องเจอกับความท้าทายเหล่านี้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นความเหลือมล้ำทางสังคม และความไม่มั่นคงทางการเมือง อีกทั้งผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศก็ได้สร้างความท้าทายเหล่านี้ให้หนักมากยิ่งขึ้นไปอีก เนื่องจากประเทศไทยเผชิญกับปรากฏการณ์ธรรมชาติที่รุนแรงหลายครั้ง ทั้งปัญหาน้ำท่วม ภัยแล้ง และสภาพอากาศร้อนผิดปกติ ( heatwaves ) รวมถึงพื้นที่ชายฝั่งที่มีความเสี่ยงต่อระดับน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้นทุกปี ซึ่งปัญหาเหล่านี้เป็นภัยคุกคามที่สำคัญต่อโครงสร้างพื้นฐาน และชุมชนโดยรอบ โดยเฉพาะภาคเกษตรกรรมที่มีประชากรจำนวนมากได้รับผลกระทบ ส่งผลให้ผลผลิตพืชผลลดลง และก่อให้เกิดเป็นปัญหาความไม่มั่นคงทางอาหารตามมา
โดยผลการรายงานล่าสุดของ BBDO Asia เกี่ยวกับ Brand Purpose in Asia เปิดเผยว่า ประเทศไทยจัดอยู่ใน 3 อันดับแรกจาก 6 ประเทศในเอเชีย เรื่องการให้คุณค่าในแบรนด์ที่มีให้ความสำคัญในการพัฒนาสังคม โดยประเด็นที่ผู้บริโภคชาวไทยต้องการให้แบรนด์ต่าง ๆ ให้ความสำคัญมากที่สุดถึง 39% คือการช่วยแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน ตามมาด้วย การใช้วัตถุดิบที่ทำมาจากธรรมชาติ หรือออแกนิค 27% และผลิตภัณฑ์ที่มีราคาเข้าถึงได้กับทุกคน 25% และอีกหนึ่งประเด็นที่น่าสนใจจากผลการสำรวจครั้งนี้ คือผู้บริโภคชาวไทยส่วนใหญ่ให้การยอมรับเรื่องของ LGBTQ ในระดับสูงอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค อีกทั้งยังต้องการให้แบรนด์ต่างๆ ออกมาให้การสนับสนุนในเรื่องนี้มากขึ้น
ทสร บุณยเนตร Chief Creative Officer of BBDO Bangkok กล่าวว่า ผู้บริโภคชาวไทยส่วนใหญ่กำลังมองหาแบรนด์ที่ไม่เพียงแต่ให้คุณค่าที่สอดคล้องไปกับความเชื่อของพวกเขาเท่านั้น แต่ยังยืนหยัดเพื่อความยุติธรรมทางสังคม และสร้างการเปลี่ยนแปลงอีกด้วย และมองว่าเป็นโอกาสที่ดีของแบรนด์ต่างๆ ที่จะเข้าไปอยู่ในใจของผู้บริโภคได้ โดยปรับตัวให้สอดคล้องกับค่านิยมของผู้บริโภคชาวไทย และสนับสนุนประเด็นสำคัญ ๆ เช่น สิทธิของ LGBTQ และความไม่เท่าเทียมในสังคม ซึ่งแคมเปญ 'The Other Mother's Day' ของ Johnson’s Baby ถือเป็นตัวอย่างที่ดีของการมีจุดมุ่งหมายของแบรนด์ที่สามารถขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกในสังคมของเราได้ โดยที่เชื่อมโยงกับผู้ชมด้วยการฉีกกรอบคำจำกัดความเดิมๆ ของความเป็นแม่ และแสดงให้เห็นว่าทุกคนสามารถเป็นแม่ได้โดยไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงเพศ รูปร่างหน้าตา และรายได้ โดยแคมเปญนี้แสดงให้เห็นว่าแบรนด์ต่าง ๆ สามารถมีบทบาทสำคัญในการกำหนดบรรทัดฐานทางวัฒนธรรมให้สดใหม่ และสร้างสังคมที่เปิดกว้างมากขึ้น
ทั้งนี้ด้วยจำนวนประชากรเกือบ 70 ล้านคน เรียกได้ว่าประเทศไทยได้เปิดโอกาสอันยิ่งใหญ่ให้แบรนด์ต่างๆ ได้ลงมือสร้างการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีให้กับสังคม ตอบแทนชุมชนไปพร้อมกับการขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจ การให้ความสำคัญกับ Brand Purpose และใช้ทรัพยากรของแบรนด์เพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคม จะช่วยให้แบรนด์สามารถเข้าถึงจิตใจผู้บริโภคชาวไทย ได้รับ Brand Loyalty และกลายมาเป็นตัวแทนของการเปลี่ยนแปลงในการแสวงหาความก้าวหน้าและการพัฒนาให้กับสังคม
Hans Lopez-Vito Chief Operating Officer of BBDO Asia ซึ่งเป็นผู้จัดทำบทความนี้กล่าวว่า ผู้บริโภคชาวเอเชียกำลังมองหาแบรนด์และบริษัทต่างๆ ในการเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ปัญหามากกว่าเป็นตัวปัญหา และจากผลสำรวจของเราแสดงให้เห็นว่า การให้ความสำคัญเกี่ยวกับคุณค่าของแบรนด์เป็นการช่วยผลักดันมูลค่าของผู้ถือหุ้นของบริษัทอีกด้วย อย่างไรก็ตาม ยังอาจมีบริษัทต่างๆที่ไม่สามารถใช้ Brand Purpose ได้อย่างมีประสิทธิภาพเท่าที่ควร ซึ่งการวิเคราะห์ของเราสามารถให้ Insight เกี่ยวกับการทำ Brand Purpose ที่ช่วยหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นได้
อีกทั้ง นักการตลาดควรให้ความสำคัญกับทัศนคติของผู้บริโภค และตามกระแสให้ทัน เพื่อต่อยอด Brand Purpose โฆษณาต้องชัดเจน และสะท้อนถึงความเป็นไปของโลกที่เราอาศัยอยู่ได้ ในอดีตเราเคยเห็นแบรนด์ที่มี Purpose สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงในสังคมได้อย่างชัดเจนในขณะที่ยังสามารถสร้างผลประโยชน์ทางธุรกิจได้เป็นอย่างดี เช่น แคมเปญ #SharetheLoad ของ P&G India ที่เป็นกระแสและสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมในระยะยาว
ส่วนทาง Unilever เคยออกมากล่าวว่าแบรนด์ที่มี Purpose ของพวกเขาเติบโตเร็วกว่าแบรนด์อื่น ๆ นอกเหนือจากนั้นเรายังเห็นได้อย่างชัดเจนว่าแบรนด์ที่ขับเคลื่อนด้วย Purpose ไม่ได้สร้างผลกระทบเชิงบวกได้เฉพาะตลาดเอเชีย แต่ยังมีอิทธิพลไปได้อย่างกว้างขวาง ซึ่งในช่วงปีที่แล้วได้เห็นตัวอย่างจากประเทศในตะวันออกกลาง ที่แบรนด์สามารถผลักดันการเลือกตั้งท้องถิ่นผ่านแคมเปญที่มีชื่อว่า 'Election Edition' ที่แสดงให้เห็นว่า Brand Purpose มีพลังมากพอที่จะผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในโลกได้อย่างแท้จริง