เมื่อการอ่านคือสิทธิ ไม่ใช่แค่วัฒนธรรม "The Unburnable Book" จึงถูกประดิษฐ์ขึ้นเพื่อต่อต้านการเซ็นเซอร์ 

23 May 2023

เมื่อสังคมทั่วโลกส่งเสริมวัฒนธรรมการอ่าน กฎหมายก็ควรมอบสิทธิที่จะอ่านให้กับพลเมืองเช่นกัน 

ภายใต้แนวคิดนี้จึงไม่มีหนังสือเล่มใดที่ควรจะถูกแบน แต่ความจริงแล้วกลับพบว่าทั่วทั้งประเทศสหรัฐอเมริกา หนังสือถูกแบนและถูกเผาทิ้งในอัตราที่น่าตกใจ เพื่อเตอบสนองต่อคลื่นแห่งการเซ็นเซอร์ที่ลุกลามอย่างต่อเนื่องนี้ Penguin Random House ผนึกกำลังกับทีมเอเจนซี่ และบริษัทโปรดักชั่นเพื่อสร้างหนังสือนวนิยายในตำนานเรื่อง The Handmaid's Tale ฉบับที่เผาไหม้ไม่ได้ซึ่งทำจากวัสดุกันไฟทั้งหมด และเรียกเสียงฮือฮาไปทั่วโลกผ่านการเปิดตัวโดย Margaret Atwood นักประพันธ์นวนิยายเรื่องนี้ที่มาสาธิตพ่นไฟเผา The Unburnable Book ใน YouTube

 

พึงทราบว่าในแดนเสรีชนอย่างสหรัฐอเมริกา มีกระแสสุมไฟทางการเมืองโหมกระหน่ำเกี่ยวกับหนังสือที่กลุ่มฝ่ายขวามองว่าไม่เหมาะสำหรับห้องสมุดโรงเรียน รวมถึงผู้อ่านทั่วไป

ทำให้เป้าหมายหลักของการเซ็นเซอร์คือวรรณกรรมเกี่ยวกับการเหยียดเชื้อชาติ เพศ และรสนิยมทางเพศ ซึ่งมักเขียนโดยนักเขียนผิวสีและนักเขียน LGBTQ+ เช่นเดียวกับบทเรียนในชั้นเรียนเกี่ยวกับความไม่เท่าเทียมทางสังคม ประวัติศาสตร์ และเรื่องเพศ

แต่ความจริงแล้วการเซ็นเซอร์นี้เหยียบย่ำสิทธิ์ในการอ่าน บ่อนทำลายการศึกษา จำกัดการไหลเวียนของความคิด รวมถึงสร้างความเสียหายอย่างแท้จริงต่อผู้คนและการดำรงชีวิต

 

 

บางส่วนในถ้อยแถลงของ Penguin Random House กล่าวว่า

"ทั่วทั้งสหรัฐอเมริกาและทั่วโลก หนังสือกำลังถูกแบน หรือแม้แต่ถูกเผา ดังนั้นเราจึงสร้างหนังสือฉบับพิเศษที่ถูกห้ามอ่านมานานหลายทศวรรษ ได้รับการออกแบบมาเพื่อปกป้องเรื่องราวที่สำคัญทางประวัติศาสตร์นี้ และ Margaret Atwood เป็นสัญลักษณ์ที่ทรงพลังในการต่อต้านการเซ็นเซอร์”

 

โดยในวิดีโอเปิดตัวแคมเปญนี้บนแพลตฟอร์มชื่อดังอย่าง YouTube ได้เรียกเสียงฮือฮาและสร้างการรับรู้ได้เป็นอย่างดี เมื่อ Margaret Atwood ในวัย 82 ปี "ทดสอบ" ต้นแบบหนังสือนี้ด้วยเครื่องพ่นไฟ และผลที่เกิดขึ้นเป็นที่ประจักษ์ว่าเป็นหนังสือที่เผาไหม้ไม่ได้จริงๆ

 

The Handmaid's Tale ฉบับพิเศษซึ่งเป็นฉบับพิมพ์ที่ไม่สามารถเผาไหม้ได้และเพียงชุดเดียวในโลกนี้ ผลิตโดย Rethink ซึ่งเป็นหน่วยงานสร้างสรรค์อิสระในโตรอนโต ประเทศแคนาดา

ประดิษฐ์ขึ้นโดย The Gas Company Inc.  ผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะภาพพิมพ์และปกหนังสือ ซึ่งทำหน้าที่วิจัยและทดสอบวัสดุ เช่น ลวดนิกเกิล รวมถึงกระบวนการกันไฟต่างๆ

จากนั้นส่งต่อให้ Jeremy Martin ช่างฝีมือระดับปรมาจารย์ด้านการพิมพ์และเย็บเล่มดำเนินการต่อ

 

 

The Unburnable Book เปิดตัวที่งาน PEN America Literary Gala ปี 2565 และสำเนาที่ไม่เหมือนใครนี้ได้รับการประมูลที่ Sotheby's New York ในราคา 130,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 4.4 ล้านบาท)

โดยรายได้ทั้งหมดมอบให้กับสมาคมนักเขียนแห่งสหรัฐอเมริกา (PEN America) เพื่อสนับสนุนการแสดงออกทางความคิดอย่างเสรี และต่อต้านวิกฤตการเซ็นเซอร์ระดับชาติ

นี่จึงเป็นมากกว่าของสะสมที่ไม่เหมือนใคร เพราะ The Handmaid's Tale ฉบับกันไฟ มีจุดประสงค์เพื่อใช้เป็นสัญลักษณ์อันทรงพลังในการต่อต้านการเซ็นเซอร์และเป็นเครื่องเตือนใจถึงความจำเป็นในการปกป้องเรื่องราวที่สำคัญไว้ตราบนานเท่านาน

 

แคมเปญดังกล่าวจุดประกายการสนทนาทั่วโลกเกี่ยวกับการเซ็นเซอร์และถูกนำเสนอโดยสำนักข่าวรายใหญ่ทั่วโลก โดยมี Media Impressions 12 พันล้านครั้ง และ Earned media (สื่อที่ผู้คนนำไปแชร์ หรือมาจากการบอกต่อกัน โดยที่เราไม่ต้องเสียเงินหรือจ้างแม้แต่นิดเดียว) มากกว่า 33 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1,125 ล้านบาท)

 

Markus Dohle ซีอีโอของ Penguin Random House กล่าวว่า

"เสรีภาพในการคิดและความจริง ซึ่งเป็นรากฐานของประชาธิปไตยของเรา กำลังถูกโจมตี มีนักเขียนไม่กี่คนที่มีส่วนสำคัญในการต่อสู้เพื่อการแสดงออกอย่างเสรีเท่ากับ Margaret Atwood

การได้เห็นนวนิยายคลาสสิกของเธอเกิดใหม่ในฉบับนวัตกรรมที่เผาไหม้ไม่ได้นี้ เป็นการเตือนใจให้ทุกคนต่อสู้กับการเซ็นเซอร์

และเราภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้สนับสนุนการประมูลของ Sotheby เพื่อช่วยสนับสนุนการทำงานที่สำคัญของ PEN America เพื่อต่อต้านการกระทำที่ไม่พึงประสงค์ดังกล่าว”

 

 

ด้าน Margaret Atwood กล่าวว่า “ฉันไม่เคยคิดว่าฉันจะพยายามเผาหนังสือของตัวเองสักเล่มและล้มเหลวแบบนี้ 

The Handmaid's Tale ถูกแบนหลายครั้ง บางครั้งถูกแบนทั้งประเทศ เช่น โปรตุเกสและสเปนในสมัยของซัลลาซาร์ช บางครั้งถูกแบนโดยคณะกรรมการโรงเรียน ห้องสมุด ฯลฯ”

 

Suzanne Nossel ซีอีโอของ PEN America กล่าวว่า "แคมเปญนี้เตือนใจทุกคนว่าพลังของหนังสือไม่สามารถทำลายได้ ท่ามกลางความพยายามอย่างแน่วแน่ที่จะเซ็นเซอร์และปิดปากให้เงียบงัน

หนังสือที่เผาไหม้ไม่ได้นี้เป็นสัญลักษณ์ของความมุ่งมั่นร่วมกันของเราในการปกป้องหนังสือ เรื่องราว และแนวคิดจากผู้ที่หวาดกลัวและจากการประณามของพวกเขา

เรารู้สึกขอบคุณที่สามารถนำรายได้จากการประมูลครั้งนี้ เพื่อเสริมสร้างการต่อสู้เพื่อการคงอยู่ของหนังสือแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้”

 

ทุกวันนี้ประเทศต่างๆ ทั่วโลกยังคงใช้การแบนหนังสือเพื่อยับยั้งความคิดเห็นที่ขัดแย้งและป้องกันไม่ให้หัวข้อต้องห้ามกลายเป็นประเด็นถกเถียงในสังคมของตน

การแบนหนังสือและการเซ็นเซอร์เป็นเรื่องปกติในประเทศต่างๆ เช่น จีน และฮ่องกง เพื่อปกป้องพรรคคอมมิวนิสต์จีนจากการวิพากษ์วิจารณ์

ขณะที่สื่อการอ่านที่ละเอียดอ่อนทางการเมือง ตลอดจนเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับศาสนา เนื้อหาทางเพศ และหัวข้อต้องห้ามอื่นๆ  มักจะหลีกเลี่ยงโดยผู้จำหน่ายหนังสือตั้งแต่แรก

 

ขณะที่ประเทศในยุโรป เช่น รัสเซียและฮังการี ก็มีประวัติการเซ็นเซอร์เช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับ LGBTQ+

กรณีของฮังการีได้ออกกฎหมายในเดือนมิถุนายน 2564 โดยไม่รวมเนื้อหา LGBT ไว้ในหลักสูตรของโรงเรียนและโปรแกรมเพศศึกษา อีกทั้งยังเซ็นเซอร์เนื้อหาดังกล่าวในระดับชาติที่กว้างขึ้นอีกด้วย ส่วนนักการเมืองฝ่ายขวาจัดสั่งห้ามหนังสือหลายเล่มที่แสดงเรื่องราวของรักร่วมเพศ

ด้านรัสเซียก็แบนวรรณกรรมที่มีเนื้อหาคล้ายคลึงกัน รวมถึงสื่อลามกอนาจาร

 

 

ผลงานสร้างสรรค์โดย Rethink, Toronto/Montreal/Vancouver (ไม่ได้ส่งเข้าประกวด ADFEST 2023 แต่เพิ่งคว้ารางวัล Gold จาก CLIO AWARDS 2023 ประเภท Public Relations, Cause Related มาครอง) แสดงให้เห็นถึงพลังแห่งความคิดสร้างสรรค์ที่ถูกระเบิดออกมาอย่างทรงพลัง

โดยใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลที่เราคุ้นเคยกันดีอย่าง YouTube เป็นสื่อกลางในการเผยแพร่ Key message อันทรงพลังของแคมเปญให้แพร่หลายไปทั่วโลก ไม่ใช่เฉพาะแค่ในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น

ซึ่งทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้าง และมีบางส่วนของความคิดเห็นที่น่าสนใจจากบรรดานักอ่านตัวยง เช่น ยังมีหนังสืออีกหลายเล่มที่ไม่ควรถูกทำลาย คือ Fahrenheit 451, Nineteen Eighty Four และ Brave New World เป็นต้น

 

สำหรับ Penguin Random House คือ หนึ่งในสำนักพิมพ์ที่นำเสนอเรื่องราวของนักเล่าเรื่อง ผู้นำทางความคิด และนักประดิษฐ์ที่ได้รับการยกย่องมากที่สุด

เผยแพร่นิยายต้นฉบับและสารคดีในทุกรูปแบบ โดยมีพันธกิจในการสร้างความบันเทิง ให้ความรู้ และสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้อ่านในหลากหลายเจนเนอเรชั่น

หนึ่งในนั้น คือ The Handmaid's Tale นวนิยายไซไฟดิสโทเปีย (นวนิยายแนววิทยาศาสตร์ นำเสนอโลกที่โหดร้าย มืดมน) ของ Margaret Atwood นักประพันธ์เลื่องชื่อชาวแคนาดา ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี 2529 แต่เรื่องราวกล่าวถึงโลกอนาคตในปี 2738

ซึ่งท้าทายการรับรู้ความจริงทางวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ ความเชื่อ และความศรัทธาต่อศาสนา ผ่านคำบอกเล่าของ "Offred" หญิงรับใช้นางหนึ่งใน "Gilead" อาณาจักรที่มีระบอบการปกครองแบบแบ่งแยกหน้าที่และชนชั้นอย่างชัดเจน

โดยมอบคุณค่าและบทบาทของสตรีจากความสามารถในการอุทิศร่างกายให้แก่การผลิตทรัพยากรที่เรียกว่าการให้กำเนิด "ทารก" เพื่อผดุงการดำรงอยู่ของมวลมนุษยชาติตราบนานเท่านาน

 

"เรื่องเล่าของสาวรับใช้" ในนวนิยายเรื่องนี้ เปรียบเสมือนเรื่องราวจากปากคำของคนในที่ใช้ชีวิตอยู่ภายใต้สภาวะไร้ชื่อ ไร้ตัวตน มีเสรีภาพอย่างจำกัดจำเขี่ย ตามแต่ที่ผู้ปกครองจะบัญชาการ

 


บทความจากนิตยสาร MarketPlus Magazine Issue 156 May 2023

[อ่าน 1,060]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
‘โตโยต้า’ กับการเผชิญหน้าคู่แข่ง ในยุครถไร้คนขับ
เปิดแผนใหญ่ของ Nintendo ในธุรกิจบริการ หวังยกระดับประสบการณ์แฟนเกม
OPPO Find X8 Series เปิดตัวชิป MediaTek Dimensity 9400 SoC สู่ตลาดโลก
Spotify เผยผลประกอบการ Q3 2024: ผู้ใช้งานทะลุ 640 ล้านคน กำไรสุทธิ 300 ล้านยูโร
ฝันลมๆ แล้งๆ หรือปฏิวัติวงการ? Elon Musk ท้าชน ‘ขบวนรถไร้คนขับ’ ด้วย Robotaxi สุดล้ำ!
‘เลอโนโว’ นำเสนอผลิตภัณฑ์ AI ล้ำยุค ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน @ Tech World 2024
MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved