เป็นเวลากว่า 6 ปีที่ศูนย์การค้า ‘เมกาบางนา’ ได้ปักธงสร้างแลนด์มาร์คในโซนกรุงเทพตะวันออก พร้อมการเติมจิ๊กซอว์ชิ้นใหม่ๆ ตอบโจทย์ผู้บริโภคอยู่ตลอดเวลา เพื่อเป้าหมายการเดินหน้าไปสู่ ‘เมกาซิตี้’ ที่ดึงชุมชนมาไว้ใกล้ห้าง
‘เมกาซิตี้’ นับเป็นอภิมหาโปรเจคที่มีแผนระยะยาวกว่า 14 ปี โดยเป็นโครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ที่รวบรวมไว้ทั้งศูนย์การค้า อาคารสำนักงาน ที่พักอาศัย โรงแรม โรงเรียน สวนสนุก และสวนสาธารณะ บนพื้นที่รวมกันกว่า 400 ไร่ ซึ่งหากเสร็จสมบูรณ์พื้นที่นี้จะกลายร่างไปสู่การเป็นชุมชนขนาดใหญ่ ที่ผู้คนกว่า 250,000 ชีวิตจะเข้ามาสร้างเงินหมุนเวียนในอาณาจักรเมกาซิตี้อย่างมหาศาล
ปพิตชญา สุวรรณดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ศูนย์การค้าเมกาบางนา กล่าวว่า “ในปี 2560 ที่ผ่านมา เราได้ใช้เงินลงทุนกว่า 1,000 ล้านบาท เพื่อเดินหน้าส่วนต่อขยาย ‘เมกา ฟู้ดวอล์ค’ รวมพื้นที่กว่า 20,000 ตารางเมตร ทำให้มีร้านอาหารใหม่ๆ เพิ่มขึ้นอีกกว่า 29 ร้าน มีที่จอดรถเพิ่มอีกกว่า 1,200 คัน ซึ่งทำให้จนถึงสิ้นปีที่ผ่านมา เรามีจำนวนผู้มาใช้บริการเพิ่มขึ้นถึง 15%”
“สำหรับปี 2561 เราตั้งใจที่จะทำให้เมกาบางนาเป็นสถานที่พบปะ (meeting place) ที่เป็นมากกว่าที่ช้อปปิ้ง โดยในเฟสสองเราใช้เงินลงทุนราว 2,000 ล้านบาท เพื่อก่อสร้างส่วนต่อขยายใน Plot A บนพื้นที่กว่า 10,000 ตารางเมตร ได้แก่ The Marvel Experience แห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งจะเปิดบริการในเดือนพฤษภาคม และ โรงเรียนประถมศึกษานานาชาติดิษยะศริน กรุงเทพฯ ในเครือ The American School of Bangkok ซึ่งจะเปิดให้บริการในเดือนสิงหาคม นอกจากนี้ยังมีส่วนต่อขยายใน Plot D โดยใช้งบอีก 1,000 ล้านาท เพื่อเพิ่มพื้นที่กิจกรรมสำหรับกลุ่มครอบครัว (Indoor Family Entertainment Complex) ซึ่งเชื่อมต่อกับพื้นที่ ‘เมกา คิดส์’ เพื่อตอกย้ำความแข็งแกร่งของเมกาบางนา”
พร้อมกันนี้ ในโครงการยังมี ‘เมกา พาร์ค’ (Mega Park) ซึ่งเป็นพื้นที่สีเขียวให้ลูกค้าของเมกาบางนาได้ใช้พักผ่อนกับครอบครัวและกลุ่มเพื่อนอีกทั้ง เมกาบางนาได้เปิดให้บริการถนนวงแหวนที่อยู่ล้อมรอบศูนย์ เพื่อรองรับปริมาณรถยนต์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากการพัฒนาโครงการในอนาคต
ขณะที่ในส่วนที่ของอยู่อาศัย เมกาบางนาได้จับมือกับ ‘อารียา พรอพเพอร์ตี้’ ในการเข้ามาลงทุนสร้างคอนโดมิเนียมแห่งแรกในพื้นที่ ส่วนอาคารสำนักงานและโรงแรมอยู่ระหว่างการศึกษาโมเดลธุรกิจ และการพูดคุยกับพันธมิตร ซึ่งอาจจะมีการปรับเปลี่ยนไปตามความเหมาะสม
“การที่เราเปิดศูนย์การค้ามากว่า 6 ปี ทำให้เรารู้ว่าลูกค้ามีความต้องการที่มากขึ้น ลูกค้าอยากออกจากบ้านมาเพื่อใช้ชีวิต ซึ่งเราก็หวังให้เมกาบางนากลายเป็นเมืองที่ทุกคนเข้ามาใช้ชีวิต เข้ามามีประสบการณ์ร่วมกัน” ปพิตชญากล่าว
ทั้งนี้ ในปี 2561 เมกาบางนาได้ใช้งบการตลาดเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาราว 20% เพื่อมุ่งเน้นการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับส่วนต่อขยายที่เปิดใหม่ และขยายฐานลูกค้าให้กว้างมากขึ้น โดยมีเป้าหมายเพิ่มจำนวนลูกค้าอีก 10% จากปี 2560 ที่มีลูกค้ามาใช้บริการราว 42 ล้านคน/ปี พร้อมตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนของลูกค้าชาวต่างชาติเป็น 10% จากปีก่อนที่มีเพียง 5%