“อีสท์ วอเตอร์” ผสานความร่วมมือ “แคท เทเลคอม” วางแผนพัฒนาระบบน้ำครบวงจรในพื้นที่อุทยานนวัตกรรมดิจิทัล (Digital ParkThailand) ชูการบริหารจัดการน้ำทั้งระบบตั้งแต่น้ำดิบ น้ำอุตสาหกรรมบำบัดน้ำเสีย และรีไซเคิลเน้นSmart Waterเพื่อบริหารจัดการน้ำแบบเบ็ดเสร็จ
บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ อีสท์ วอเตอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการน้ำแบบครบวงจรลงนามความร่วมมือกับ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ CAT เพื่อพัฒนาระบบสาธารณูปโภคด้านน้ำแบบครบวงจรภายในพื้นที่อุทยานนวัตกรรมดิจิทัล หรือ Digital Park Thailand ให้เกิดประสิทธิภาพและคุ้มค่าสูงสุด
ความร่วมมือกันในครั้งนี้ ถือเป็นการขับเคลื่อนและสร้างความพร้อมในการวางระบบโครงสร้างพื้นฐาน สาธารณูปโภคด้านน้ำภายในอุทยานนวัตกรรมดิจิทัล หรือ Digital Park Thailand พื้นที่ขนาด 600 ไร่ ในอำเภอศรีราชา จ.ชลบุรี ให้รองรับความต้องการใช้น้ำได้อย่างเพียงพอและยั่งยืน โดยอาศัยความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในการบริหารจัดการน้ำให้กับพื้นที่ชายฝั่งทะเลตะวันออก หรือ อีสท์เทิร์น ซีบอร์ด มากว่า 25 ปี ของ อีสท์ วอเตอร์ โดยที่ อีสท์ วอเตอร์ จะสนับสนุนข้อมูลและแนวทางในการจัดหาและพัฒนาแหล่งน้ำดิบ การให้คำแนะนำในการวางระบบน้ำอุตสาหกรรม ระบบบำบัดน้ำเสีย และน้ำรีไซเคิล ที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพสูงสุด ตลอดจนแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และถ่ายทอดเทคโนโลยีร่วมกัน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและเพิ่มศักยภาพในการลงทุน
จิรายุทธ รุ่งศรีทอง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ อีสท์วอเตอร์ เปิดเผยว่า “ปีนี้ อีสท์ วอเตอร์ เตรียมประกาศรุกธุรกิจน้ำครบวงจรอย่างเต็มรูปแบบ พร้อมก้าวสู่การเป็น Smart Water 4.0 เพื่อขานรับนโยบาย Thailand 4.0 ของรัฐบาล และสนับสนุนการเติบโตของอุตสาหกรรมตามนโยบายโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ด้วยความพร้อมของโครงข่ายท่อส่งน้ำดิบและศักยภาพของเรา มั่นใจได้ว่าความร่วมมือในครั้งนี้จะรองรับอุตสาหกรรมดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดของประเทศในอนาคตได้อย่างครบวงจร พร้อมให้บริการแบบเบ็ดเสร็จรวดเร็วและมีประสิทธิภาพคุ้มค่าสูงสุด เพื่อสนับสนุนให้ประเทศไทยมีศักยภาพและขีดความสามารถในการแข่งขัน”
พ.อ.สรรพชัย หุวะนันทน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ CAT กล่าวว่า “เรามองว่า อีสท์ วอเตอร์ มีศักยภาพเรื่องการบริหารจัดการน้ำ โดยเฉพาะในพื้นที่ EEC ในขณะที่ CAT เอง มีแผนที่จะพัฒนาพื้นที่ Digital Park Thailand ให้เป็นศูนย์กลางการลงทุนและการสร้างสรรค์นวัตกรรมด้านดิจิตอลที่ทันสมัยและใหญ่ที่สุดของประเทศ ภายใต้แนวคิด Smart City อันจะมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในอนาคตความมั่นคงและเสถียรภาพของระบบสาธารณูปโภคด้านน้ำเป็นปัจจัยหนึ่งที่นักลงทุนให้ความสำคัญ โครงการจึงจำเป็นต้องมีแผนรองรับการจัดหาน้ำในระยะยาวให้เพียงพอกับความต้องการใช้น้ำที่เพิ่มขึ้นตามแผนพัฒนาในอนาคต ความต้องการใช้น้ำในระยะแรกรวม 15,500 ลบ.ม./วัน แบ่งเป็นน้ำสะอาดเพื่อพื้นที่พักอาศัย พื้นที่สำนักงาน และพื้นที่ทั่วไป 3,500 ลบ.ม./วัน น้ำอุตสาหกรรมเพื่อหล่อเย็นData Center12,000 ลบ.ม./วัน ระบบบำบัดน้ำเสียและระบบการนำน้ำกลับมาใช้ใหม่ขนาด 3,000 ลบ.ม./วัน เพื่อ Recycle น้ำเป็นระบบ Zero Discharge สำหรับความร่วมมือกันระหว่าง อีสท์ วอเตอร์ กับ CATนั้นจะแบ่งการดำเนินงานเป็นระยะๆ โดยระยะแรกจะเป็นการวางแผนและออกแบบการพัฒนาการบริหารจัดการน้ำทั้งระบบ หลังจากนั้นจึงจะพิจารณารูปแบบในการพัฒนาธุรกิจและการลงทุนร่วมกันต่อไป”
ด้าน จิรายุทธ กล่าวเสริมว่า “อีสท์ วอเตอร์ ได้วางรากฐานการสร้างระบบโครงข่ายท่อส่งน้ำดิบความยาวกว่า 500 กม. ครอบคลุมแหล่งน้ำหลักในพื้นที่ EEC ไว้ทั้งหมด ซึ่งแนวท่อหลักของเราอยู่ห่างจากพื้นที่โครงการ Digital Park Thailand เพียง 400 เมตร สามารถเชื่อมโยงระบบท่อส่งน้ำดิบได้ทันที”
สำหรับการจัดตั้งศูนย์ดิจิทัลภายใต้แนวคิด Smart City นั้น อีสท์ วอเตอร์ ก็ส่งสัญญาณตอบรับแนวคิดดังกล่าว โดยได้พัฒนาระบบบริหารจัดการน้ำด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศที่ทันสมัย ชูความเป็น Smart Water 4.0 เพื่อให้บริการแบบเบ็ดเสร็จ สามารถตรวจสอบข้อมูลการใช้น้ำ คุณภาพ แรงดัน และการรั่วซึมในระบบได้แบบ Real-Time โดยทั้งหมดนี้สามารถดำเนินการได้ผ่านApplication หรือเว็บเพจเพิ่มความรวดเร็วและแม่นยำ ลดปริมาณน้ำสูญเสียและต้นทุนในการดูแลระบบรวมถึงระบบการชำระค่าน้ำพร้อมการแจ้งเตือนอัตโนมัติหากมีเหตุผิดปกติเกิดขึ้นในระบบ ด้วยการควบคุมทั้งระบบจาก Control Center เพียงจุดเดียว ซึ่งจะช่วยให้การบริหารจัดการน้ำภายใน Digital Park Thailand เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและทันสมัยมากยิ่งขึ้น พร้อมก้าวสู่การเป็น Smart City ที่สำคัญของประเทศ