เทรนด์การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบันที่เห็นได้ชัดเจนในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา คือ หลายธุรกิจให้ความสำคัญเรื่องสิ่งแวดล้อมจนนำมาสู่การใช้แนวคิด ESG อย่างจริงจังในการสร้างวัฒนธรรมองค์กรและนำเสนอออกมาในรูปแบบของสินค้าและบริการ
สำหรับ ESG ในแบบฉบับของ “ลลิล พร็อพเพอร์ตี้” มีการสร้างฐานความเข้าใจจากภายในองค์กรสู่การนำเสนอผ่านการออกแบบ การพัฒนาที่อยู่อาศัยที่ยั่งยื่นและเป็นการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับลูกบ้านระยะยาว โดย ชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เรื่องสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องหลักที่บริษัทใช้ในการพัฒนาโครงการต่างๆ โดยมีการวางแผนตั้งแต่โครงสร้าง วัสดุ และการวางแปลนบ้านตามทิศทางของลมและแนวการขึ้นลงของดวงอาทิตย์ซึ่งพลังงานเป็นสิ่งสำคัญ โดยเริ่มต้นที่ฐานความคิดตั้งแต่ก่อนเริ่มก่อสร้าง เพื่อให้ทิศทางการทำงานเป็นทางเดียวกันในการตอบโจทย์ลูกค้า
ทั้งนี้บริษัทมีการปรับโครงสร้างในเรื่องแนวคิดการทำงานภายในให้สอดรับกับเทรนด์รัก์สิ่งแวดล้อมที่ทั่วโลกให้ความสนใจ หรือ ESG ที่ประกอบ 3 ส่วนหลัก คือ การพัฒนาด้านสิ่งแวดล้อม (Environment) สังคม (Social) และหลักธรรมาภิบาล (Governance) โดย ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ เริ่มจากมีการจัดประกวดนวัตกรรมภายในองค์กรของแต่ละแผนกเพื่อให้เกิดความคิดใหม่ๆ เพื่อนำไอเดียเหล่านั้นมาใช้จริงกับการทำงาน
อีกทั้งบริษัทมีการพัฒนาบุคลากรในหลายด้านซึ่งเริ่มจากการสร้างความรู้ความเข้าใจให้คนในองค์กรเรื่อง ESG อย่างแท้จริงในทิศทางเดียวกัน จนกลายเป็นวัฒนธรรมองค์กรและส่งต่อออกมาในรูปแบบการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อให้ส่งถึงลูกค้า โดยในปีแรกที่มีการปรับใช้แนวคิดนี้ทีมงานมีการปรับตัวและเข้าใจได้เป็นอย่างดี และพร้อมให้ความร่วมมือในการปรับเปลี่ยนวิธีคิดวิธีการทำงาน
โดยพนักงานในองค์กรมีช่วงอายุที่หลากหลาย แต่บริษัทใช้วิธีเลือกคนให้เหมาะกับงาน เนื่องจากบางช่วงอายุอาจเหมาะสมกับงานโครงการที่อยู่อาศัยที่แตกต่างกัน แต่ทุกคนสามารถปรับกลยุทธ์สอดรับกับกระแสความต้องการของผู้บริโภคได้
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมีการปรับกลยุทธ์ด้านราคาให้สอดรับกับการปรับเปลี่ยนของเทรนด์ โดยยังคงราคาที่ผู้บริโภคเข้าถึงได้ อีกทั้งพฤติกรรมผู้บริโภคได้เปลี่ยนไปเป็นมองที่ความคุ้มค่าระยะยาว การเลือกที่อยู่อาศัยที่มีความใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อมและมีพลังหมุนเวียน หรือพลังงานทดแทนภายในโครงการเป็นปัจจัยหนึ่งที่ลูกค้าของลลิล พร็อพเพอร์ตี้ มีการถามถึงทุกครั้งในการตัดสินเลือกโครงการ
Sustainable Living
หัวใจหลักในการอยู่อาศัยที่เน้นการอยู่ร่วมกับชุมชนเพื่อให้เกิดความยั่งยืนทั้งในเรื่องพื้นที่สีเขียวที่เพิ่มมากขึ้น เพื่อร่วมเป็นปอดให้กับชุมชน ทั้งในโครงการและชุมชนโดยรอบโครงการ ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ มีการนำไม้ยืนต้นเข้ามาช่วยในเรื่องการฟอกอากาศกว่า 80 ต้น และมีการนำพันธุ์ไม้หลากสี เข้ามาช่วยเพิ่มสีสันและช่วยลดการเกิดฝุ่น Pm 2.5
ทั้งนี้การเลือกสรรทำเลก็เป็นปัจจัยที่สำคัญ โดยต้องเลือกให้เหมาะสม ต้องคำนึงถึงทิศทางลม หรือช่องแสงจากธรรมชาติ เพื่อช่วยส่งเสริมในเรื่องระบบหมุนเวียนและการถ่ายเทอากาศภายในบ้าน นอกจากนี้ยังคำนึงเรื่องแสงสว่างภายในบ้านให้มีช่องแสงที่เป็นธรรมชาติ ช่วยลดการใช้พลังงานไฟฟ้า ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
Healthy Living
การออกแบบบ้านเพื่อช่วยให้ผู้อยู่อาศัยมีสุขภาพที่ดีด้วยการนำนวัตกรรมที่ช่วยระบายอากาศเข้ามาใช้ให้ได้อุณหภูมิที่เหมาะสมต่อการอยู่อาศัยอีกทั้งยังช่วยลดโอกาสการเกิดโรคอุบัติใหม่ต่างๆ ได้ รวมทั้งยังเลือกใช้วัสดุตกแต่งที่ได้รับการรับรองมาตรฐานด้านสุขภาพต่างๆ เข้ามาใช้ในโครงการ เช่น สุขภัณฑ์ที่มีฉลากเขียว (Green Label) เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยช่วยป้องกันไวรัสและแบคทีเรีย เพื่อส่งมอบประสบการณ์ใหม่ให้ผู้อยู่อาศัยสามารถอยู่ร่วมกับสิ่งแวดล้อม และสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข
Multifunctional Living
การออกแบบบ้านที่เน้นความยืดหยุ่นในการใช้งาน สามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชันให้เป็นห้องอเนกประสงค์ เพื่อรองรับกับชีวิตวิถีใหม่ New Normal ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน เช่น ห้อง Work From Home, ห้อง Study Online, ห้องสำหรับกลุ่มอาชีพอิสระ ขายออนไลน์, ห้องผู้สูงอายุรองรับสังคมสูงวัยในอนาคต หรือแม้กระทั่งห้อง Game Room เป็นต้น
ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนพื้นที่ในบ้านให้มีความยืดหยุ่นยิ่งขึ้นด้วยการออกแบบที่เรียกว่า One Space ให้พื้นที่ใช้สอยภายในบ้านเชื่อมโยงกันอย่างลงตัว ร่วมกับการออกแบบบ้านที่เน้นการใช้งานได้อย่างหลากหลายในพื้นที่เดียว หรือที่เรียกว่า Multifunction Space ซึ่งบริษัทฯ ได้เริ่มนำแนวคิดนี้มาปรับใช้และได้รับผลตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากกลุ่มลูกค้าในปัจจุบัน
Smart Living
การนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการออกแบบบ้านเพื่อรองรับนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกและความปลอดภัยให้แก่ผู้พักอยู่อาศัย ไปจนถึงระบบรักษาความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพ พร้อมรองรับไลฟ์สไตล์เทรนด์ประหยัดพลังงานของกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าประเภท EV ซึ่งลลิล พร็อพเพอร์ตี้ ได้เตรียมจุดเชื่อมต่ออุปกรณ์ EV Charger สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคต อีกทั้งมีการติดตั้งจุดเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตเพื่ออำนวยความสะดวกในการชีวิตในยุคดิจิทัล
กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ กล่าวต่อว่า บริษัทมีการลดการใช้พลังงานและทรัพยากรธรรมชาติ ลดผลกระทบจากการใช้ทรัพยากรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมสร้างสรรค์สังคมการอยู่ร่วมกันแบบ ‘ยั่งยืนและมีความสุข’ ในคอนเซ็ปต์ 3RPlus ได้แก่
Reduce
มีการลดการใช้น้ำโดยใช้สุขภัณฑ์แบบประหยัดน้ำที่มี2ระบบ ช่วยลดการใช้น้ำที่เกินความจำเป็น ลดการใช้ไฟโดยใช้หลอดไฟ LED และมีระบบ Solar Cell ในพื้นที่ส่วนกลางเพื่อลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ อีกทั้งยังใช้หลังคาที่มีฉนวนกันความร้อน เพื่อช่วยลดอุณหภูมิภายในคลับเฮ้าส์ ทำให้เครื่องปรับอากาศทำงานน้อยลงและประหยัดไฟมากขึ้น มีการใช้กระจกสีเขียวใสตัดแสงและสีสะท้อนความร้อน ซึ่งจะช่วยลดความร้อนในการเข้าสู่ตัวอาคาร และลดค่าใช้จ่ายในเรื่องการใช้ไฟฟ้าอีกด้วย
Reuse
การใช้ซ้ำ โดยมีระบบหมุนเวียนน้ำ ซึ่งนำน้ำที่ใช้แล้วกลับมาใช้ดูแลสวนส่วนกลาง พร้อมทั้งยังมีการตั้งเวลา เปิด-ปิด ในการรดน้ำต้นไม้ เพื่อลดการใช้น้ำเกินความจำเป็นและเกิดประโยชน์สูงสุด
Recycle
นำกลับมาใช้ใหม่ มีการใช้วัสดุเข้ามาทดแทน เช่น การใช้กระเบื้องลายหินอ่อนที่เป็นหินสังเคราะห์ ให้ความรู้สึกที่ทดแทนวัสดุที่เป็นหินอ่อนแท้ที่เกิดจากธรรมชาติ
นอกจากนี้ ได้เพิ่มพื้นที่ Green Space เพิ่มพื้นที่สีเขียวภายในโครงการให้มากขึ้น โดยคัดสรรพันธุ์ไม้ที่มีสีสันสดใสสบายตา ให้ความรู้สึกสดชื่นผ่อนคลาย เพื่อเป็นปอดของชุมชนพร้อมปรับภูมิทัศน์ให้ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างลงตัว เพิ่มจุดสันทนาการท่ามกลางสวนสวยเพื่อเพิ่มความสุขในวันหยุดพักผ่อน และเพิ่มความประทับใจในการอยู่อาศัยภายในโครงการ” โดยสวนได้มีการออกแบบให้มีความงดงาม ในสไตล์ฝรั่งเศส โดยประยุกต์ใช้ต้นไม้ที่มีในประเทศไทย เน้นไม้ยืนต้น ที่ช่วยลดคาร์บอนเพื่อฟอกอากาศในบริเวณโดยรอบ
อย่างไรก็ตามแนวคิดในด้าน ESG นำมาใช้ภายในองค์กร 2-3 ปีแล้ว เริ่มจากโครงการบ้านลลิล ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดี และในโครงการหลังจากนี้จะเป็นลักษณะนี้ทั้งหมด ส่วนโครงการเดิมก่อนหน้าจะมีการเข้าไปพัฒนาปรับเปลี่ยนให้เป็นไปตามเทรนด์มากขึ้น