TechnoGym ประเทศไทย เปิดตัว TechnoGym Run ลู่วิ่งไฟฟ้าที่ปฏิวัติวงการจัดเต็มทั้งเทคโนโลยีทันสมัยที่สุดในโลก ผสมผสานระหว่างการออกกำลังกายแบบ Cardio และ Power ในเครื่องเดียว อัดแน่นด้วยฟังก์ชันการใช้งานครบครัน
พร้อมรุก เจาะกลุ่ม B2B, B2C รับเทรนด์ “รักษ์สุขภาพ” มาแรง ชู กลยุทธ์ Customized เน้นตอบโจทย์การออกกำลังกายที่หลากหลาย และมีความเฉพาะตัวมากขึ้น ตอกย้ำความเป็นแบรนด์อันดับ 1 ด้านอุปกรณ์ และเครื่องออกกำลังกายระดับโลกจากอิตาลี
เปิดตัวนวัตกรรมลู่วิ่ง TechnoGym Run
ตลาดอุปกรณ์และเครื่องออกกำลังกายในประเทศไทยร้อนฉ่ากันอีกครั้ง เมื่อแบรนด์ผู้นำระดับโลกจากอิตาลีอย่าง TechnoGym ประกาศเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุด ทั้งนี้ นายสุรเชษฐ์ อมรรัตนเวช กรรมการบริหาร TechnoGym ประเทศไทย เปิดเผยว่า
“บริษัทได้เปิดตัว TechnoGym Run นวัตกรรมลู่วิ่งไฟฟ้าปฏิวัติวงการที่มาพร้อมเทคโนโลยีทันสมัยที่สุดในโลก สามารถใช้งานได้หลายฟังก์ชั่น รวบรวมการออกกำลังกายอย่างหลากหลายไว้ในลู่วิ่งเครื่องเดียว ได้แก่ การวิ่ง การฝึกพละกำลัง (Power Training) การฝึกแบบกลุ่ม (Bootcamp เน้นท่าออกกำลังกายโดยใช้น้ำหนักตัวเป็นแรงด้าน เพื่อลดน้ำหนัก กระชับสัดส่วนและเสริมสร้างความแข็งแรง) ไว้ ทำให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าแต่ละเซ็กเมนต์ที่มีความต้องการแตกต่างกัน และเทรนด์ของตลาดที่มีความหลากหลายได้มากขึ้น
นอกจากนี้ ด้วยหน้าจอคอนโซลขนาด 27 นิ้วของ TechnoGym Run จึงทำช่วยเติมเต็มประสบการณ์การวิ่งของผู้ใช้งานที่ต้องการได้ เนื่องจากมีโปรแกรมและโหมดการฝึกที่หลากหลายให้เลือก ได้แก่ Cardio, Strength หรือ High-Intensity จากโปรแกรมออกกำลังกายบน TechnoGym Live เช่น
Trainer-Led Sessions, Routines ที่ปรับการออกกำลังกายได้ตามเป้าหมาย และ Virtual Outdoor ที่จำลองการออกกำลังกายแบบเสมือนจริง สามารถปรับความเร็ว - ความชันได้ตามเส้นทางที่ผู้ใช้งานเลือก พร้อมทั้งเสิร์ฟความบันเทิงไม่รู้จบ อาทิ Netflix, YouTube, TV, โซเชียลมีเดีย ฯลฯ จาก TechnoGym Live และที่ตัวคอนโซลยังมีโปรแกรมออกกำลังกายที่สามารถใช้งานร่วมกับ TechnoGym Bench เพื่อผลลัพธ์การออกกำลังกายที่ดีที่สุดอีกด้วย
ความโดดเด่นของแบรนด์
ความโดดเด่นที่เป็นจุดแข็งของแบรนด์ TechnoGym นั้นมาพร้อมกับความพรีเมียม ซึ่งยืนยันอย่างแข็งขันจากนายสุรเชษฐ์ที่ว่า “TechnoGym มีความโดดเด่นอันเป็นลักษณะเฉพาะของแบรนด์ที่ส่งให้กลายเป็น “แบรนด์อันดับหนึ่ง” ด้านอุปกรณ์เครื่องออกกำลังกายระดับโลกจากประเทศอิตาลีอีกทั้งเป็น “แบรนด์ผู้นำเทรนด์ตลาด” (Trendsetter Brand) ที่มีอุปกรณ์ออกกำลังกายให้เลือกอย่างหลากหลาย ด้วยคุณภาพระดับพรีเมียม
โดดเด่นทั้งฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์ เนื่องจากผู้ใช้งานสามารถติดตามและเข้าถึงคอนเทนต์การฝึกการออกกำลังกายตามเป้าหมายได้ จากหน้าจอคอนโซล TechnoGym Live ที่ทางแบรนด์ได้อัพเดทอย่างสม่ำเสมอ เพื่อทำให้เครื่องออกกำลังกายของ TechnoGym เพียงหนึ่งเครื่องสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้หลากหลาย สามารถสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าได้มาก จากการผสมผสานนวัตกรรมเทคโนโลยีด้านการออกกำลังกายและสุขภาพเข้าไว้ด้วยกัน พร้อมทั้งคอนเทนท์ TechnoGym Live ที่ทำให้ผู้ใช้งานสามารถเนรมิต Wellness On-the-Go ของตนเองได้ และสามารถเลือกโปรแกรมการออกกำลังกายที่ต้องการได้แบบเฉพาะตน”
เทรนด์ “รักษ์สุขภาพ” มาแรง
“จากเทรนด์ตลาด พฤติกรรมและความต้องการของผู้ใช้งานทั้งกลุ่ม B2B ซึ่งได้แก่ โรงแรม, ที่อยู่อาศัย อาทิ คอนโด หมู่บ้านจัดสรร,โรงพยาบาลและ Wellness Center, บริษัท สำนักงาน สถานศึกษา, และฟิตเนส และลูกค้ากลุ่ม B2C เป็นตลาดของกลุ่มลูกค้าที่ซื้ออุปกรณ์ออกกำลังกายใช้ในบ้านและมีสัดส่วน 60-70% ของพอร์ตโฟลิโอบริษัทฯ ประกอบกับนักวิ่งแต่ละคนต่างก็มีเป้าหมายและความต้องการแตกต่างกัน อาทิ
การวิ่งเพื่อรักษาความฟิต การวิ่งเพื่อลดน้ำหนัก การวิ่งเพื่อพัฒนาศักยภาพของตนเองให้ดีขึ้น การวิ่งในระยะเริ่มต้นไปจนถึงการวิ่งเพื่อฝึกซ้อมสู่การแข่งขันมาราธอนและไตรกีฬา ฯลฯ ดังนั้น จากการทำความเข้าใจกับความต้องการของผู้ใช้งาน (Insight) จึงเป็นสิ่งสำคัญ” นายสุรเชษฐ์กล่าว
สำหรับภาวการณ์เปลี่ยนแปลง ของตลาดดังกล่าว ทั้งในเซ็กเม้นท์ B2B และ B2C ประกอบด้วย
ช่องทางเข้าถึงลูกค้า
“ปัจจุบันสาขาของ TechnoGym ในประเทศไทยมี 2 สาขา และ 2 รูปแบบ โดยสาขาเอกมัยจะเป็นการผสมผสานระหว่าง Boutique และ Experience Center ตอบโจทย์ทั้งลูกค้า B2B และ B2C ซึ่งจำลองประสบการณ์ต่างๆ ที่ผู้ใช้งานจะได้รับจากการออกกำลังกายในสถานที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโรงแรม, ฟิตเนส, สปอร์ตคลับ, เวลเนส เซ็นเตอร์ (Wellness Center) เพื่อให้ลูกค้าสามารถทดลองใช้เครื่องได้อย่างเต็มที่ ขณะที่สาขาเซ็นทรัล เอ็มบาสซีจะเป็น Boutique ที่มีการตกแต่งสวยงาม ตอบโจทย์ลูกค้า B2C
โดยวางไอเท็มหลักที่ลูกค้ามักเลือกไว้ใน Home Gym ที่มีพื้นที่ค่อนข้างจำกัด นอกจากนี้ ในช่วงต้นปี 2567 TechnoGym ยังมีแผนเปิดสาขาใหม่ที่จังหวัดภูเก็ต ซึ่งจะเป็นการผสมผสานระหว่าง Boutique และ Experience Center ไว้ในที่เดียว ขณะเดียวกัน ก็จะเน้นจัด Pop-up Event ในพื้นที่ต่างๆ เพื่อสร้างการรับรู้และเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ” นายสุรเชษฐ์กล่าว