สถานการณ์โควิด-19 สำหรับใครหลายๆคนอาจหมายถึงวิกฤติที่ต้องฟันฝ่า แต่ไม่ใช่กับ “เต้ย-กุลวัฏ แซ่จึง” เจ้าของธุรกิจแฟรนไชส์ห้าดาว 6 สาขา ที่บอกได้อย่างเต็มปากว่า “โควิดเป็นโอกาสสำหรับธุรกิจอาหารที่รู้จักปรับตัวอย่างแท้จริง”
“กุลวัฏ แซ่จึง” ที่วันนี้อยู่ในวัย 31 ปี เล่าย้อนไปถึงจุดเริ่มต้นก่อนเข้าสู่วงการธุรกิจแฟรนไชส์ว่า ก่อนนี้เขาเป็นพนักงานบริษัททำงานประจำเหมือนมนุษย์เงินเดือนทั่วไป อยู่ในแผนกจัดซื้อและซัพพลายเชนของหลายบริษัทโดยเฉพาะบริษัทด้านเทคโนโลยี และด้วยความฝันที่อยากเป็นเจ้าของธุรกิจในระหว่างที่ทำงานกินเงินเดือนก็เก็บออมเพื่อเริ่มธุรกิจหลายๆอย่าง แต่ด้วยขาดประสบการณ์และไม่ถนัดด้านการตลาด จึงล้มลุกคลุกคลานหลายครั้ง
จนมาเจอกับธุรกิจห้าดาวด้วยความบังเอิญ เมื่อปลายปี 2562 จึงเริ่มลงทุนในธุรกิจแฟรนไชส์นี้ เพราะใช้เงินลงทุนไม่มาก ตอนนั้นลงทุนเพียง 1 แสนบาท ก็เป็นเจ้าของร้าน 2 สาขา บนทำเลทองหน้าห้างแม็คโครบางบอนกับแม็คโครกัลปพฤกษ์ ทำให้มียอดขายดีมาก ขณะนั้นคิดว่าน่าจะปรับมาทำร้านไก่ย่างห้าดาวเพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภค จึงต่อยอดกำไรที่ได้จากร้านน้ำมาเป็นเงินทุนในการเปิดร้านห้าดาวในสาขาถัดๆ ไป
“ตอนที่เริ่มทำธุรกิจนี้ยังไม่เกิดการระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งตอนนั้นยอดขายปังมาก ทำให้มีกำไรเป็นทุนเปิดร้านไก่ย่างห้าดาวสาขาต่อๆ ไป จนเมื่อเกิดโควิด-19 ลูกค้าปรับเปลี่ยนรูปแบบการรับประทานอาหาร งดการออกไปทานอาหารนอกบ้าน
บางคนบอกว่าเป็นวิกฤติของร้านอาหาร แต่กลับเป็นโอกาสของไก่ย่างห้าดาว ที่ยังขายของได้ โดยเฉพาะแบบซื้อกลับ เพราะตอบโจทย์ผู้บริโภค เรียกว่ายอดขายพุ่ง กำไรค่อนข้างดี จนสามารถขยายได้ถึง 6 สาขาได้ภายใน 1 ปี”
เมื่อถามถึงเคล็ดลับความสำเร็จ กุลวัฏบอกว่า ธุรกิจอาหารมีการแข่งขันค่อนข้างสูง แต่ด้วยความแข็งแกร่งของแบรนด์ห้าดาวที่เปิดมากว่า 38 ปีแล้ว และเชื่อว่าห้าดาวคือหนึ่งในแบรนด์ที่อยู่ในใจผู้บริโภค ทำให้การขายเป็นไปได้ไม่ยาก เมื่อผนวกกับความแข็งแรงของระบบหลังบ้าน ที่มีซีพีเอฟเป็นบริษัทผู้ผลิตวัตถุดิบคุณภาพที่ไม่มีวันขาด
มีการนำระบบ POS (Point of sale system) หรือระบบขายหน้าร้าน มาใช้ ช่วยให้สามารถดูยอดขายแบบทันที (Real Time) ดูระบบสต๊อกเข้าออกได้รวดเร็ว ทำให้ทราบจำนวนสินค้าคงคลัง สามารถตรวจสอบรายรับได้ตลอดเวลา และนำข้อมูลมาวิเคราะห์สินค้าขายดี เพื่อนำไปวางแผนการสั่งซื้อสินค้าล่วงหน้าให้เหมาะสมกับจุดขายแต่ละจุดได้ดีขึ้น
นอกจากนี้ อีกตัวแปรสำคัญ คือการดูแลที่ดีของทั้งผู้บริหารและทีมงานห้าดาว ที่มีรูปแบบการอบรมก่อนการเปิดร้าน ด้วยการส่งไปอบรมที่ร้านครูฝึก ช่วยให้ผู้ประกอบการมือใหม่สามารถเริ่มต้นดำเนินกิจการได้ตามมาตรฐาน มีการตรวจสอบให้รักษามาตรฐานและการบริการที่ดี
ที่สำคัญห้าดาวไม่เคยตกกระแสทันยุคทันเหตุการณ์ มีความแปลกใหม่ตลอดเวลา โดยเน้นคุณภาพ ความอร่อย มุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ มีการสื่อสารกับลูกค้าที่ดี และจัดโปรโมชันเหมาะสม และยังช่วยติดต่อผู้ให้บริการ Food Delivery ซึ่งช่วยผู้ประกอบการได้มาก
“สำหรับผู้ที่สนใจธุรกิจอาหาร ผมอยากให้มาเริ่มต้นกับธุรกิจห้าดาว ที่เป็นทางลัดของความสำเร็จ โดยเฉพาะเรื่องการตลาดที่ตอบโจทย์ความต้องการของผมมาก เพราะห้าดาวเป็นผู้ช่วยในการปิดจุดอ่อนของตนเอง ที่ไม่ถนัดด้านการตลาด โดยมีทีมงานเป็นผู้การวางแผนการตลาดแต่ละช่วงเวลาอย่างเหมาะสม ทำให้ร้านเป็นที่รู้จัก
และยังมีสินค้าตรงตามความต้องการของผู้บริโภค ราคาจับต้องได้ ผลกำไรก็เพิ่มตามไปด้วย เมื่อไม่ต้องเสียเวลากับเรื่องที่ไม่ถนัดแล้ว ก็มีเวลาในการบริหารจัดการหน้าร้าน การบริการ การดูแลลูกค้าได้อย่างทั่วถึง และการรักษามาตรฐาน” กุลวัฏ กล่าว
วันนี้ห้าดาวสำหรับกุลวัฏแล้ว ไม่ใช่เพียงคู่ค้าทางธุรกิจ แต่เป็นเหมือน “ครอบครัว” จากร้านห้าดาวเล็กๆ ที่สามารถขยายสาขาเพิ่มขึ้น ช่วยให้น้องๆทีมงานมีอาชีพ ช่วยให้อีก 10 ครอบครัวมีรายได้ มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น การจ้างงานในพื้นที่ทำให้พวกเขาไม่ต้องทิ้งครอบครัวเข้าเมืองหางานทำ
นี่คือสิ่งที่เขาภูมิใจที่ได้เป็นหนึ่งใน “ครอบครัวห้าดาว”