บริษัท พีเอ็มที เดอะ อาวร์ กลาส (ไทยแลนด์) จำกัด ผู้นำเข้าแบรนด์นาฬิกาไฮเอนด์ ครบรอบ 15 ปี ยังคงจุดยืนที่ชัดเจนในการทำตลาดและสร้างความไว้วางใจให้กับแบรนด์นาฬิกาชั้นนำระดับโลก พร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจไปยังเวียดนามเจาะกลุ่มเทรนด์แพชชั่นสะสมนาฬิกาหรู
ปรับตัวเสมอ รับทุกกระแสเปลี่ยนแปลง
ณรัณ ธรรมาวรานุคุปต์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พีเอ็มที เดอะ อาวร์ กลาส (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าตลาดนาฬิกาอยู่ในช่วงของการเปลี่ยนแปลงพัฒนาตลอดเวลา มาพร้อมกระแสที่เห็นได้ชัดของผู้ซื้อนาฬิกาที่มีอายุน้อยลงเริ่มให้ความสนใจในนาฬิกาตั้งแต่ช่วงอายุไม่มาก กลุ่มผู้บริโภคช่วงอายุ 25-35 ปี จึงกลายเป็นกลุ่มลูกค้าสำหรับนาฬิการะดับไฮเอนด์ที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว
PMT The Hour Glass มีความมุ่งมั่นในการปรับปรุงและพัฒนาประสบการณ์การซื้อนาฬิกาของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้นมาโดยตลอด และได้ดำเนินตามกลยุทธ์เพื่อสร้างความเจริญเติบโตในเชิงคุณภาพผ่านเทคโนโลยี ซึ่งกลยุทธ์นี้ได้ช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้บริษัท โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา
นอกจากนี้บริษัทได้ทรานส์ฟอร์เมชันด้านดิจิทัลด้วยการเปิดตัวระบบ Customer Experience Management sinv CEM ทำให้บริษัทเข้าใจลูกค้าแต่ละคนมากยิ่งขึ้นและสามารถออกแบบสร้างสรรค์ประสบการณ์เฉพาะบุคคลให้กับลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ บริษัทยังให้ความสำคัญกับการสานสายสัมพันธ์อันลึกซึ้งกับลูกค้าท้องถิ่นรวมถึงการมอบประสบการณ์ชั้นยอดที่ไม่เหมือนใครอีกด้วย
จุดยืนชัดเรื่องความไว้วางใจจากแบรนด์ชั้นนำ
ทั้งนี้จุดยืนทางการตลาดของ PMT The Hour Glass ได้เกิดจากความร่วมมือทางธุรกิจในอุตสาหกรรมนาฬิกากับแบรนด์ผู้ผลิตนาฬิกาที่ให้ความเชื่อใจ ตั้งแต่แบรนด์นาฬิกาที่ระดับใหญ่ คือ Rolex, Patek Philippe, Hublot และ Tudor ไปจนถึงแบรนด์นาฬิกาช่างฝีมือระดับสูง หรือ Artisanal brand ได้แก่ F.P.Journe, MB&F, URWERK, และ Akrivia ซึ่งทำให้บริษัทสามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่หลากหลายได้อย่างครอบคลุม
อีกทั้ง PMT The Hour Glass มีความภาคภูมิใจที่ได้รับความไว้วางใจให้เป็นผู้บริหารบูติกแฟล็กชิปของแบรนด์ Patek Philippe ที่ศูนย์การค้าไอคอนสยาม กรุงเทพฯ ซึ่งเปิดให้บริการตั้งแต่ปี 2561 ที่ผ่านมา อีกทั้งยังเป็นผู้แทนจัดจำหน่ายแบรนด์ Rolex ในไทยที่ดูแลบูติก Rolex ที่เซ็นทรัลเอ็มบาสซี และโชว์รูมอีก 4 แห่งในกรุงเทพฯ และภูเก็ต
บริษัทได้เป็นเอ็กซ์คลูซีฟพาร์ทเนอร์ชิพของแบรนด์ Hublot ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งมีบูติก Hublot ที่ศูนย์การค้าสยามพารากอนและเซ็นทรัลเอ็มบาสซีในกรุงเทพฯ และติดอันดับ 1 ใน 10 บูติกนาฬิกาที่มียอดขายสูงที่สุดของโลกในปี 2565
ทั้งนี้ในฐานะพันธมิตรสำคัญของแบรนด์ Tudor ในประเทศไทย PMT The Hour Glass ยังได้รับความไว้วางใจให้เปิดบูติก Tudor แห่งแรกในไทยภายใต้คอนเซ็ปต์ล่าสุดของแบรนด์ ทั้งนี้แผนการเปิดบูติก Tudor แห่งที่ 2 ภายในสิ้นปี 2566นี้ยังคงดำเนินการไปตามแผนที่มีการวางไว้
อย่างไรก็ตามในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านนาฬิกา PMT The Hour Glass ให้ความสำคัญกับแพชชั่นของคนที่รักการสะสมนาฬิกาและเลือกใช้เฉพาะแบรนด์นาฬิกาช่างฝีมือ ทำให้บริษัทได้รับความไว้วางใจให้เป็นผู้แทนนำเข้าและจัดจำหน่ายแบรนด์ MB&F, URWERK และ De Bethune
นอกจากนี้ในโอกาสครบรอบ 15 ปี PMT The Hour Glass ได้เปิดตัวนาฬิการุ่นลิมิเต็ดเอดิชันแบบเอ็กซ์คลูซีฟร่วมกับพันธมิตร ได้แก่ Hublot, Girard-Perregaux, Ulysse Nardin, MB&F และ URWERK โดยจะวางจำหน่ายที่ บูติกของ PMT The Hour Glass ในประเทศไทย
PMT The Hour Glass ปั้นรายได้ต่อเนื่อง 12 เท่า
กรรมการผู้จัดการ บริษัท พีเอ็มที เดอะ อาวร์ กลาส (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวต่อว่า ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ตลาดกลุ่มนาฬิกาลิมิตเต็ดเอดิชันมีการเติบโตที่สูงขึ้นหลายเท่าตัว เนื่องจากในช่วงที่มีการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 คนส่วนใหญ่ทำงานที่บ้านและด้วยสถานการณ์ล็อคดาวน์ทำให้ผู้คนมีเวลาในการศึกษาสิ่งที่ตัวเองสนใจมากขึ้น นาฬิกาเป็นสินค้าในกลุ่มเครื่องประดับที่สำหรับผู้ที่สนใจแล้วจะให้ความสำคัญในเรื่องแบรนด์ที่มีคุณภาพ เทคโนโลยีและการผลิตที่ประณีตจึงทำให้ความต้องการซื้อในกลุ่มนักสะสมและผู้ที่ซื้อเพื่อใช้งานมีจำนวนมากขึ้น
อีกทั้งจะเห็นได้จากรายได้บริษัทที่เพิ่มขึ้นเป็น 12 เท่า จากการนำเข้าสินค้าแบรนด์นาฬิกากลุ่มราคาระดับสูง หรือกลุ่มไฮเอนด์เพื่อจำหน่ายในประเทศไทยส่งผลให้รายได้รวมประจำปีบัญชีที่ผ่านมาสูงกว่า 6,000 ล้านบาท โดยเฉพาะในปี 2565 ที่ผ่านมามีการนำเข้านาฬิกาสวิสแบรนด์ชั้นนำระดับโลกรวมมูลค่าถึง 12,955 ล้านบาท
พร้อมขยาย 20 บูติก เร่งเจาะตลาดเวียดนาม
สำหรับ PMT The Hour Glass ได้เริ่มต้นธุรกิจตั้งแต่ปี 2551 ซึ่งในปีนี้ครบรอบปีที่ 15 แล้ว บริษัทยังคงมุ่งมั่นในการสร้างการรับรู้ให้กับลูกค้าได้รับทราบข้อมูลจากแบรนด์นาฬิกาที่นำเข้ามาจำหน่ายในไทย โดยมีแผนขยายเครือข่ายจัดจำหน่ายจาก 2 บูติกในกรุงเทพฯ ไปสู่ 15 บูติก ใน 4 หัวเมืองใหญ่ของทั้งในไทยและขยายไปยังประเทศเวียดนาม โดยวางเป้าหมายในการขยายบูติกเพิ่มขึ้นเป็น 20 แห่งภายในสิ้นปีนี้
ส่วนการทำตลาดในเวียดนามนั้น บริษัทได้ศึกษาตลาดนาฬิกาประเทศเพื่อนบ้านมามากกว่า 5 ปี จึงตัดสินใจเลือกทำตลาดนาฬิกาในประเทศเวียดนามเป็นครั้งแรก โดยปัจจุบันได้เปิดบูติกทั้งในเมืองโฮจิมินห์และฮานอยแล้ว โดยเวียดนามมีการตอบรับในแบรนด์ต่างๆ เป็นอย่างดี วัฒนธรรมการเลือกใช้นาฬิการแบรนด์ไฮเอนด์ค่อนข้างมีอย่างแพร่หลายและเป็นตลาดที่มีโอกาสเติบโตได้ต่อเนื่อง