ในตลาดร้านอาหารประเภท Quick Service Restaurant หรือ QSR ที่มีมูลค่าประมาณกว่า 40,000 ล้านบาทต่อปีนั้น แม้จะดูเหมือนว่าลูกค้าที่เป็นวัยรุ่น จะเป็นลูกค้าที่มีความถี่ในการใช้บริการค่อนข้างมาก แต่กลุ่มเป้าหมายครอบครัว ก็ถือเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักที่ผู้เล่นในตลาดร้านอาหารประเภท QSR ให้ความสำคัญ
ในตลาดเบอร์เกอร์นั้น แมคโดนัลด์ ถือว่าแข็งแกร่งค่อนข้างมากในกลุ่มเป้าหมายนี้ น่าจะกินสัดส่วนถึง 50% ของลูกค้าทั้งหมดของแมคโดนัลด์ในประเทศไทย
หัวใจสำคัญของการทำตลาดกับกลุ่มเป้าหมายครอบครัวก็คือ เด็กๆ จะเป็นคนกระตุ้นให้เกิดการซื้อ ขณะที่พ่อ - แม่ จะเป็นคนตัดสินใจซื้อ หรือเป็นคนควักเงินออกจากกระเป๋าเพื่อซื้อสินค้านั้นๆ
การทำตลาด จึงต้องมีทั้งการสร้างสิ่งกระตุ้นสำหรับเด็กๆ ขณะเดียวกันก็ต้องขายในเรื่องของคุณค่าหรือคุณประโยชน์ทางกายภาพที่สินค้านำเสนอให้ควบคู่กันไปด้วย
เราจึงได้เห็นการทำตลาดผ่านชุดแฮปปี้ มีล ของแมคโดนัลด์ ที่มีทั้งการนำเสนอเมนูใหม่ๆ และการจับมือกับคาแรกเตอร์ การ์ตูน ออกของเล่นในรูปแบบต่างๆ
ซึ่งตัวของเล่นที่นำเสนอออกมานั้น ถือเป็นจุดแข็งสำคัญ เพราะนอกจากจะสร้างแรงดึงดูดให้กับกลุ่มเด็กแล้ว ยังช่วยสร้างแรงกระตุ้นในกลุ่มผู้ปกครองในฐานะของการเป็นของสะสมอีกด้วย
ขณะที่การทำตลาดสำหรับกลุ่มเด็กนั้น ไม่เพียงแค่เรื่องของเมนูเท่านั้น แต่ยังมีกิจกรรมหรือแคมเปญการตลาดที่มุ่งไปที่เรื่องของการสร้างภาพลักษณ์ของการเป็นแบรนด์ที่ดีของสังคม
รวมถึงการวางเป้าหมายในการทำเพื่อที่จะสร้างความผูกพันระหว่างแบรนด์แมคโดนัลด์กับลูกค้าชาวไทย
แคมเปญล่าสุดที่ถูกเปิดตัวออกมาคือ แคมเปญ “McHappy Smile” ซึ่งเป็นแคมเปญที่แมคโดนัลมุ่งมั่นส่งต่อรอยยิ้มแห่งความสุขสู่เด็กๆ และครอบครัว
ด้วยการดึงเด็กๆ เข้ามามีส่วนร่วม และมีประสบการณ์ในการทำเบอร์เกอร์กับแมคโดนัลด์ ซึ่งจะเป็นอีกแนวทางในการนำแบรนด์เข้าไปอยู่ในใจของเด็กๆ
กิตติวรรณ อนุเวชสกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท แมคไทย จำกัด กล่าวว่า
แมคโดนัลด์ เล็งเห็นถึงความสำคัญของการมอบรอยยิ้มและความสุขสำหรับเด็กและครอบครัวมาโดยตลอด
จึงพร้อมที่จะเปิดโอกาสและสร้างพื้นที่แห่งประสบการณ์อันยอดเยี่ยมในทุกครั้งที่มาใช้บริการ ณ ร้านแมคโดนัลด์
ซึ่งแคมเปญ ‘McHappy Smile’ นี้ เราได้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสรรค์สังคมแห่งรอยยิ้มและความสุขที่ยั่งยืน
โดยการเปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้ร่วมมีประสบการณ์ในการเรียนรู้การทำเมนูเบอร์เกอร์ ได้เก็บเกี่ยวความประทับใจ ไปพร้อมความอิ่มอร่อยอีกด้วย
แมคโดนัลด์ นำร่องแคมเปญนี้ ในพื้นที่ กรุงเทพฯ พร้อมเด็กๆ จากโรงเรียนประชาราษฎร์บำเพ็ญ ที่เข้าร่วมในกิจกรรมการเปิดตัวแคมเปญ โดยตั้งเป้าขยายแคมเปญฯ สู่โรงเรียนและมูลนิธิเพื่อเด็กและเยาวชนทั่วประเทศ
ภายในงานได้จัดกิจกรรมการเรียนรู้เป็น 2 ส่วนด้วยกันเพื่อให้น้องๆ ได้เรียนรู้และสัมผัสประสบการณ์จริงอย่างใกล้ชิด
เริ่มตั้งแต่ ทัวร์ชมร้านแมคโดนัลด์ ที่จะพาเด็กๆ ไปสัมผัสกับบรรยากาศหน้าร้านจริงภายใต้มาตรฐานแห่งความสะอาดและปลอดภัย
ตั้งแต่กระบวนการการผลิตเบื้องต้น จุดสั่งซื้อสินค้าหน้าเคาน์เตอร์ การบริการเครื่องสั่งอาหารอัตโนมัติ (SOK) รวมถึงการบริการของแมคไดร์ฟทรู เป็นต้น
ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีกิจกรรม ‘DIY Workshop ทำเองสนุก อร่อยสุดฝีมือ’ ให้น้องๆ ได้รังสรรค์เมนูเบอร์เกอร์สุดโปรดในรูปแบบที่ตนเองชื่นชอบ
ทั้งยังได้รับโมเมนต์ดีๆ จากความอิ่มอร่อยของอาหารที่มาจากวัตถุดิบชั้นดี และผ่านการคัดสรรมาอย่างพิถีพิถัน
เป็นการนำประสบการณ์ที่ทำให้มีส่วนร่วมกับแบรนด์เข้าไปมอบให้กับเด็กๆ ที่แน่นอนว่า ย่อมจะส่งผลต่อการสร้างความผูกพันระหว่างแบรนด์แมคโดนัลด์กับเด็ก ซึ่งจะมีส่วนช่วยทำให้เกิดแบรนด์เลิฟในระยะยาว
“เราเชื่อว่ารากฐานสำคัญในการเติบโตของเด็กๆ เริ่มต้นจากความสุขในวัยเด็ก เราจึงยังคงเดินหน้า สานต่อแคมเปญนี้
พร้อมด้วยความร่วมมือกับโรงเรียนและมูลนิธิเพื่อเด็กและเยาวชน จนครอบคลุมทั่วทุกภาคของประเทศไทย
เพื่อให้เด็กๆ ได้มีรอยยิ้มแห่งความสุข ที่อาจช่วยจุดประกาย ต่อการเรียนรู้ การใช้ชีวิตในวัยเด็กที่ส่งผลต่อการเติบโตอย่างมีคุณภาพต่อไป”
กิตติวรรณ อนุเวชสกุล กล่าว
แมคโดนัลด์ เป็นผู้นำในตลาดร้านอาหาร QSR ที่เป็นเบอร์เกอร์ ซึ่งมีมูลค่าตลาดราวกว่า 10,000 ล้านบาทต่อปี
การเป็นผู้นำตลาด ทำให้เบอร์เกอร์แบรนด์นี้ มีการเจาะกลุ่มเป้าหมายค่อนข้างกว้าง
โดยเลือกการทำตลาดที่แยกย่อยออกไปตามเซ็กเมนต์ต่างๆ
ส่วนคู่แข่งขันที่เป็นผู้ท้าชิงนั้น จะเลือกวิธีการทำตลาดโดยเจาะกลุ่มเป้าหมายแต่ละเซ็กเมนต์อย่างชัดเจน
อาทิ เบอร์เกอร์คิง จากค่ายไมเนอร์ฟู้ด ที่เน้นให้ความสำคัญกับกลุ่มเป้าหมายที่เป็นคนวัยทำงาน อายุ 30-39 ปี ซึ่งเป็นฐานลูกค้าที่มีสัดส่วน 40%
อย่างไรก็ตาม เมื่อได้ฐานลูกค้ากลุ่มดังกล่าวอย่างแน่นหนาแล้ว เบอร์เกอร์คิง ก็เริ่มหันมาขยายฐานเข้ามาทำตลาดกับกลุ่มเป้าหมายเด็ก และครอบครัว
โดยซึ่งหมัดแรกที่ถูกยิงออกมาก็คือ การเดินหน้ากลยุทธ์มูฟวี่มาร์เก็ตติ้ง ด้วยการจับมือกับพันธมิตรยักษ์ใหญ่ โซนี่ พิคเจอร์ส เปิดตัว Burger King Spider-Verse Store เพื่อทำตลาดกับกลุ่มเป้าหมายครอบครัวและเด็กๆ โดยเฉพาะ
ไม่เพียงเท่านั้น ในช่วงที่ผ่านมายังมีการเปิดตัวโปรโมชั่นใหม่ เมนูคิงจูเนียร์ ราคาเริ่มต้น 99 บาท
พร้อมร่วมมือกับ โซนี่ พิคเจอร์ส เปิดตัว Burger King Spider-Verse Store
ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ที่มีดีไซน์ในธีมใหม่ที่ใช้คาแรกเตอร์ของซูเปอร์ฮีโร่ ที่ทุกคนหลงรักอย่าง สไปเดอร์แมน (Spider-Man) มาสร้างความแตกต่างในการมอบประสบการณ์อันตื่นตาตื่นใจและช่วงเวลาที่ดีให้แก่ผู้บริโภค
กลยุทธ์ที่ถูกเลือกมาใช้นี้ จะเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่จะดึงดูดผู้บริโภคผ่านการมอบประสบการณ์ที่แปลกใหม่ผ่านการดีไซน์บรรยากาศของร้าน Burger king สาขารัชดา
ที่เป็นสาขาแฟล็กชิปสแตนอะโลนของ Burger king ที่จะถูกปั้นให้เป็น Restaurant as a Future อย่างแท้จริง
หลังจากนั้น จะมีการขยายออกไปยังสาขาอื่นๆ อาทิ สาขาสยามพารากอน และสาขาเมกา บางนา เพื่อมอบประสบการณ์ที่แปลกใหม่ให้กับลูกค้าชาวไทย
โดยวาดหวังว่า ภายในปีหน้าจะสามารถขยายฐานกลุ่มครอบครัวให้เพิ่มขึ้น 10%
เป็นอีกภาพการแข่งขันที่น่าจะทำให้ตลาดเบอร์เกอร์เร้าใจมากขึ้น