ในเพลานี้นอกจากกลุ่มน้องสาว #BNK48 คงมิมีสิ่งใดได้รับความนิยมไปกว่า #บุพเพสันนิวาส ละครพีเรียดย้อนยุคอิงประวัติศาสตร์ ผลงานประพันธ์ของ ‘รอมแพง’ ที่มีตัวละครเอกคือ แม่หญิงการะเกด ‘เบลล่า-ราณี แคมเปน’ และคุณพี่หมื่น ‘โป๊ป-ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ’ ซึ่งแม้จะออกอากาศไปเพียง 4 ตอน แต่ก็ทำเอาคนไทยติดกันงอมแงม แถมคำพูดในเรื่องอย่างคำว่า ‘ออเจ้า’ ซึ่งเป็นคำเรียกเธอ,คุณ ในสมัยโบราณ ยังกลายเป็นคำฮิตที่ถูกใช้ในโซเซียลมากที่สุดในเวลานี้อีกด้วย
ความดังของบุพเพสันนิวาสยังทำให้ช่อง 3 ที่เคยเงียบเหงามานานกลับมาคึกคัก ด้วยเรตติ้งทั่วประเทศตอนแรกที่ 3.4 ตอนที่สอง 4.8 ตอนที่สาม 7.3 และตอนที่สี่ 8.2 ซึ่งหากนับเฉพาะในกรุงเทพก็พุ่งทะลุ 13 ไปเรียบร้อยแล้ว แม้จะไม่สูงเท่าละครเรื่อง ‘นาคี’ ที่ออกอากาศในปี 2559 แต่ด้วยเนื้อเรื่องที่สนุกสนาน สอดแทรกความรู้ บวกกับคาแรกเตอร์ของตัวละครที่ถูกจริตคนดู ก็น่าจะช่วยให้เรตติ้งทั่วประเทศทะยานมากกว่า 10 ได้ไม่ยาก (ล่าสุดตอนที่ 7 ก็เกินไปแล้วเรียบร้อยที่ 14.8) รวมถึงยอดการชมย้อนหลังบน LINE TV, เว็บไซต์ www.mello.me/drama และ Youtube Ch3Thailand ที่นับรวมกันในทุกช่องทางแล้วน่าจะเกิน 10 ล้านวิวไปแล้ว
ขณะที่กระแสตอบรับในโลกออนไลน์ก็คึกคักอย่างมาก มีการพูดถึงเป็นอันดับต้นๆ ทั้งในทวิตเตอร์และเฟซบุ๊คโดยเฉพาะวันที่ละครออกอากาศ มีการนำรูปของนักแสดงไปทำเป็น ‘มีม (meme) เพื่อสื่อถึงการกระทำหรือคำพูดต่างๆ มากมาย
กระทั่งแบรนด์ดังๆ ก็จับกระแสละครอย่างเรียลไทม์ โดยเฉพาะคำว่า ‘ออเจ้า’ ที่เพจต่างๆ หยิบมาใช้พูดคุยกับลูกเพจกันอย่างสนุกสนาน
ปัจจัยหลักๆ ที่ทำให้ ‘บุพเพสันนิวาส’ กลายเป็นละครที่ถูกจริตคนดูที่สุดในเวลานี้ คงต้องยกเครดิตให้กับบทประพันธ์ที่มีความแปลกใหม่แหวกแนว ที่หยิบตัวละครในยุคปัจจุบันย้อนไปสู่ยุคกรุงศรีอยุธยาเมื่อหลายร้อยปีก่อน ทำให้คนดูรู้สึกอิน เสมือนว่าตัวละครคือตัวเอง อีกทั้งยังแฝงความรู้ด้านประวัติศาสตร์ให้คนดูเรียนรู้ไปพร้อมๆ กัน
เชื่อว่าความดังของ ‘บุพเพสันนิวาส’ คงไม่ได้หยุดเพียงแค่นี้ และจะยิ่งดังเปรี้ยงมากขึ้นเรื่อยๆ ชนิดที่นักการตลาดต้องติดตามดูทุกตอน ว่าจะสามารถนำมาสร้างประโยชน์หรือต่อยอดกับแบรนด์อย่างไรได้บ้าง