ปีที่แล้ว Elon Musk มหาเศรษฐีและซีอีโอของ Tesla และ SpaceX ได้ซื้อ Twitter Inc. ด้วยมูลค่า 44 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเขาเคยพูดมานานแล้วเกี่ยวกับการสร้างบริการที่ครอบคลุมทั้งหมด ด้วยแนวคิดที่เขาเรียกว่า ‘X’
จากนั้นในสุดสัปดาห์หนึ่งในเดือนกรกฎาคม 2023 Musk ได้เริ่มแผนการด้วยการเปลี่ยนชื่อและโลโก้ของ Twitter ซึ่งเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่มีอิทธิพลมากสุดในโลก
แพลตฟอร์มนี้มีชื่อว่า 'X' ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของวิสัยทัศน์ที่ยิ่งใหญ่ของ Musk ในการเปลี่ยน Twitter ให้เป็นสิ่งที่เขาเรียกว่า ‘แอปสำหรับทุกอย่าง’ หรือ The Everything App
ทำไมต้องเปลี่ยน?
เหตุใด Twitter จึงรีแบรนด์เป็น X ทิ้งชื่อและโลโก้ที่ใช้มานานกว่า 15 ปี ?
นั่นเพราะ Musk ตั้งใจที่จะเปลี่ยนแพลตฟอร์ม Microblogging จากบริการส่งข้อความสาธารณะให้เป็นแพลตฟอร์มที่ให้บริการที่หลากหลาย แม้กระทั่งการตั้งเป้าให้เป็นร้านค้าครบวงจรสำหรับบริการทางการเงิน
อย่างไรก็ตาม Musk เชื่อว่า X เป็นตัวแทนของอนาคตของการโต้ตอบที่ไร้ขีดจำกัด ด้วยฟีเจอร์ต่างๆ
เช่น การแบ่งปันเสียงและวิดีโอ การส่งข้อความ และแม้กระทั่งบริการธนาคาร
ชื่อ 'X' อาจดูเป็นนามธรรมสำหรับหลายๆ คน แต่ Musk มีความสัมพันธ์อันดีกับชื้อนี้มาอย่างยาวนาน
ตัวอย่างเช่น บริษัทรถยนต์ไฟฟ้าของเขา Tesla Inc. ผลิตรถยนต์รุ่นที่เรียกว่า Model X ส่วนกิจการสำรวจอวกาศของเขาเรียกว่า SpaceX รวมถึงชื่อของลูกชายของเขาด้วย
แรงบันดาลใจจากแดนมังกร
ขณะที่ The Everything App ของ Musk เชื่อว่าได้แรงบันดาลใจมาจากประเทศจีน เพราะที่นั้นมีแอป WeChat ของ Tencent Holdings Ltd.
ทำหน้าที่เป็นแพลตฟอร์มแบบ all-in-one ทำให้ผู้ใช้สามารถชำระเงินแบบดิจิทัล สั่งอาหาร จองเที่ยวบิน และแม้แต่นัดหมายทันตแพทย์
แนวคิดในการสร้างแอปแบบ all-in-one นี้อาจฟังดูน่าดึงดูด แต่มีการทดลองใช้มาก่อนแล้วในสหรัฐอเมริกา โดยมีผลลัพธ์ที่หลากหลาย
บริษัทด้านเทคโนโลยีพยายามหาวิธีใช้ประโยชน์จากฐานลูกค้าและขยายการนำเสนอผลิตภัณฑ์ของตนมานานแล้ว
หลายคนพยายามที่จะบุกเข้าไปในภาคการธนาคาร แต่พวกเขาต้องดิ้นรนอย่างมากในการเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงและการตรวจสอบด้านกฎระเบียบ
ตัวอย่างเช่น Meta Platforms Inc. ใช้เวลาหลายปีในการลงทุนในโครงการ Libra เพื่อปฏิวัติการชำระเงินข้ามพรมแดน แต่ท้ายที่สุดก็ต้องล้มเลิกโครงการ
ยังมีรายงานว่าทั้ง TikTok และ Instagram ได้ลดความทะเยอทะยานในการรวมอีคอมเมิร์ซเข้ากับแพลตฟอร์มของพวกเขา หลังจากที่คุณสมบัติการช็อปปิ้งของพวกเขาไม่สามารถดึงดูดผู้ใช้ได้อย่างมีนัยสำคัญ
ลูกค้าอยากได้ Everything App จริงหรือ ?
คำถามที่สำคัญคือผู้ใช้ต้องการแอปเดียวสำหรับทุกสิ่งจริงๆ หรือไม่ อย่างน้อยที่สุดในสหรัฐอเมริกาและยุโรป ผู้ใช้ได้แสดงความเต็มใจที่จะใช้หลายแอปเพื่อวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน
พวกเขาใช้แอปหนึ่งสำหรับการส่งข้อความ อีกแอปหนึ่งสำหรับโซเชียลมีเดีย อีกแอปหนึ่งสำหรับการธนาคาร และอื่นๆ
ดังนั้นวิสัยทัศน์ของ Musk เกี่ยวกับแอปแบบ all-in-one อาจไม่สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เกิดขึ้น
“ในขณะที่วิสัยทัศน์ของ Musk คือการเปลี่ยน 'X' ให้เป็น 'แอปทุกอย่าง' สิ่งนี้ต้องใช้เวลา เงิน และผู้คน ซึ่งเป็นสามสิ่งที่บริษัทไม่มีแล้ว”
Mike Proulx ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและรองประธานของ Forrester กล่าว
สำหรับโอกาสของ Musk ที่จะประสบความสำเร็จในความพยายามอันทะเยอทะยานนี้ ยังเป็นการยากที่จะตัดสิน ณ จุดนี้ เพราะขาดแผนหรือกลยุทธ์ที่เป็นรูปธรรม
ที่สำคัญดูเหมือนว่าการตัดสินใจรีแบรนด์ค่อนข้างจะเร่งรีบ ปัญหาความเชื่อถือในหมู่ผู้ใช้
ซึ่งเกิดจากการลดพนักงานกว่า 80% นับตั้งแต่เข้าซื้อกิจการ กฎเนื้อหาที่ผ่อนคลาย และปัญหาทางเทคนิค
และตอนนี้ Twitter เผชิญกับการแข่งขันที่สูงชันจาก Threads แอปคู่แข่งของ Meta
ซึ่งเปิดตัวจนประสบความสำเร็จอย่างน่าทึ่ง แม้ว่าการใช้งานจะลดลงเล็กน้อยก็ตาม ทำให้เรื่องซับซ้อนยิ่งขึ้นไปอีก
Joshua White ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านการเงินแห่งมหาวิทยาลัย Vanderbilt กล่าวว่า
“การรีแบรนด์โดยไม่มีฟีเจอร์ใหม่ที่สำคัญดูเหมือนจะเป็นการพยายามเรียกร้องความสนใจอย่างมาก”
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ Meta เปิดตัว Threads
‘นี่เหมือนกับการซื้อโค้กแล้วเปลี่ยนขวดและชื่อโดยไม่เปลี่ยนสูตร จึงดูเหมือนเป็นความผิดพลาดมากกว่า’
คงต้องติดตามกันต่อไปว่า Twitter ซึ่งปัจจุบันเรียกว่า X สามารถพัฒนาเพื่อให้บริการที่หลากหลาย
ในขณะที่ยังคงรักษาความไว้วางใจและการมีส่วนร่วมของผู้ใช้ไว้ได้หรือไม่
บทความจากคอลัมน์ Tech Talk On MarketPlus Magazine Issue 159 August 2023