Respectful Tourism เที่ยวแบบให้เกียรติและรับผิดชอบต่อชุมชน เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
‘บาหลี’ ประเทศอินโดนีเซีย เป็นตัวอย่างจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวระดับโลก ที่ต้องทบทวนว่าจะมีการปรับใช้มาตรการใดบ้างเพื่อรับมือ หรือกระทั่งอัปเปหินักท่องเที่ยวที่มีพฤติกรรมไม่พึงประสงค์นี้
ในฐานะสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่สุดของอินโดนีเซีย บาหลีได้กระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศด้วยภาคการท่องเที่ยวในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา
เนื่องจากค่าครองชีพที่ไม่แพงและการเสนอวีซ่าสำหรับ Digital Nomad ในปี 2566 ผู้คนจำนวนมากกำลังพิจารณาที่จะย้ายไปที่สวรรค์เขตร้อนแห่งนี้ และคาดว่าประชากรของบาหลีคจะสูงถึง 4.47 ล้านคน ในปี 2566
แต่ด้วยพฤติกรรมนักท่องเที่ยวเกเรที่เพิ่มขึ้น ทางการจึงออกคำแนะนำอย่างเป็นทางการรวมถึงออกคำสั่งห้ามประพฤติตัวที่ไม่เหมาะสม
แม้จะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวชั้นนำ และเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติมาอย่างยาวนาน แต่ผู้คนในบาหลีก็ยึดมั่นในศาสนา วัฒนธรรม และประเพณีของตนเอง
ในขณะที่อินโดนีเซียเป็นประเทศที่มีชาวมุสลิมเป็นส่วนใหญ่ชาวบาหลีมากกว่า 80% นับถือศาสนาฮินดู
อย่างไรก็ตาม ในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา ภาคการท่องเที่ยวที่เฟื่องฟูของบาหลีได้บดบังภาคส่วนอื่นๆ ของเศรษฐกิจ โดยมีผลกระทบด้านลบบางประการ เช่น ดัชนีอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่อาศัยของบาหลีเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีก่อนหน้านี้
ดีเวลลอปเปอร์และผู้อยู่อาศัยจำนวนมากที่ย้ายมาปักหลักที่นี่ สร้างบ้านส่วนตัวและโรงแรมพร้อมสระว่ายน้ำกลางพื้นที่เกษตรกรรม ทำให้ที่นาหรือที่ดินสำหรับระบบชลประทานในปัจจุบันกำลังถูกรุกล้ำในอัตราที่น่าตกใจ โดยมีพื้นที่เฉลี่ยประมาณ 3,437.5 ไร่ในแต่ละปี
ขณะที่กฎหมายว่าด้วยการปกป้องพื้นที่เกษตรกรรมยังตามไม่ทันกับการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างรวดเร็วของบาหลี
นอกจากนี้ การไม่ได้รับเงินอุดหนุนและภาษีที่ดินที่สูงทำให้เกษตรกรไม่สามารถปกป้องที่ดินของตนเองไว้ได้
ประเด็นเหล่านี้เน้นให้เห็นถึงความสำคัญของกฎระเบียบเพื่อให้แน่ใจว่าการพัฒนาการท่องเที่ยวไม่ได้มาจากต้นทุนของภาคเกษตรกรรมที่ต้องสูญเสียไป
ในขณะที่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวและการบริการในบาหลีเฟื่องฟูต่อเนื่องเป็นลำดับ
แต่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ดูเหมือนว่าแทบไม่มีวันใดผ่านไปโดยไม่มีรายงานว่ามีนักท่องเที่ยวรายละเมิดประเพณีและวัตนธรรมท้องถิ่นบนเกาะบาหลี
ที่พบเห็นจนชินตาคือ นักท่องเที่ยวสาวในชุดบิกินี่เล่นโยคะด้วยท่าด๊อกกี้และท่าร่วมเพศอื่นๆ บริเวณประตูวัด
และนักท่องเที่ยวหนุ่มอันธพาลที่เปลือยครึ่งท่อนยืนโต้เถียงกับตำรวจจราจรเรื่องไม่สวมหมวกกันน๊อก แต่กระนั้นความเคยชินเหล่านั้น ไม่ใช่ความถูกต้อง
และนับจากนี้ บาหลีจะไม่ทนอีกต่อไป
ทั้งนี้บาหลีในมุมมองของนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยเฉพาะชาวตะวันตก ส่วนหนึ่งถูกถ่ายทอดผ่าน Morning of the Earth (1972) ภาพยนตร์เกี่ยวกับการเล่นกระดานโต้คลื่นอันโด่งดัง แสดงให้เห็นฮิปปี้เปลือยกายกำลังสอนชาวประมงสูงอายุซึ่งเป็นชาวบาหลีถึงวิธีการสูบกัญชา
และหลังจากที่ตกเป็นเมืองขึ้นของชาวดัตช์เมื่อกว่าสี่ศตวรรษที่ผ่านมา บาหลีไม่ได้มีชื่อเสียงในแง่ของวัฒนธรรมอันรุ่มรวยเท่านั้น
แต่ได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางเพศ ตรอกซอกซอยรอบหาด Kuta เป็นที่โปรดปรานของกลุ่มนักเลงขี้เมา เดินด้อมๆ มองๆ หาเห็ดวิเศษ (เห็ดขี้ควาย เป็นยาเสพติดชนิดหนึ่ง) และโสเภณีสาวชาวอินโดนีเซียมาบำเรอกาม
ชาวต่างชาติที่พำนักระยะยาวในเกาะแห่งนี้ กล่าวว่าเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ที่ประชากรส่วนใหญ่ซึ่งนับถือศาสนาฮินดู (ตั้งอยู่ใจกลางประเทศมุสลิมที่ใหญ่ที่สุดในโลก)
เป็นหนึ่งในผู้คนที่เป็นมิตรและเป็นมิตรที่สุดในโลก ขณะเดียวกันกลับไม่เคยอินังขังขอบกับความเสื่อมเสียดังกล่าว
แต่ในที่สุดด้วยความอดทนที่ดูเหมือนจะถึงจุดแตกหัก กฎหมายจึงถูกนำมาใช้เพื่อควบคุมพฤติกรรมที่ไม่ดีบนเกาะแห่งเทพเจ้า
ในเดือนพฤษภาคม 2566 ที่ผ่านมา หนังสือพิมพ์จาการ์ตาโพสต์รายงานว่า ชาวต่างชาติ 101 คน ถูกเนรเทศในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ ซึ่งรวมถึงชาวรัสเซีย 27 คน ชาวอังกฤษ 8 คน และชาวอเมริกัน 7 คน
โดย I Wayan Koster ผู้ว่าการเกาะบาหลี ได้ออกกฎให้นักท่องเที่ยวปฏิบัติตามคำสั่ง
สิ่งสำคัญที่สุดคือการเตือนให้แต่งกายและประพฤติตนสุภาพเรียบร้อยในสถานที่ทางศาสนา และการปฏิบัติตามกฎจราจร (โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับรถจักรยานยนต์ที่เช่าและการใช้หมวกนิรภัย) จะถูกบังคับใช้อย่างเข้มงวดมากขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีการหารือกำลังดำเนินการเกี่ยวกับการออกมาตรการเรียกเก็บ ‘ภาษีนักท่องเที่ยว’ (อาจมากถึง 1,522,690 รูเปียหรือราว 3,165 บาท)
ซึ่ง Ida Bagus Agung Partha Adnyana ประธานคณะกรรมการการท่องเที่ยวบาหลี อ้างว่า
"จะช่วยสนับสนุนมาตรการต่างๆ ของทางการ และป้องกันไม่ให้บาหลีกลายเป็นที่รู้จักในฐานะจุดหมายปลายทางราคาถูกเท่านั้น”
อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีการบังคับใช้กฎหมายเพื่อพยายามลบล้างการรับรู้ของนานาชาติที่มีต่อบาหลีว่าเป็น ‘เกาะแห่งปาร์ตี้’
ในปี 2558 มีการห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นอกสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในช่วงเวลาสั้นๆ
และในปี 2561 ประกาศห้ามสวมบิกินี จนกลายเป็นพาดหัวข่าวในต่างประเทศ แต่เพียงไม่กี่วันก็ถูกลืมไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากเกิดโรคระบาดใหญ่ บาหลีกลายเป็นสวรรค์ที่ดึงดูดบรรดา Digital Nomad และไม่นานมานี้ ชาวรัสเซียหลายหมื่นคนจะแห่กันไปที่เกาะนี้
ความตึงเครียดทางเศรษฐกิจทำให้ชาวบาหลีไม่พอใจมากขึ้น เมื่อรับรู้ว่าผู้อยู่อาศัยใหม่เหล่านี้กำลังแย่งงานในท้องถิ่น รวมถึงมีความกังวลว่าอาจมีบางส่วนที่มีพฤติกรรมน่ารังเกียจ
“เราเชื่อว่านักท่องเที่ยวที่ประพฤติตัวไม่เหมาะสมเหล่านั้นเป็นชนกลุ่มน้อย ส่วนใหญ่มาจากกลุ่มคนอายุน้อยที่ไม่รู้จักวัฒนธรรมที่แท้จริงของบาหลี ยกเว้นภาพเพียงเสี้ยววินาทีเดียวที่ขึ้นมาบนฟีดอินสตาแกรมของพวกเขา”
Lucienne Anhar เจ้าของโรงแรม Hotel Tugu Bali ใน Canggu กล่าว
ในปีที่แล้ว ผู้คนในเมือง Canggu ซึ่งเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในการโต้คลื่น และเมือง Ubud ศูนย์กลางแห่งโยคะ รู้สึกโกรธระคนสังเวชใจ เมื่อมีอินฟลูเอนเซอร์ โพสท่าเปลือยกายข้างต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์
แสดงให้เห็นชัดเจนว่าเป็นนักเที่ยวที่ไม่ตระหนักถึงความสำคัญทางจิตวิญญาณของบาหลี คิดเพียงแค่ว่าเป็นฉากหลังที่เซ็กซี่สำหรับภาพในอินสตาแกรมของพวกเขาเท่านั้น
ทั้งยังละเลยความจริงที่ว่า ภาพถ่ายนั้นเป็นสื่อลามกภายใต้กฎหมายของอินโดนีเซีย
พฤติกรรมที่ดูหมิ่นเหยียดหยามเช่นนี้ไม่ใช่ปรากฏการณ์ใหม่ แต่เมื่อภาพบัดสีเหล่านี้ปรากฏแก่สายตาผู้ติดตามหลายพัน หลายหมื่น หรือหลายแสนคนบนโซเชียลมีเดียในทันที
ผลกระทบที่เกิดขึ้นอาจร้ายแรง และไม่แปลกที่จะนำไปสู่การเนรเทศในที่สุด
ทั้งนี้ ‘การเนรเทศ’ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของมาตรการลงโทษที่ผู้กระทำความผิดต้องเผชิญ พึงทราบว่าอินโดนีเซียมีกฎหมายต่อต้านภาพอนาจารที่เข้มงวดอย่างยิ่ง
และกรณีชาวต่างชาติที่เปิดเผยตัวเองผ่านกล้องที่มีการบันทึกไว้ บางกรณีอาจถูกตัดสินจำคุกสูงสุด 10 ปี
พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวที่ไม่เป็นไปตามหลักการของ Respectful Tourism ทำให้ชาวฮินดูในบาหลีรู้สึกหวาดกลัว เช่น เมื่อยอดภูเขาไฟอากุงและบาตูร์ (ภูเขาไฟที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด 2 ลูกของเกาะ) ถูกใช้เป็นฉากหลังในการเซลฟี่ของชาวต่างชาติที่เปลือยกายอล่างฉ่าง
ซึ่งซีเอ็นเอ็นรายงานในเวลาต่อมาว่า ณ สิ้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ผู้ว่าการเกาะบาหลีได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่าห้ามกิจกรรมสันทนาการทั้งหมดบนภูเขาทั้ง 22 ลูก เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดพฤติกรรมดังกล่าวอีก
อย่างไรก็ตาม แทนที่จะเป็นแรงจูงใจทางวัฒนธรรม หลายคนในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการบริการในบาหลีเชื่อว่าการห้ามปีนเขา (รวมถึงข้อจำกัดที่เข้มงวดในการเช่ามอเตอร์ไซค์) เป็นเพียงวิธีการจำกัด นักท่องเที่ยวที่มีรายได้น้อยให้หมดไปจากบาหลี
โดยแนวคิดนี้ พวกเขาเชื่อว่าอาจเป็นไปได้ว่านักท่องเที่ยวระดับไฮเอนด์ มีโอกาสน้อยที่จะปีนภูเขาไฟหรือจ้างสกู๊ตเตอร์
“พูดตามตรง ส่วนตัวไม่คิดว่าเราทำได้ดีมากในการกำหนดว่านักท่องเที่ยวควรปฏิบัติตัวอย่างไร แต่ก็เป็นเรื่องที่ดีมากสำหรับรัฐบาลในการจัดการเรื่องนี้ในตอนนี้ เพราะการสื่อสารคือกุญแจสำคัญ และคิดว่าปัญหาเหล่านี้สามารถหลีกเลี่ยงได้ในอนาคตด้วยการสื่อสารและการออกกฎระเบียบที่ชัดเจน รวมถึงกำหนดค่าปรับและบทลงโทษหากจำเป็น”
Lucienne Anhar เจ้าของโรงแรมในบาหลีกล่าว
กระนั้นชาวบาหลีส่วนใหญ่ และชาวต่างชาติที่ทำงานหรือพำนักในบาหลี ตลอดจนนักท่องเที่ยว ต่างเห็นพ้องต้องกันว่า
เกาะแห่งเทพเจ้าจะเป็นสถานที่ที่ดีกว่านี้ หากผู้มาเยือนส่วนน้อยที่ไม่เคารพวัฒนธรรมท้องถิ้น จะถูกเนรเทศออกปากเกาะในชั่วข้ามคืน
จากการรายงานของหนังสือพิมพ์เทเลกราฟ เจ้าของโรงแรมชาวฝรั่งเศสที่อาศัยอยู่บนเกาะนี้มาเกือบ 30 ปี แต่ขอไม่เปิดเผยชื่อ อธิบายเรื่องอื้อฉาวล่าสุดนี้และผลที่ตามมาของการจับกุมว่า
“une tempête dans un verre d'eau” หรือแปลเป็นไทยได้ว่า "นี่เป็นสถานการณ์ที่ผู้คนกำลังโกรธ เอะอะหรือไม่พอใจกับสิ่งที่ไม่สำคัญ"
ขณะที่อีกรายหนึ่งเป็นชาวออสเตรเลียที่ทำงานในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการบริการเป็นเวลาสองทศวรรษในพื้นที่ห่างไกลของบาหลี สะท้อนความรู้สึกของเขาว่า มันก็แค่ พายุในถ้วยชา!
ทุกอย่างจะจบลง และบาหลีจะกลับมาเป็นสถานที่ที่ยอดเยี่ยมอย่างที่เคยเป็นมา แต่ก็หวังว่าจะกำจัดนักท่องเที่ยวที่ไม่สนใจและไม่เคารพวัฒนธรรมท้องถิ่นออกไปสักสองสามคน
ซึ่งในโลกอุดมคติพวกเขาเหล่านั้นไม่ควรได้รับอนุญาตให้เข้ามาทำตัววุ่นวายตั้งแต่แรก
ปัจจุบันนี้การท่องเที่ยวบาหลีกำลังส่งเสริมแคมเปญโฆษณาที่ขอให้นักท่องเที่ยวแสดงความเคารพต่อวัฒนธรรมท้องถิ่นและกฎระเบียบต่างๆ มากขึ้น ในลักษณะที่คล้ายกับป้ายโฆษณาของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ที่ขอให้ชาวต่างชาติละเว้นจากการปฏิบัติที่เป็นการดูหมิ่นพุทธศาสนา
โดยป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ใกล้กับสนามบินนานาชาติกรุงเทพฯ มีข้อความเตือนว่า ‘พระพุทธเจ้าไม่ได้มีไว้ประดับตกแต่ง’
หากชาวบาหลีโดยรวมต้องการให้นักท่องเที่ยวต่างชาติงดการปีนภูเขาไฟศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขา แน่นอนว่าความปรารถนานั้นควรได้รับการเคารพโดยไม่มีคำถาม
บทความจากนิตยสาร MarketPlus Issue 158 July 2023