ความงดงามของไต้หวันยังมีสิ่งมหัศจรรย์อีกมากมายเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกคนที่มีไลฟ์สไตล์หลากหลายให้ได้รับประสบการณ์สุดประทับใจเมื่อได้มาเยี่ยมชม ทั้งธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ วัฒนธรรมของชนพื้นเมืองอันเก่าแก่ สถาปัตยกรรมโบราณทรงคุณค่า งานศิลปะสุดสร้างสรรค์ อาหารรสชาติดั้งเดิมอันเป็นเอกลักษณ์ ตลอดจนห้างสรรพสินค้าสุดครบครัน
ในครั้งนี้สำนักงานการท่องเที่ยวไต้หวัน ประจำกรุงเทพฯ ขออาสาพาทุกคนแพลนทริปไป 3 เมืองสุดชิค จางฮว่า หนานโถว และไถจง แห่งไต้หวันกลาง เที่ยวกินช้อปกันแบบฟินไม่หยุด รับประกันความสุขไม่รู้จบ พร้อมเติมเต็มรอยยิ้มและความสนุกสนานให้นักเดินทางกันตลอดทริปผ่านเดสติเนชั่นสุดอันซีนที่ห้ามพลาดเมื่อได้มาเยือนภาคกลางของไต้หวัน
ฟิตร่างกายให้พร้อม แล้วออกไปตะลุยแอคทิวิตี้สุดท้าทายด้วยการปั่นจักรยานบนเส้นทางจักรยานเซี่ยงซาน (Xiangshan Bikeway) หนึ่งในเส้นทางที่สวยที่สุดในโลก ชมความสวยงามของทิวทัศน์แห่งทะเลสาบสุริยันจันทรา Sun Moon Lake (日月潭) เมืองหนานโถว ทะเลสาบธรรมชาติขนาดใหญ่ที่สุดของไต้หวัน
โดยมีเกาะลาลู (Sun Moon Lake Lalu Island) ตั้งอยู่ใจกลางทะเลสาบ หากมองจากฝั่งทางทิศตะวันออกจะมีรูปร่างคล้ายพระอาทิตย์ และเมื่อมองจากฝั่งตะวันตกจะมีรูปร่างดั่งพระจันทร์ จึงเป็นที่มาของชื่อทะเลสาบสุริยันจันทรา
สายมูมาทางนี้ สักการะเทพเจ้าเพื่อขอพรเสริมความเป็นสิริมงคลให้ชีวิตกันที่วัดกระจกเทพเจ้าหมาจู่ Glass Mazu Temple (玻璃媽祖廟) โด่งดังเรื่องการให้พรด้านสุขภาพและแคล้วคลาดปลอดภัย โดยเป็นวัดที่ทำจากกระจกแห่งแรกของโลกในเมืองจางฮว่า ภายในถูกตกแต่งอย่างวิจิตรงดงามทั้งบริเวณผนัง คาน และเสา รวมถึงภายนอกก็มีความอลังการแสนตระการตา และเป็นที่ประดิษฐานของเจ้าแม่หมาจู่ที่ทำมาจากกระจกเช่นเดียวกัน ซึ่งมีจุดไฮไลต์ยามแสงแดดกระทบกับกระจกวัด จะเห็นเงาสะท้อนที่แปลกตาน่าสนใจ รวมถึงในเวลากลางคืนยังมีการเปิดไฟ LED กว่า 100,000 ดวง สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้ที่พบเห็นเป็นอย่างมาก
ถึงเวลาเดินเล่นพักผ่อนหย่อนใจที่ถนนสายโบราณลู่กั่ง Lukang Old Street (鹿港老街)ที่มีประวัติยาวนานกว่า 100 ปี สร้างขึ้นบริเวณริมแม่น้ำลู่กั่งในสมัยราชวงศ์ชิง ในอดีตเป็นถนนช้อปปิ้งที่มีความเจริญรุ่งเรืองที่สุด และได้รับการจดทะเบียนเป็นเขตอนุรักษ์โบราณสถานอีกด้วย ปัจจุบันได้รวบรวมงานฝีมือของบรรดาศิลปินมากมาย มีร้านค้าและร้านอาหารสตรีทฟู้ดรสเด็ด พร้อมรอต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างคึกคัก
โดยอาหารพื้นถิ่นขึ้นชื่อที่ไม่ควรพลาดเลยคือ เมี่ยนเสี้ยน(麵線) เมนูเส้นหมี่ที่ทานคู่กับซุปเหนียวข้น คล้ายกับซุปกระเพาะปลาของคนไทย เมนูซุปลูกชิ้นปลา (風目魚丸湯) และบิสกิตลิ้นวัว (牛舌餅)เป็นต้น
ถัดมาชมศิลปะแสนเท่โดนใจสายอาร์ตจนต้องกดแชะภาพเก็บไว้รัวๆ ไม่กลัวเมมเต็มกันที่หมู่บ้านศิลปินลู่กั่ง Lukang Artist Village (鹿港桂花巷藝術村)ที่ห่างจากถนนสายโบราณลู่กั่งเพียง 5 นาที โดยอดีตที่แห่งนี้เป็นหอพักตำรวจญี่ปุ่นและครูคาทอลิก โดยภายหลังได้ปรับเปลี่ยนกลายเป็นสถานที่เวิร์กช็อปงานศิลปะสุดชิค ที่สร้างความน่าสนใจให้กับนักท่องเที่ยวในการร่วมทำกิจกรรม DIY สร้างสรรค์ผลงานศิลปะ ทั้งงานเขียนพู่กัน หรืองานหัตถกรรม เพื่อเป็นของฝากติดไม้ติดมือได้อีกด้วย นอกจากนี้ ยังมีจุดถ่ายภาพสำหรับสายโซเชียล อาทิ ภาพจิตกรรมฝาผนัง 3 มิติ ให้ได้อวดท่าโพสต์แบบมือโปรอย่างหนำใจอีกเพียบ
เดินหน้าสร้างความทรงจำแสนพิเศษด้วยการชมความงามของธรรมชาติที่พื้นที่ชุ่มน้ำเกาเหม่ย Gaomei Wetlands (高美濕地) เมืองไถจง ปล่อยใจไปกับแสงสุดท้ายของวันที่สาดส่องแสงเป็นประกายยามพระอาทิตย์กำลังจะลาลับขอบฟ้า ท่ามกลางหาดทรายและกังหันลมอันเป็นเอกลักษณ์ มอบบรรยากาศอันแสนอบอุ่น และสุดโรแมนติกให้กับทุกคนที่ได้มา
โดยที่แห่งนี้จัดเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสมบูรณ์ของระบบนิเวศมากที่สุด ทั้งพันธุ์พืช มวลแมกไม้ สัตว์หายากหลายชนิด จึงเป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับการส่องสัตว์และดูนกของนักท่องเที่ยว ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวของทุกปี
สัมผัสกลิ่นอายวัฒนธรรมอันเก่าแก่ที่โรงละครแห่งชาติไถจง National Taichung Theater (台中歌劇院)โรงละครที่ถูกออกแบบโดยสถาปนิกชาวญี่ปุ่นสุดโด่งดังอย่าง อิโตะ โตโย (Ito Toyo) ด้วยแนวคิดถ้ำเสียง ทำให้รูปแบบกำแพงของตัวอาคารมีลักษณะโค้งมนสุดแตกต่าง และยังสร้างความแปลกใจแก่ผู้พบเห็นโดยอาคารสามารถตั้งอยู่ได้โดยไม่ต้องมีเสาค้ำ หรือกำแพงตั้งฉากอีกด้วย จึงทำให้กลายเป็นที่รู้จักในฐานะอาคารที่สร้างยากที่สุดในโลก รวมถึงภายนอกยังมีสวนกลางแจ้งและสวนลอยฟ้า เหมาะสำหรับการพักผ่อนแวะชมไอเดียสุดสร้างสรรค์
เปิดโลกแห่งความงามขั้นสุดกับสถาปัตยกรรมเก่าแก่ที่จวี้ขุยบ้านสไตล์ตะวันตก Ju Kui Western-Style House (聚奎居) ถูกสร้างขึ้นระหว่างปี 1930 – 1940 มีอายุกว่า 100 ปี ช่วงเวลานั้นสถานที่แห่งนี้เป็นคฤหาสน์ส่วนตัวของนักธุรกิจผู้ร่ำรวยและมั่งคั่งที่สุดในย่านอย่างนายเฉินเซ่าจง (Chen ShaoZong)
โดยเอกลักษณ์ของสถาปัตยกรรมที่นี่จะมีการออกแบบสไตล์ที่ผสานระหว่างความงามของวัฒนธรรมจีนและตะวันตกได้อย่างลงตัว ซึ่งปิดร้างหลายปีก่อนที่จะปรับปรุงให้เยี่ยมชมอีกครั้งในปี 2020 และกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสุดฮิตของคนไต้หวันทันที
เดินปล่อยใจชิลๆ ในย่านวัยรุ่นสุดครึกครื้นกันต่อที่เสิ่นจี้ซินชุน - Shen Ji New Village (審計新村) เดิมที่แห่งนี้เคยเป็นหอพักของเหล่าพนักงานสำนักงานตรวจบัญชี อันมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานกว่า 50 ปี ก่อนถูกปล่อยทิ้งร้าง และฟื้นฟูใหม่โดยรัฐบาลเพื่ออนุรักษ์สถานที่อันทรงคุณค่านี้ไว้ ปัจจุบันได้กลายมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวขวัญใจวัยรุ่นน้อยใหญ่ และยังได้มีการเชิญชวนผู้ประกอบงานสายอาร์ต งาน คราฟต์ และนักธุรกิจมาเปิดร้านค้าชวนช้อปมากมายอีกด้วย
เยือนไต้หวันกลางครั้งนี้จะฟินไม่สุดถ้าไม่ได้หยุดแวะแหล่งช้อปปิ้งของเหล่าตัวแม่ที่ห้างสรรพสินค้า Park Lane by CMP (勤美誠品綠園道)ห้างสุดครบครันเอาใจขาช้อปจากทั่วทุกมุมโลก และได้รับการขนานนามว่าเป็นตึกพื้นที่สีเขียวที่ใหญ่ที่สุดในเอเซีย เนื่องจากกำแพงด้านนอกมีต้นไม้รวมกันกว่า 120,000 ต้น และภายในอาคารยังมีกำแพงต้นไม้สูงถึง 5 ชั้น ออกแบบมาเพื่อรองรับเชิงการค้าแต่ยังคงแฝงศิลปะได้อย่างงดงาม เรียกได้ว่าเป็นศูนย์การค้าที่มีความคิดสร้างสรรค์และแฟชั่นอันโดดเด่น เป็นสถานที่นัดพบประจำของชาวไถจงในการมาจับจ่ายใช้สอย เพราะเป็นแหล่งรวมสินค้า แบรนด์เนม ซูเปอร์มาร์เก็ต และร้านอาหารแสนละลานตา
เมื่ออ่านมาจนถึงบรรทัดนี้แล้ว เตรียมตัวให้พร้อมเก็บเช็คลิสต์ที่ชอบและออกเดินทางเยี่ยมเยือนสู่ภาคกลางของไต้หวันด้วยตนเอง เพื่อสัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษจากแหล่งท่องเที่ยวฮีลใจ ร้านอาหารท้องถิ่นและเมนูแปลกใหม่ชวนลิ้มลอง จุดถ่ายรูปที่รับรองว่าต้องร้องว้าว และความสนุกสนานอีกมากมายที่การท่องเที่ยวไต้หวันอยากให้คุณลองเปิดใจมาเที่ยวสักครั้งแล้วจะไม่หยุดนึกถึงไต้หวันอีกต่อไป
โดยสามารถติดตามข่าวสาร สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ กิจกรรมที่ไม่ควรพลาดของทางไต้หวัน ได้จาก สำนักงานท่องเที่ยวไต้หวัน ประจำกรุงเทพฯ ผ่านทาง https://www.taiwantourism.org/th/
หรือ ช่องทางโซเชียลมีเดีย Facebook : Taiwan Tourism TH