ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หนึ่งในผู้นำธุรกิจแก๊สปิโตรเลียมเหลว (แอลพีจี) ภายใต้แบรนด์ “เวิลด์แก๊ส” ย้ำภาพลักษณ์บริษัทชั้นนำด้านพลังงานครบวงจร ที่อยู่เคียงข้าง สร้างรอยยิ้มให้คนไทยมายาวนานกว่า 44 ปี เปิด Community สำหรับผู้ประกอบธุรกิจร้านอาหาร ภายใต้ชื่อ “เพื่อนคู่คิดธุรกิจร้านอาหาร” เสริมความแข็งแกร่งทั้งด้านความรู้ และช่วยสร้างเครือข่ายผู้ประกอบการ
เพื่อเพิ่มศักยภาพและโอกาสให้ธุรกิจร้านอาหารได้กลับมาคึกคักต้อนรับการกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่กลับมาจับจ่ายใช้สอยในประเทศไทย ด้วยการจัดงาน ‘สัมมนาผู้ประกอบการด้านอาหาร เพื่อนคู่คิดธุรกิจร้านอาหาร’ เปิดเคล็ดลับ และเทรนด์น่าสนใจเกี่ยวกับธุรกิจอาหารในอนาคต รวมถึงสร้างพื้นที่พบปะระหว่างผู้ประกอบการด้วยกัน เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา ณ ห้องออดิทอเรียม อาคารทรู ดิจิทัล พาร์ค
สุทัศน์ นิติกรไชยรัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) เผยว่า “ตลอด 44 ปี ของดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ เราเคียงข้างสร้างรอยยิ้มให้กับลูกค้าหลากหลายกลุ่ม โดยเฉพาะร้านอาหารและผู้ประกอบการอุตสาหกรรมอาหารภายใต้พันธกิจ We Promise ที่เน้นการมีส่วนร่วมขับเคลื่อนสังคม ชุมชน สิ่งแวดล้อม ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น เราเล็งเห็นถึงความสำคัญของการมอบความรู้ แบ่งปันประสบการณ์ รวมถึงความสำคัญของการมีพันธมิตรเครือข่ายผู้ประกอบการที่จะทำให้ทุกคนสามารถเติบโตร่วมกันได้อย่างยั่งยืน ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ จึงเปิดตัวแคมเปญ เพื่อนคู่คิดธุรกิจอาหาร ที่จะเป็นพื้นที่กลางสำหรับธุรกิจอาหาร และ Street Food ช่วยเติมไอเดียดีๆ เพื่อส่งเสริมให้ทุกฝ่ายสามารถนำพาธุรกิจของตนให้เติบโตไปได้อย่างยั่งยืน
และล่าสุดกับกิจกรรมครั้งสำคัญอย่าง ‘สัมมนาผู้ประกอบการด้านอาหาร เพื่อนคู่คิดธุรกิจร้านอาหาร’ อีเวนต์แบ่งปันข้อมูล ความเป็นไปได้ของอนาคตธุรกิจอาหารจากเหล่า Professional ในวงการธุรกิจอาหารและวงการสร้างสรรค์ ทั้งยังเปิดโอกาสให้มีการพบปะและสร้าง Connection ระหว่างผู้ประกอบการกับร้านอาหารชื่อดังอีกด้วย”
โดยในช่วงบรรยายภายใต้หัวข้อ “สู่วันพรุ่งนี้ของธุรกิจอาหาร” สุทัศน์ นิติกรไชยรัตน์ ได้แบ่งปันข้อมูลเทรนด์ธุรกิจอาหารที่น่าสนใจไว้ ดังนี้ “หลังช่วงสถานการณ์โรคระบาดที่ผ่านมานี้ ธุรกิจอาหารในไทยมีมูลค่ามากถึง 4.35 แสนล้าน โตขึ้น 7% จากช่วงก่อนหน้า โดยมีปัจจัยเรื่องสถานการณ์โรคระบาดคลี่คลาย ทำให้การท่องเที่ยงจากนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจจนฟื้นตัวได้อีกครั้ง
ในขณะที่การสั่งอาหารผ่านบริการเดลิเวอรี่ลดลง เพราะคนโหยหาการกลับไปรับประทานอาหารนอกสถานที่ ทำให้การเดิน Night Market, Food Event ตามห้างสรรพสินค้ากลับมาติดเทรนด์ ซึ่งในมุมของผู้ประกอบการหน้าใหม่ งานอีเวนต์ก็เป็นช่วยเพิ่มการมองเห็นได้ดี ตลอดจนลองไปรับประทานอาหารแบบโอเมกาเสะ, Chief-Table เพื่อเสพ Experience ที่การทำอาหารเองในบ้านไม่สามารถให้ได้มากขึ้น
นอกจากนั้น แม้บริการเดลิเวอรี่จะได้รับความนิยมลดลง แต่ก็มีบริการเสริมอื่นๆ มาเติมให้น่าสนใจ เช่น Self-Pickup ฯลฯ และอีกเทรนด์มาแรงคืออาหารจีน เช่น หม่าล่า ซึ่งผู้ประกอบการควรเป็นผู้เลือกว่าสามารถนำธุรกิจตนประยุกต์เข้ากับเทรนด์ใดได้บ้าง”
ด้าน คุณจักรพันธุ์ ขวัญมงคล บรรณาธิการบริหาร BrandThink ยังได้ร่วมแบ่งปันข้อมูลแนวคิด “อนาคตของการทำคอนเทนต์” ความว่า
“แม้มีคำกล่าวว่าธุรกิจอาหารไม่มีวันตาย เพราะมนุษย์ยังต้องบริโภคอาหารอยู่ตลอด ถึงอย่างนั้น เราไม่ควรชะล่าใจว่าทำธุรกิจที่ไม่มีวันตายแล้วจะอยู่รอดได้ตลอดไป ในสถานการณ์ที่เต็มไปด้วยความท้าทายเช่นนี้ การหยิบสินค้าและบริการภายใต้ธุรกิจมาสร้าง ‘เรื่องเล่า’ คือกุญแจสำคัญ ที่จะพาธุรกิจฝ่าด่าน Landscape ที่เปลี่ยนไปของการบริโภค นับจากนี้เจ้าของธุรกิจจะไม่ใช่แค่พ่อค้าแม่ขาย แต่เป็น “Content Creator” ในตัวเองได้ด้วย
โดยการเป็น Content Creator ที่ดี เราต้องตั้งคำถามก่อนวัตถุประสงค์ของคอนเทนต์ที่จะทำคืออะไร ตามด้วยหาคำตอบว่าจะประเมินและหาทางชี้วัด เพื่อสร้างการพัฒนาได้อย่างไร และตบท้ายด้วยการรู้ว่าคอนเทนต์ของเรามีความรับผิดชอบต่อสังคมมากน้อยเพียงใด แคร์ทั้งลูกค้าและคนดูอย่างเท่าเทียมกัน
ในมุมของการสร้างสรรค์คอนเทนต์ ต้องเข้าใจว่าความคาดหวังของคนดูแบ่งเป็น 4 ระดับ ได้แก่
1. To-Know คอนเทนต์นี้บอกอะไรเขา
2. To-do ให้ทำอะไร เช่น แจกสูตรทำอาหาร แต่อาจไม่ได้ต้องการให้ทำ แค่อยากบอกว่าคุณทำได้ เพื่อให้ลองทำและอยากดูคอนเทนต์นี้ต่อ
3. To-Inspire สร้างแรงบันดาลใจ ทำให้รู้สึกว่าอยากออกเดินทาง ใช้ชีวิต ไปหาร้านอาหารในคอนเทนต์ และสุดท้ายคือ
4. To-Make a Wisdom สร้างภูมิปัญญา ให้เอาสิ่งที่มีในคอนเทนต์ไปใช้ในชีวิตจริง ทั้งหมดนี้จะทำให้คอนเทนต์ของเรามีเสน่ห์ ดึงดูดให้คนอยากดู และสามารถเสริมสร้างยอดขายให้สินค้า - บริการ สำหรับผู้ประกอบการยุคใหม่”
นอกจากนี้ ผู้เข้าร่วมก็ได้พบกับหัวข้อเสวนาจากผู้คร่ำหวอดในวงการธุรกิจอาหารตัวจริง ได้แก่
“งานสัมมนาครั้งนี้ ตอกย้ำสถานะความเป็นเพื่อนคนสำคัญที่เคียงข้างสร้างรอยยิ้มให้กันและกันเสมอมา ระหว่างดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ กับธุรกิจร้านอาหารไทย เพราะเราเชื่อว่าการแบ่งปันองค์ความรู้ คือการมอบของขวัญล้ำค่าที่จะช่วยส่งเสริมให้ธุรกิจร้านอาหารที่ได้เข้าร่วมงานสามารถก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน ทั้งยังสามารถร่วมกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทยให้ก้าวผ่านความท้าทายในโลกยุคปัจจุบัน สู่อนาคตอันสดใสที่ทุกคนเป็นเจ้าของ” สุทัศน์ กล่าวทิ้งท้าย