ย้อนกลับไปเมื่อราว 6 ปีที่แล้วที่มาเลเซียมีข่าวการปิด Tim Ho Wan ร้านอาหารที่ได้รับรางวัลมิชลินอย่างไม่คาดคิด
ทำให้เกิดข้อถกเถียงและความตกตะลึงมากมายแก่ผู้ประกอบการด้านอาหารและเครื่องดื่มในมาเลเซีย ว่าชื่อเสียงโด่งดังขนาดนั้นทำไมถึงม้วนเสื่อได้
เหตุผลอย่างเป็นทางการก็คือ สำหรับปีงบประมาณสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2559 (ปีงบประมาณ 2559) ติ่มซำดีไลท์ผู้เปิดร้าน Tim Ho Wanในมาเลเซียขาดทุน 895,642 ริงกิตมาเลเซีย
และไม่คาดว่าจะพลิกกลับได้ในอนาคตอันใกล้นี้ เนื่องจากตลาดค้าปลีกในปัจจุบันยังคงอ่อนแอและมีการแข่งขัน
คณะกรรมการของติ่มซำดีไลท์จึงมีความเห็นว่าสถานการณ์ดังกล่าวไม่คาดว่าจะเปลี่ยนแปลงได้ในเร็วๆ นี้
ด้วยเหตุนี้ ผู้ถือหุ้นของ Dim Sum Delight จึงมีความเห็นว่า Dim Sum Delight ควรหยุดดำเนินธุรกิจเพื่อลดการสูญเสียให้เหลือน้อยที่สุด
ขณะที่ Mak Kwai-Pui ผู้ก่อตั้ง Tim Ho Wan กลับกล่าวโทษวัฒนธรรมมุสลิมเกี่ยวกับความล้มเหลวทางธุรกิจของตนเอง
ทั้งๆ ที่ติ่มซำยังคงเป็นอาหารยอดนิยมในมาเลเซียโดยเฉพาะในหมู่ชาวมาเลเซียเชื้อสายจีน
ลูกค้าชาวมาเลเซียของ Tim Ho Wan บางรายชี้ให้เห็นว่าข้อผิดพลาดบางประการของร้านอาหารอาจรวมถึงการไม่มีความเข้าใจในรสชาติท้องถิ่นและราคาที่สูง
แม้ร้านนี้จะมีลูกค้าเข้าคิวยาวเหยียดตั้งแต่เปิดร้านครั้งแรก แต่ความนิยมกลับลดลงเมื่อเวลาผ่านไป
ซึ่งในเรื่องนี้ หว่าน ชิง นักข่าวชาวจีนเชื้อสายมาเลเซียยังได้แสดงความคิดเห็นว่า
"ขอโทษนะ Tim Ho Wan ล้มเหลวเพราะคุณประเมินพลังของแบรนด์คุณสูงเกินไป ไม่ว่าคุณจะมีดาวมิชลินหรือไม่ก็ตาม มันเป็นเพียงคำมั่นสัญญา ใช่! มันเปิดประตูให้ผู้บริโภคที่อยากรู้อยากเห็นหรือแฟนตัวยงได้ลอง แต่ในที่สุดคุณต้องส่งมอบคุณค่าถึงผู้บริโภคให้ได้"
ณ วันที่ 3 กรกฎาคม 2560 สิ้นชื่อ Tim Ho Wan ในมาเลเซียอย่างเป็นทางการ หลังจากเปิดให้บริการครั้งแรกในปี 2557
ขณะที่ในตลาดแผ่นดินแม่ของ Tim Ho Wan เจ้าของมิชลินสตาร์ 1 ดาว ซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะ “ร้านอาหารมิชลินสตาร์ที่ถูกที่สุดในโลก” ก็ถูกถอดดาวออกเมื่อต้นปี 2565
เนื่องจากมีรายงานว่ามาตรฐานอาหารลดลงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่ยังมีรางวัลบิบ กูร์มองด์ (อาหารคุณภาพดีซึ่งผ่านการจัดเตรียมอย่างพิถีพิถันในราคาที่ย่อมเยาและคุ้มค่า) ห้อยอยู่ สำหรับสาขาที่ Sham Shui Po และสาขาที่เขตกังนัม กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้
จากนั้น เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2566 สาขาที่สิงคโปร์ได้ประกาศบนแฟนเพจเฟซบุ๊กว่าร้านจะหยุดให้บริการตั้งแต่วันที่ 29 พฤษภาคม 2566 เป็นต้นไป โดยระบุว่า
"เราขอประกาศปิด Tim Ho Wan ที่ Suntec City ด้วยความเสียใจอย่างยิ่ง โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 29 พฤษภาคม 2023"
พร้อมกล่าวขอบคุณสาธารณชนสำหรับ "ความทรงจำอันแสนวิเศษ" พร้อมเสริมว่าพวกเขาตั้งตารอที่จะให้บริการ ณ สาขาที่เหลืออีก 11 แห่งทั่วเกาะสิงคโปร์ ที่กำลังจะฉลองครบรอบ 10 ปี ในปีนี้
สำหรับสถานการณ์ของ Tim Ho Wan ในไทย ก็น่าใจหายเช่นเดียวกัน
เมื่อสาขาเทอร์มินัล 21 อโศก ซึ่งเปิดให้บริการเป็นสาขาแรกเมื่อ 8 ปีที่แล้ว และผู้เขียนก็เคยไปต่อคิวในช่วงแรกๆ และใช้บริการเรื่อยมาเพราะติดใจในซาลาเปา ก็ได้ปิดตัวลงเมื่อวันที่ 15 ตุลาคมที่ผ่านมา
แม้จะมีการสั่งลาด้วยการจัดโปรบุฟเฟ่ต์เป็นครั้งแรก จนดึงลูกค้ากลับมาได้พอสมควรก็ตาม
ดังนั้นในปัจจุบัน Tim Ho Wan ในประเทศไทยจึงคงเหลือแต่สาขาสยามทาคาชิมายา ชั้น 4 ที่ไอคอนสยามเท่านั้น (ก่อนหน้าปิดสาขาเกตเวย์ เอกมัย และเดอะ สตรีท รัชดา ไปแล้ว)
ส่วนจะโบกธงขาวแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดหรือไม่และเมื่อไหร่ ต้องติดตาม เพราะในขณะนี้ทางร้านได้ประกาศผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊กแต่เพียงว่าสาขาที่เหลือ
"ภายในปี 2566 นี้ เปิดให้บริการทุกวัน รอกำหนดแจ้งอย่างเป็นทางการจากทางร้านเท่านั้นนะคะ มาอุดหนุนเยอะๆ นะคะ"
แม้จะมีข่าวออกมาจากทาง บริษัท ติ่มซำ วันเดอร์แลนด์ จำกัด ของ กลุ่มฟู้ดแลนด์ ซูเปอร์มาร์เก็ต ผู้ซื้อลิขสิทธิ์แฟรนไชส์ Tim Ho Wan เพื่อเปิดให้บริการในประเทศไทยว่า
สาขาสุดท้ายที่เหลือจะปิดให้บริการหลังปีใหม่ หรือต้นปี 2567 เพื่อโฟกัสธุรกิจซูเปอร์มาร์เก็ตให้เติบโตตามเป้า
โดยส่วนตัวคิดว่า การตลาดที่จะดึงลูกค้าหน้าใหม่ยังไม่เพียงพอ คู่แข่งร้านติ่มซำในไทยส่วนใหญ่เป็นเจ้าถิ่น เปิดมานานในราคาที่เบากว่า ขณะที่ในราคาที่ใกล้เคียงกันมีตัวเลือกเป็นบุฟเฟ่ต์ในโรงแรม
หาก Tim Ho Wan นำการจำหน่ายแบบบุฟเฟ่ต์มาเสริมทัพไปพร้อมๆ กับการจำหน่ายแบบ a la carte ตั้งแต่แรก ทุกอย่างอาจจะไม่ลงเอยเหมือนวันนี้ก็เป็นได้