สิ่งที่มีผลต่อการขายสินค้า นอกจากคุณภาพของตัวสินค้าที่ถือเป็นปัจจัยหลักแล้ว การทำตลาดและช่องทางจำหน่ายที่เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภค ล้วนเป็นตัวแปรที่มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตลาดออนไลน์ที่กำลังเข้ามามีบทบาทเป็นอย่างมากในยุคที่ดิจิทัลและโซเชียลมีเดียคือส่วนหนึ่งในชีวิตของผู้คนเช่นในยุคปัจจุบัน
“นิคอินสไปร์” (NICKINSPIRE) เป็นหนึ่งในบริษัทที่เชี่ยวชาญด้านการทำการตลาดออนไลน์ และการเป็นตัวแทนจำหน่าย ซึ่งเป็นผู้อยู่เบื้องหลังยอดขายหลักร้อยล้านของแบรนด์ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพชั้นนำหลากหลายแบรนด์ โดยมีนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงอย่าง “นิค - พงษ์ชัยวัฒน์ สอนสุภาพ” เป็นผู้ก่อตั้ง
ซึ่งคุณนิคได้เล่าถึงที่มาก่อนจะเป็นนิคอินสไปร์อย่างในปัจจุบันว่า เขาเองเริ่มต้นจากการเป็นพนักงานประจำทั่วไป กระทั่งได้มีโอกาสไปสมัครเป็นแอดมินคอยตอบคำถามลูกค้าทางออนไลน์ ซึ่งเป็นดั่งการจุดประกายให้เขาเริ่มต้นในการทำธุรกิจเป็นของตัวเองในระยะต่อมา
“ตอนแรกที่เข้าไปทำเป็นแอดมินผมยังไม่ค่อยรู้อะไรมากนัก โชคดีที่บริษัทที่ทำมีพนักงานอยู่แค่ 2 คน คือผมกับเจ้านาย เราเลยมีโอกาสเรียนรู้และได้ทำอะไรหลายๆ อย่าง
ซึ่งถือเป็นความโชคดีอย่างหนึ่ง เราก็ครูพักลักจำมาเรื่อยๆ พอทำมาได้หนึ่งปีเราตกผลึกว่า จริงๆ แล้วธุรกิจนี้มันไม่ได้ยากเลยตัดสินใจลาออกเพื่อมาทำธุรกิจของตัวเอง”
ดังนั้นในวันที่ 19 ตุลาคม 2561 คุณนิคจึงตัดสินใจจดทะเบียน บริษัท นิคเอ็นเตอร์ไพร์ส จำกัด (NICKENTERPRISE) ขึ้น เพื่อประกอบธุรกิจเป็นตัวแทนจำหน่ายและทำการตลาดออนไลน์ให้กับแบรนด์สินค้าเป็นครั้งแรก โดยมีผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพและความงามแบรนด์ “CHAMÉ” (ชาเม่) ของดาราสาวชื่อดังอย่าง เชียร์ – ฑิฆัมพร เป็นแบรนด์หลัก
กระทั่งคุณนิคได้มีโอกาสได้รู้จักกับแบรนด์ “Pow” (พาว) สมุนไพรเพื่อสุขภาพ น้ำสมุนไพรพลูคาวสกัด ของ อั้ม - อธิชาติ ชุมนานนท์ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งแรงบันดาลใจที่ทำให้เขาตัดสินใจต่อยอดธุรกิจจากนิคเอ็นเตอร์ไพรส์สู่การเปิดตัวอีกหนึ่งบริษัทใหม่ในชื่อ “นิคอินสไปร์” เพื่อเป็นตัวแทนจำหน่ายให้สินค้าแบรนด์พาว (Pow)โดยเฉพาะ
“ผมได้มีโอกาสคุยกับคุณอั้มเรื่องสินค้าแบรนด์พาว (Pow) ของเขา วินาทีที่ผมได้ฟังวิสัยทัศน์ของคุณอั้มที่เขาต้องการนำสมุนไพรไทยไปไกลระดับโลก เห็นว่าเขาจริงจังและตั้งใจสูงมาก ซึ่งผิดกับที่เราเคยคิดไว้ มันเป็นแรงบันดาลใจให้เรามากๆ
ผมตัดสินใจในวันนั้นเลยว่า ผมจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้สินค้าตัวนี้พุ่งทะยานไปให้ไกล ด้วยความสามารถ และประสบการณ์ที่เรามีอยู่
วันที่ 19 ตุลาคม 2565 ผมจึงเปิด นิคอินสไปร์ (NICKINSPIRE) ขึ้นมาอีกหนึ่งบริษัท ตอนนั้นเราหยุดธุรกิจทุกอย่างที่มีเพื่อมาทำสินค้าตัวนี้ และเป็นอีกหนึ่งแรงที่ช่วยส่งต่อความตั้งใจของคุณอั้มให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด”
ซึ่งลักษณะการทำธุรกิจของทั้ง นิคเอ็นเตอร์ไพรส์ และนิคอินสไปร์ จะคล้ายกัน โดยนิคเอ็นเตอร์ไพรส์ประกอบธุรกิจเป็นตัวแทนจำหน่าย โดยที่ไม่ได้เป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ แต่ใช้ประสบการณ์และความชำนาญมาสร้างยอดขาย เป็นเสมือนมือปืนรับจ้างที่คอยช่วยแบรนด์ต่างๆ ในการทำการตลาด
แต่ปัจจุบันนิคเอ็นเตอร์ไพรส์กำลังพัฒนาไปอีกขั้น โดยเริ่มมองหาสินค้าที่มีความน่าสนใจแล้วร่วมลงทุนด้วย เพื่อต่อยอดสู่การเป็นพาร์ตเนอร์ ไม่ใช่เป็นแค่ตัวแทนจำหน่ายเพียงอย่างเดียว
และล่าสุดได้จับมือกับคัมปรา (Kumpra) ของ นพ.ประมุข วงศ์ธนะเกียรติ ร่วมทุนทำผลิตภัณฑ์ที่ชื่อ “VTAL” (วีทัล) เครื่องดื่มสมุนไพรและผลไม้สกัดเข้มข้น ที่ช่วยบำรุงหลอดเลือด และหัวใจ ซึ่งจะเปิดตัวหนังโฆษณาเป็นเรื่องแรกในเดือนธันวาคม 2023 นี้
โดยได้ กู๋แมธธ์ - สุวิทย์ เอื้อศักดิ์ชัย นักพัฒนาและสร้างแบรนด์ชื่อดัง มาเป็นครีเอทีฟและดูแลการผลิตในครั้งนี้ โดยมี Key Message อย่าง “ตีบ แตก ตัน” เป็นตัวสร้าง Brand awareness
ส่วนนิคอินสไปร์ ดำเนินธุรกิจในลักษณะคล้ายกัน ต่างกันที่แบรนด์สินค้าที่ดูแล โดยนิคอินสไปร์ จะเฟ้นหาสินค้าที่มีแบรนด์ดิ้งที่ดี มีคุณภาพ และน่าเชื่อถือ นำมาทำการตลาดโดยเน้นช่องทางออนไลน์อย่างเฟซบุ๊กและไลน์ และเป็นช่องทางจำหน่ายเพื่อกระจายสินค้าสู่กลุ่มเป้าหมายให้ได้มากที่สุด ขณะนี้ดูแลแบรนด์พาว (Pow) เป็นหลัก
ที่ผ่านมานิคอินสไปร์ได้ร่วมสร้างสินค้าให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง และสร้างยอดขายให้กับแบรนด์อย่างก้าวกระโดด เฉลี่ยที่ราวๆ 9 - 10 ล้านบาทต่อเดือน
อีกทั้งยอดขายที่นิคอินสไปร์ในฐานะตัวแทนร่วมสร้างยอดขายให้กับสินค้าพาว (Pow) มากเป็นอันดับหนึ่งในฐานะตัวแทนจำหน่ายของแบรนด์พาว (Pow) อีกด้วย
โดยช่องทางการจำหน่ายยังคงเน้นช่องทางออนไลน์เพียงอย่างเดียว เพราะเป็นสิ่งที่บริษัทเชี่ยวชาญ อีกทั้งความเป็นออนไลน์ยังเหมาะกับสังคมในยุคปัจจุบันและยังสามารถกระจายไปได้ทั่วโลก
เทคนิคการยิงโฆษณาทางเฟซบุ๊กอีกหนึ่งอาวุธลับ
จุดแข็งที่ทำให้นิคอินสไปร์ประสบความสำเร็จ และเป็นที่ไว้ใจของแบรนด์ต่างๆ คือ การเป็นตัวแทนจำหน่ายที่มีคุณภาพ และมีความจริงใจในการทำธุรกิจ
อีกทั้งยังเชี่ยวชาญด้านการทำสื่อโฆษณาออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางเฟซบุ๊ก กระทั่งพัฒนาจนมีเทคนิคในการยิงโฆษณาทางเฟซบุ๊กเป็นของตัวเอง ถึงขนาดที่ทางเฟซบุ๊กยังต้องขอเซ็นต์สัญญาเพื่อนำไปเผยแพร่เป็น Case study แคมเปญการซื้อผ่านการส่งข้อความ
“การยิงโฆษณาไม่ใช่แค่การสร้างโพสต์แล้วยิงออกไปแล้วคนจะมาซื้อ แต่ต้องมั่นใจว่าสิ่งที่เราจะส่งออกไปเขาจะซื้อเรา 100% ต้องมั่นใจในระดับนี้ถึงจะใช้เงินขนาดนั้น ถ้าไม่มั่นใจ และยิงโฆษณาลอยๆ ไป ก็ขาดทุนได้เหมือนกัน เพราะคนไม่ได้สนใจในสิ่งที่เราลงไป
แต่เราต้องวิเคราะห์เลยว่า ลูกค้าต้องการอะไร ตัวคอนเทนต์ต้องผ่านการวิเคราะห์กลุ่ม Persona ที่ชัดจริงๆ เวลาเขาเห็นโฆษณาเราความรู้สึกเขาต้องเหมือนว่า ฉันต้องการสิ่งนี้แหละ!”
นอกจากนั้นต้องนำผลลัพธ์ในการยิงโฆษณากลับมาวิเคราะห์ทุกครั้ง เพื่อนำไปสู่การปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น ซึ่งทั้งหมดนี้คือประสบการณ์ที่นิคอินสไปร์สั่งสมมาจนตกผลึกเป็นองค์ความรู้
“ทุกคนที่เข้ามาทำงานกับเราใช้องค์ความรู้นี้ แค่นั้นคุณก็ทำได้แล้ว ไม่ว่าใครที่เดินเข้าบริษัทผม คุณจะทำได้ เพราะพอเขาได้ไปเห็นองค์ความรู้ตรงนี้ เขาจะรู้เลยว่า
จะต้องออกแบบคอนเทนต์แบบไหน จะทำให้คอนเทนต์มีประสิทธิภาพอย่างไร เทคนิคการยิงโฆษณาแบบไหนที่จะมีประสิทธิภาพมากสุด
ซึ่งนี่คือการใช้เงินมหาศาลในการทดสอบทดลอง เลยกลายเป็นองค์ความรู้ที่มีมูลค่ามาก เปรียบเสมือนคัมภีร์ของบริษัท คนที่จะได้รู้คือคนที่ต้องผ่านการคัดกรองมาแล้ว”
Key Success ของนิคอินสไปร์
นอกจากเทคนิคการยิงโฆษณาทางเฟซบุ๊กที่นิคอินสไปร์ใช้เป็นอาวุธลับ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งในธุรกิจการทำการตลาดออนไลน์แล้ว สิ่งที่เราอยากรู้ต่อไปคือ อะไรคือ Key Success ที่ให้นิคอินสไปร์ประสบความสำเร็จและได้รับความไว้วางใจจากแบรนด์สินค้าชั้นนำอย่างทุกวันนี้
ในฐานะผู้ก่อตั้ง คุณนิคมองว่า Key Success ของนิคอินสไปร์มาจากปัจจัยทั้งภายในและภายนอก ซึ่งพอจะสรุปออกมาได้เป็น 4 ปัจจัยหลัก คือ
เพราะฉะนั้นการรักษาลูกค้าให้อยู่กับแบรนด์ไปนานๆ ให้ลูกค้าได้รับการดูแลที่ดี จนทำให้เกิดการซื้อซ้ำ จึงเป็นสิ่งที่สำคัญในการทำธุรกิจ โดยโอกาสในการซื้อซ้ำของนิคอินสไปร์อยู่ที่ 60% เลยทีเดียว
เราจะได้เห็นความเคลื่อนไหวอะไรต่อจากนี้
นอกจากการเปิดตัว “วีทัล” ภายใต้นิคเอ็นเตอร์ไพรส์ที่จะเกิดขึ้นในเดือนธันวาคมแล้ว ในส่วนของแผนธุรกิจนั้นคุณนิคจะเน้นการพัฒนานิคอินสไปร์ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ตั้งเป้าสู่การเป็นตัวแทนจำหน่ายและผู้เชี่ยวชาญในการทำการตลาดออนไลน์ที่แบรนด์ชั้นนำอยากร่วมงานด้วย อีกทั้งยังวางแผนทำ Academy เพื่อเผยแพร่องค์ความรู้ที่ได้สะสมมา ซึ่งน่าจะได้เห็นไม่นานนักต่อจากนี้ รวมถึงการต่อยอดสู่การผลิตสินค้าเป็นของตนเอง
“อนาคตอาจจะต้องต่อยอดเป็นสินค้าที่มาจากบริษัทเราจริงๆ 100% ซึ่งมันก็เป็นการเดินทางไปเรื่อยๆ ไม่รีบร้อน ผมเชื่อว่าทุกอย่างมีเวลาของมัน แค่เราตั้งใจทำสิ่งที่อยู่ตรงหน้าให้ดีที่สุด เดี๋ยวผลิตภัณฑ์ดีๆ ก็มาเอง” คุณนิคกล่าวทิ้งท้าย
ซึ่งน่าสนใจว่า ในอนาคตจะมีแบรนด์สินค้าใดอีกที่จะเข้ามาอยู่ภายใต้การทำการตลาดของนิคอินสไปร์ และแรงบันดาลใจต่อจากนี้ของ “นิค-พงษ์ชัยวัฒน์ สอนสุภาพ” จะสร้างสรรค์สิ่งใดให้เราได้ติดตามกันอีก