นับตั้งแต่ บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทด้านโรงแรม ร้านอาหาร และไลฟ์สไตล์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และ POP MART ผู้นำด้านวัฒนธรรมป๊อปและความบันเทิงชั้นนำจากประเทศจีน ได้ร่วมมือกันจัดตั้งบริษัทร่วมทุนเพื่อส่งเสริม และพัฒนาวัฒนธรรมของเล่นศิลปะในประเทศไทย เมื่อสิงหาคม 2023 ก็สร้างปรากฏการณ์ต่อคิวซื้อสินค้ายาวเหยียด กระทั่ง sold out ในหลายคอลเลกชัน และปักหมุดให้สโตร์ของ POP MART เป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของพลพรรคคนรัก Art Toy

เมื่อเจาะลึกถึงกลยุทธ์การตลาด และความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจของ POP MART ประเทศไทย ศิริพร แผลงจันทึก ผู้จัดการทั่วไป POP MART ประเทศไทย ให้เกียรติสัมภาษณ์พิเศษกับ Market Plus พร้อมเผยรายละเอียดสำคัญต่างๆ ของ POP MART ในประเทศไทย ซึ่งขณะนี้ POP MART กำลังเขย่าตลาด Art Toy ของบ้านเราอย่างเร้าใจ

ด้านพฤติกรรมในการเลือกซื้อสินค้าของลูกค้า POP MART ศิริพร อธิบายว่า

ปัจจุบัน POP MART เข้าไปอยู่ในชีวิตประจำวันของลูกค้าในทุกๆ สถานการณ์ เรียกว่าเป็นของต้องมี ยกตัวอย่างลูกค้าที่ทำงานออฟฟิศ ก็จะต้องมี POP MART วางประดับไว้ที่โต๊ะทำงาน หรือถ้าที่ทำงานอยู่ใกล้ๆ สโตร์ ว่างๆ ก็จะแวะมาเดินเลือกซื้อสินค้าหรือเดินดูคอลเลกชันต่างๆ เพลินๆ

ซึ่ง POP MART กลายเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ เมื่อเข้ามาแล้วรู้สึกมีความสุข ดังนั้น POP MART จึงไม่ได้มีกลุ่มเป้าหมายใดๆ เป็นหลัก แต่เป้าหมายสำคัญคือ ต้องการให้ลูกค้าเข้ามาที่ร้านแล้วได้รับความสุขติดตัวกลับไปด้วยนั่นเอง

ศิริพร แผลงจันทึก ผู้จัดการทั่วไป POP MART ประเทศไทย

เมื่อถามถึงคาแรกเตอร์ยอดนิยมหรือคอลเลกชันขายดีของ POP MART ประเทศไทย ศิริพรให้คำตอบว่า

นอกจากนี้ อีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้ POP MART ประเทศไทย ประสบความสำเร็จผ่านในระยะเวลาอันรวดเร็วก็คือ กลยุทธ์การจัดจำหน่ายและการค้าปลีก โดยปัจจุบัน POP MART มีสาขาทั้งหมด 4 สาขา คือ เซ็นทรัลเวิลด์, เทอร์มินอล 21 อโศก, เซ็นทรัลลาดพร้าว และที่เปิดล่าสุดคือ แฟชั่นไอส์แลนด์

และยังมี Pop-up store ที่สยามเซ็นเตอร์รวมถึงมี ROBO SHOP (เครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ) อีกหลายแห่ง ที่ตกแต่งอย่างมีเอกลักษณ์ โดยในแต่ละสาขาจะมีความน่าสนใจแตกต่างกันไป อย่างสาขาเซ็นทรัลลาดพร้าวมีดีไซน์โทนสีชมพูไม่เหมือนที่ไหนในโลก และมีแผนเปิดสาขาทั่วประเทศ เพื่อนำความสุข สนุกสนาน ไปสู่แฟนๆ POP MART ทุกๆ คน ที่อยู่ทั่วประเทศไทย

ศิริพร บอกว่าตลาด Art Toy ในประเทศไทยมีเสน่ห์ เพราะคนไทยเปิดรับในความหลากหลาย แต่ในขณะเดียวกันก็พิถีพิถัน ละเอียดอ่อน พอเจออะไรที่มีความเชื่อมโยงกับอารมณ์และความรู้สึกของตัวเอง แถมยังมีราคาที่จับต้องได้ ก็มักจะอินได้ง่ายๆ

ขณะที่ชิ้นงานบางอย่าง ก็อาจจะสะท้อนชีวิตในมุมที่อาจจะซ่อนอยู่หรือเปิดเผย ส่วนบางชิ้นงานอาจจะมีความคล้ายคลึงกับคนที่รู้จัก คนรัก หรือไม่ก็เกี่ยวข้องกับกิจกรรมที่กำลังทำอยู่หรือเคยมีความผูกพัน รวมถึงกลุ่มลูกค้าที่เป็นกลุ่ม collector ที่จะซื้อสินค้าเพื่อตอบสนองความต้องการทางด้านจิตใจ ทั้งหมดนี้เป็นเหตุผลที่ทำให้ POP MART เข้าไปอยู่ในใจของผู้บริโภคได้ไม่ยาก

"อย่างไรก็ตาม แต่ละชาติมีวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน ประเทศไทยก็มีสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์และเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ซึ่งทุกๆ ที่ก็เช่นกัน ยกตัวอย่าง Van Gogh ที่เป็นศิลปะที่มีอิทธิพลไปทั่วโลก ถ้าอยู่ในที่ๆ ถูกต้อง ในช่วงเวลาที่เหมาะสม ก็จะสามารถสร้างกระแสและมีอิทธิพลเป็นวงกว้างได้อย่างไม่ต้องสงสัย ไม่เฉพาะประเทศไทยเท่านั้น"

จึงไม่แปลกใจที่ MEGA ROYAL MOLLY  Almond Blossoms จะได้รับการตอบรับจากแฟนๆ Art Toy ทั่วโลก ซึ่ง Almond Blossoms เป็น 1 ในคอลเลกชันภาพวาดหลายภาพของ Vincent Van Gogh ซึ่งวาดขึ้นที่เมือง Arles และ Saint-Rémy ทางตอนใต้ของฝรั่งเศสเมื่อปี 1888 และ 1890 โดยภาพนี้ถูกวาดขึ้นพิเศษเพื่อเฉลิมฉลองวันเกิดของหลานชายคนแรกของเขา และทุกคนสามารถพบกับภาพนี้ได้ที่ Van Gogh Museum ด้วยลวดลายดอกไม้ที่สดใสเป็นสัญลักษณ์ของการเริ่มชีวิตใหม่และความสุข

ROYAL MOLLY จึงรู้สึกมีชีวิตชีวาเป็นพิเศษ โดยเฉพาะดอกไม้บานสะพรั่งบนมงกุฎและชุดเดรส ซึ่งทำให้เธองดงามดุจผลงานทางศิลปะที่มีเสน่ห์และน่าครอบครอง ซึ่งคอลเลกชันพิเศษนี้ในขนาด 1000% และ 400% ได้วางจำหน่ายครั้งแรกที่ POP MART สาขาแฟชั่นไอส์แลนด์ เมื่อวันที่ 12 เมษายน ที่ผ่านมา 

ด้วยความหลากหลายของคาแรกเตอร์ของ Art Toy ที่มีจำหน่ายในสโตร์ของ POP MART ส่วนตัวศิริพรเองในฐานะผู้บริหาร แม้จะมีความชื่นชอบทุกคาแรกเตอร์ แต่ที่ทำให้ตกหลุมรักเป็นพิเศษคือ ‘Molly’

 

"ไม่มีใครที่สบตาแล้วจะปฏิเสธคาแรกเตอร์ตัวนี้ได้ โดยเฉพาะดวงตาสีฟ้าและแววตามุ่งมั่น ทำให้เริ่มค้นประวัติศิลปิน ที่มาที่ไป หลังจากนั้น ก็ได้พบคาแรกเตอร์ที่น่าสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ อย่าง Labubu ที่มีความกวนๆ หรืออย่าง Crybaby ที่นำเอาเรื่องอารมณ์มาสื่อสารผ่านคาแรกเตอร์ได้อย่างชัดเจน ทำให้รู้สึกถึงความเชื่อมโยงได้ดี"

 เส้นทางสู่ความสำเร็จระดับโลก
และการต่อยอดธุรกิจของ  POP MART 

เมื่อทราบเรื่องราวของ POP MART ในประเทศไทยแล้ว ลองมาดูเส้นทางที่น่าสนใจของ POP MART International Group กันบ้าง บริษัทที่กำลังรุ่งโรจน์นี้ก่อตั้งขึ้นในกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อปี 2010 และจดทำเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง เป็นบริษัทวัฒนธรรมและความบันเทิงชั้นนำในประเทศจีน

มีชื่อเสียงจากการขายของเล่นสะสมที่ออกแบบโดย ‘ดีไซเนอร์’ (Designer Toy) โดยหนึ่งในกลยุทธ์การขายที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงคือ ‘กล่องสุ่ม’ ซึ่งสร้างสีสัน และความตื่นเต้นเร้าใจให้กับนักสะสม

ไฟแนนเชียลไทมส์ได้ยกย่อง POP MART ว่า "ยกระดับการซื้อของเล่นไปสู่พฤติกรรมของผู้บริโภครุ่นใหม่ที่มีฐานะร่ำรวยในจีน" และ "ได้รับเครดิตจากการสร้างตลาดของเล่นจากนักออกแบบ"

ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา POP MART ได้สร้างแพลตฟอร์มครบวงจรที่ครอบคลุมห่วงโซ่อุตสาหกรรมของเล่นที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมทั้งหมด และขณะนี้บริษัทฯ มุ่งเน้นไปที่ความร่วมมือกับศิลปินระดับโลก การดำเนินงานทรัพย์สินทางปัญญา การดึงดูดผู้บริโภค การส่งเสริมของเล่นที่อิงแอบวัฒนธรรมป๊อป การบ่มเพาะและการลงทุนในธุรกิจที่เป็นนวัตกรรม

ล่าสุดเมื่อเดือนกันยายน 2566 POP MART ได้ต่อยอดธุรกิจไปอีกขั้น ด้วยการเปิด POP LAND สวนสนุกแห่งแรกในกรุงปักกิ่งเพื่อแสวงหาปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตต่อไป และเป็นการขยายประเภทธุรกิจจากรากฐานที่แข็งแกร่ง

Pop Land ครอบคลุมพื้นที่ 40,000 ตารางเมตร ตั้งอยู่ในสวนสาธารณะ Chaoyang ภายในวงแหวน East Third Ring ของเมือง มีการจัดแสดงตัวละครในทรัพย์สินทางปัญญาชั้นนำ เช่น Molly, Labubu, Dimoo, Skullpanda และ Pucky, ร้านค้าปลีก, บริการจัดเลี้ยงและละครแบบอินเทอร์แอคทีฟ โดยความร่วมมือกับ Chaoyang Culture and Tourism Group ราคาตั๋วอยู่ที่ 180 หยวน สำหรับวันหยุดสุดสัปดาห์ และ 150 หยวนในวันธรรมดา มีกลุ่มเป้าหมายคือผู้บริโภคในช่วงอายุ 30 ปีที่กำลังเริ่มต้นสร้างครอบครัว

Wang Ning ประธาน และซีอีโอของ POP MART กล่าวกับ China Daily หลังพิธีเปิดสวนสนุกว่า

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2023 ที่ผ่านมา POP MART เปิดเผยรายงานทางการเงินประจำปี 2566 ต่อสาธารณะ ซึ่งดึงดูดความสนใจเป็นอย่างมากจากอุตสาหกรรม จากข้อมูลดังกล่าวพบว่ารายได้ต่อปีของ POP MART อยู่ที่ 6,301 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 36.5% เมื่อเทียบเป็นรายปี กำไรสุทธิที่ปรับปรุงแล้วอยู่ที่ 1,190 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 107.6% เมื่อเทียบเป็นรายปี ทั้งรายได้และกำไรสุทธิทำสถิติสูงสุด ขณะเดียวกันตลาดต่างประเทศมีความก้าวหน้าอย่างมาก โดยมีรายได้เกิน 1,000 ล้านหยวน ส่งผลให้บริษัทฯ เข้าใกล้เป้าหมายในการขยายธุรกิจไปทั่วโลกมากขึ้น 

ในปี 2023 ธุรกิจในประเทศของ POP MART เติบโตอย่างมาก โดยมีรายได้ต่อปีอยู่ที่ 5,235 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 25.7% เมื่อเทียบเป็นรายปี อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าทึ่งยิ่งกว่านั้นคือประสิทธิภาพที่โดดเด่นในการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ ในปี 2023 POP MART มีรายได้ 1,066 พันล้านหยวนในฮ่องกง มาเก๊า และไต้หวัน คิดเป็น 16.9% ของรายได้ทั้งหมด

ในปีเดียวกันนั้นเอง POP MART ได้เปิดร้านค้าออฟไลน์แห่งแรกในฝรั่งเศส มาเลเซีย ไทย และเนเธอร์แลนด์ โดยภายในสิ้นปี 2023 POP MART มีร้านค้า 80 แห่ง ในฮ่องกง มาเก๊า ไต้หวัน และประเทศอื่นๆ โดยมี ROBOSHOP 159 แห่ง ขณะที่รายได้จากแพลตฟอร์ม Shopee เพิ่มขึ้น 70.3% ส่วนรายได้จากเว็บไซต์ POP MART อย่างเป็นทางการเพิ่มขึ้น 45.9% เป็น 39.5 ล้านหยวน

รายงานนี้ระบุอีกว่า

Wang Ning แสดงความพึงพอใจอย่างยิ่งกับผลการดำเนินงานในต่างประเทศของบริษัท โดยกล่าวว่า

บทความจากนิตยสาร MarketPlus ฉบับที่ 165 เมษายน 2567