เป็นยุคที่กลยุทธ์แบบ Collaboration หรือการที่แบรนด์ต่างๆ หันมาจับมือกับพันธมิตรเพื่อแตกผลิตสินค้าใหม่ๆ แบบลิมิเต็ด อิดิชั่น (Limited Edition) กำลังได้รับความนิยมไปในทุกวงการ ทั้งการจับมืออยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกันหรือการข้ามไปจับมือกับแบรนด์ที่ดูแล้วเหมือนไม่เกี่ยวข้องกันเลยตาม ซึ่งเทรนด์นี้ยังถูกนำมาใช้ในธุรกิจอาหารด้วยเช่นกัน
โดยล่าสุดแบรนด์สาหร่ายในเครือ ‘สิงห์ คอร์เปอเรชั่น’ อย่าง ‘มาชิตะ’ ได้จับมือกับร้านปิ้งย่าง ‘บาร์บีคิวพลาซ่า’ ในการนำเอาน้ำจิ้มสูตรเฉพาะของบาร์บีคิวพลาซ่าพัฒนาจนกลายเป็น ‘สาหร่ายรสเบคอนย่างซอสบาร์บีคิวพลาซ่า’ ซึ่งเรียกได้ว่าเซอร์ไพรส์ผู้บริโภคไม่น้อย เพราะนี่ถือเป็นการ Collab ครั้งแรกๆ ของแบรนด์สัญชาติไทย
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาการสร้างแบรนด์ของมาชิตะจะมุ่งเน้นไปที่การสื่อสารถึงความเป็นเกาหลี ตั้งแต่ชื่อแบรนด์ซึ่งเป็นภาษาเกาหลีที่แปลว่า ‘อร่อย’ รวมไปถึงการใช้พรีเซนเตอร์เป็นศิลปินจากเกาหลีอยู่ตลอด เริ่มจากคยูฮยอน สมาชิกวงวง Super Junior ตามด้วยบอยแบรนด์วง NCT ทำให้กลุ่มลูกค้าหลักของมาชิตะคือ กลุ่มวัยรุ่นอายุ 12-25 ปี เด็กมัธยม เด็กมหาลัย รวมไปถึงกลุ่มแฟนคลับเกาหลีที่มีโอกาสได้ทดลองทานจนกลายเป็นลูกค้าประจำ ซึ่งถ้ามองในอีกมุมนี่ถือเป็นกำแพงที่ทำให้แบรนด์ไม่สามารถขยายฐานไปสู่กลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ได้มากนัก
ธิติพร ธรรมาภิมุขกุล ผู้อำนวยการกลุ่มการตลาด ธุรกิจนอนแอลกอฮอล์ บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า “ที่ผ่านมาการแข่งขันในตลาดสาหร่ายจะเน้นไปที่การทำโปรโมชั่นลดราคาหรือการออกรสชาติใหม่ แต่รสชาติที่ออกมาก็ยังเป็นรสทั่วไป เช่น รสลาบ รสต้มยำกุ้ง รสกระเพรา ซึ่งเราไม่ต้องการทำอะไรเดิมๆ และอยากจะหารสชาติใหม่ที่แปลกใหม่ จึงมาคิดว่าทำไมไม่หาแบรนด์ที่เป็นร้านอาหารมาช่วยทำ ซึ่งโจทย์ของเราคือต้องรสชาติอร่อย มีความแปลกใหม่ มีอินโนเวชั่น ที่สำคัญคือจะต้องมีฐานลูกค้าเยอะ มีจำนวนสาขาทั่วประเทศ ซึ่งบาร์บีคิวพลาซ่าคือ แบรนด์ ที่ตอบโจทย์เรามากที่สุด และเป็นแบรนด์ที่กล้าคิดกล้าเล่นกับเรา ซึ่งเราได้ใช้เวลาคิดและพัฒนาร่วมกันราวครึ่งปี ก่อนที่จะออกมาเป็นรสชาติเบคอนย่างซอสบาร์บีคิวพลาซ่า”
การจับมือในครั้งนี้นอกจากจะเป็นการสร้างความแปลกใหม่ให้กับวงการสาหร่ายแล้ว ทั้งสองแบรนด์ยังได้แลกเปลี่ยนฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ ให้แก่กัน โดยเฉพาะมาชิตะที่ต้องการขยายฐานลูกค้าไปสู่กลุ่มครอบครัว ขณะที่บาร์บีคิวพลาซ่าก็ต้องการขยายฐานไปยังกลุ่มวัยรุ่นมากขึ้น ผ่านการทดลองทานสินค้าใหม่ เช่น คนที่ทานแต่มาชิตะเมื่อชิมรสชาติใหม่แล้วก็อาจจะอยากทดลองทานบาร์บีคิวพลาซ่า หรือคนที่เป็นลูกค้าบาร์บีคิวพลาซ่าแต่ไม่เคยมาชิตะก็อาจจะอยากทดลองว่าเมื่อรสชาติของบาร์บีคิวพลาซ่ามาอยู่บนสาหร่ายแล้วจะเป็นอย่างไร ซึ่งเมื่อผู้บริโภคได้ทดลองทานแล้วอาจจะกลายเป็นลูกค้าประจำในอนาคตก็เป็นได้
ทั้งนี้ มาชิตะรสเบคอนย่างซอสบาร์บีคิวพลาซ่า จะวางจำหน่ายผ่านร้านสะดวกซื้อ 7-11 ว่า 10,000 สาขาทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 26 กรกฎาคม - 30 กันยายน 2561 รวมระยะเวลา 3 เดือน โดยผลิตมาจำนวน 16,000 ลัง หรือประมาณ 576,000 ซอง
นอกจากการพัฒนาสินค้าใหม่ร่วมกันแล้ว ทางบาร์บีคิวพลาซ่ามีต่อยอดความร่วมมือนี้สู่การจัดโปรโมชั่นชุด ‘เครื่องเคียงเกาหลี’ เป็นระยะเวลา 3 เดือน โดยการนำสาหร่ายมาชิตะมาสร้างประสบการณ์ใหม่ในการทานปิ้งย่าง และสร้างการรับรู้ว่าสาหร่ายสามารถนำไปใช้ทานคู่กับข้าวและเมนูอื่นๆ ได้ โดยในชุดจะประกอบด้วย ข้าวสวยโรยสาหร่ายปรุงรส สาหร่ายแผ่นอบกรอบ รสออริจินัล ซอสโคชูจัง กิมจิ ไชเท้าดอง และผักกาดหอม พร้อมให้สิทธิ์แลกซื้อชุดเครื่องเคียงเกาหลี 1 ชุด ในราคา 29 บาท จากปกติ 79 บาท เมื่อนำซองเปล่ามาชิตะ รสเบคอนย่างซอสบาร์บีคิวพลาซ่า ขนาด 30 กรัม 2 ซองมารับสิทธิ์
ส่วนในด้านการประชาสัมพันธ์มาชิตะได้ใช้งบการตลาดราว 15 ล้านบาท ในการจัดกิจกรรมเดิน Troop ดึงมังกรบาร์บีกอนแจกสินค้าตัวอย่าง (Sampling) ให้ผู้บริโภคเกิดการทดลองชิม พร้อมสร้างการรับรู้สินค้าใหม่ผ่านการทำวิดีโอคลิปนำเสนอผ่านสื่อออนไลน์ทุกแพลตฟอร์มทั้ง Facebook YouTube Line TV ฯ
ความเคลื่อนไหวของมาชิตะในครั้งนี้ถือเป็นการรุกตลาดครั้งสำคัญ โดยเฉพาะความพยายามในการฉีกหนีสงครามราคา และหันมาให้คุณค่าในเรื่องของรสชาติและอินโนเวชั่นเป็นหลัก หลังจากในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2561 มาชิตะมีส่วนแบ่งการตลาดลดลงเหลือ 17% จากที่เคยมีอยู่ 18% ในช่วงปลายปี 2560 ในขณะที่ผู้นำตลาดอย่างเถ้าแก่น้อยที่รุกตลาดอย่างหนักด้วยโปรโมชั่นลดราคายังคงรักษาส่วนแบ่งการตลาดไว้ได้ที่ 60% จากมูลค่าตลาดราว 2,882 ล้านบาท
“ครึ่งปีที่ผ่านมาเราพยายามรักษาฐานเอาไว้ และตั้งเป้าที่จะกลับไปมีส่วนแบ่งที่ 18% ให้ได้ภายในสิ้นปี แต่เราไม่ต้องการลงไปเล่นเรื่องราคาเป็นหลัก เราอยากจะโตช้าๆ ด้วยอินโนเวชั่นใหม่ๆ เราต้องการหาวิธีใหม่ๆ มาใช้ในการขยายฐานลูกค้า เพราะการที่เราเป็นเบอร์ 2 เราจะไปทำตามคนอื่นไม่ได้ เราต้องทำในสิ่งที่แปลกใหม่ และทำในสิ่งที่คู่แข่งไม่เคยทำ เพราะเราไม่อยากให้ผู้บริโภคมาซื้อด้วยโปรโมชั่นอย่างเดียว” ธิติพรอธิบาย
ทั้งนี้ จากการรุกตลาดอย่างต่อเนื่องและการเปิดตัวรสชาติใหม่ มาชิตะคาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะผลักดันยอดขายให้กลับมามีส่วนแบ่งที่ 18-20% ได้
อย่างไรก็ตาม ก่อนการเปิดตัวรสชาติใหม่อย่างเป็นทางการ ทางมาชิตะก็ได้โหมโรงปล่อยโฆษณาผ่านสื่อต่างๆ ในลักษณะคล้ายกับการเปิดตัวพรีเซนเตอร์ใหม่ ซึ่งก็มีแฟนๆ ของมาชิตะต่างก็คาดเดาว่าเป็นคำใบ้ถึงศิลปิน KPOP คนใดหรือไม่ ก่อนที่จะเฉลยว่าเป็นมังกร ‘บาร์บีกอน’ มาสคอสของร้านบาร์บีคิวพลาซ่า ที่แอบมารับจ๊อบเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับรสชาติใหม่ของมาชิตะนั่นเอง
บุณย์ญานุช บุญบำรุงทรัพย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร แบรนด์บาร์บีคิวพลาซ่า บริษัท ฟู้ดแพชชั่น จำกัด กล่าวว่า “เราต้องการวางคาแรกเตอร์ของบาร์บีกอนให้เหมือนกับคนคนหนึ่งที่มีชีวิต มีไลฟ์สไตล์ เพื่อที่เราจะพาบาร์บีกอนออกจากธุรกิจอาหารไปสู่ตลาดอื่นๆ มากขึ้น ไปอยู่ในซูเปอร์มาร์เก็ต บนรถ บนเครื่องบิน และล่าสุดเราก็ได้ไปอยู่บนซองขนมแล้ว โดยความฝันของเราคือการขาย License fee คาแรกเตอร์บาร์บีกอน ซึ่งจะเป็นหนึ่งในรายได้ของบริษัทเพิ่มเติมจากธุรกิจขายอาหาร”
โดยก่อนหน้านี้เราได้เห็นบทบาทของบาร์บีกอนในฐานะของคาแรกเตอร์แบรนด์ที่ได้ไปร่วม Collab กับแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าอย่าง ‘แอนิเทค’ ในโปรเจค ‘Anitech X Bar B Gon’ ที่เป็นการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้ารุ่นพิเศษลายบาร์บีกอน ออกมาวางจำหน่าย รวมไปถึงการจับมือกับพันธมิตรหลากหลายวงการ เพื่อพาบาร์บีกอนเข้าไปอยู่ในชีวิตประจำวันของผู้บริโภคมากขึ้น อาทิ การจัดโปรโมชั่นร่วมกับบัตรเครดิต, การจับมือกับสายการบินแอร์เอเชียเอ็กซ์เพื่อแสดง Baggage Tag เพื่อรับส่วนลดค่าอาหาร, แกร็บ ที่หากลูกค้าที่เรียกรถและเจอรถที่มีลายบาร์บีก้อนก็จะได้นั่งฟรี เป็นต้น