สำหรับคนยุคเก่าภาษาอังกฤษอาจจะเป็นเรื่องยากของใครหลายคน ทั้งค่าใช้จ่ายในการเรียนที่สูง สถาบันที่เรียนอาจจะไม่เหมาะสมกับตน และอีกหลายๆ ปัจจัยที่เป็นอุปสรรคต่อการเรียนรู้ ต่างกับคนยุคใหม่ที่มีวิธีการเรียนภาษาที่ 2 หรือ 3 ได้ง่ายและเหมาะสมกับแนวทางของแต่ละคนมากขึ้น โดยเฉพาะ 5 แอปพลิเคชันที่เราจะมาแนะนำกันในวันนี้ ที่ทำให้ภาษาอังกฤษกลายเป็นเรื่องที่ง่ายและสนุกกว่าที่คิด
Tandem
แอปพลิเคชันแรกที่เรานำมาแนะนำนี้ เชื่อว่าหลายคนน่าจะเคยใช้กันมาบ้าง เพราะ Tandem - Language Exchange ถือเป็นแอปยอดนิยมของคนที่อยากหาเพื่อนต่างชาติเพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนภาษา ซึ่งจุดยืนของแอปก็แสดงตัวชัดเจนว่าไม่ใช่แอปสำหรับหาคู่ แต่นี่คือชุมชนคนที่ต้องการฝึกภาษาผ่านการสนทนากับเจ้าของภาษาตัวจริง ผ่านระบบจับคู่ เช่น เราต้องการเรียนภาษาอังกฤษ เขาต้องการเรียนภาษาไทย ระบบก็จะเสนอให้ทั้งคู่ได้ลองพูดคุยกัน โดยการนำข้อมูลความสนใจที่เราใส่ไว้ตอนสมัครมาเป็นเกณฑ์ในการค้นหา ซึ่งตัวแอปก็มีฟีเจอร์ที่หลากหลาย ทั้งระบบการพูดคุยผ่านข้อความแชท ไปจนถึงการวิดีโอคอลสำหรับความน่าเชื่อถือของแอปนี้ ก็การันตด้วยจำนวนผู้ใช้งานทั่วโลกกว่า 3 ล้านคน ที่ทำให้เราสามารถหาคู่สนทนาภาษาอื่นๆ นอกจากภาษาอังกฤษได้มากมาย และยังได้รับการคัดเลือกจาก Google Play ให้เป็น Best of 2017 อีกด้วย ซึ่งใครที่สนใจอยากลองฝึกภาษาแบบที่ไม่ซีเรียสมากนักก็ลองเข้าไปดาวน์โหลดฟรีได้ทั้งในระบบ Android และ iOS
Speak
สำหรับคนที่ต้องการฝึกการพูดออกเสียงภาษาอังกฤษ ขอแนะนำแอปพลิเคชัน Speak - Practice Your English ที่จะช่วยฝึกให้คนได้ออกเสียงตามประโยคสนทนาในสถานการณ์ต่างๆ กว่า 11 สถานการณ์ ที่เราจะต้องปลดล็อกไปที่ละด่านคล้ายการเล่นเกม เช่น การสนทนากับพนักงานร้านกาแฟ การสนทนากับพนักงานขายของ การสนทนากับนักท่องเที่ยวที่มาถามทาง เป็นต้น ซึ่งจุดเด่นของแอปนี้คือเราจะต้องออกเสียงพูดบทสนทนาจริงๆ ที่แอปจะบันทึกเสียงของเราและประเมินว่าเราออกเสียงได้ดีแค่ไหน หรือถ้าพูดผิดแอปก็จะแจ้งให้ทราบ นอกจากนี้ถ้าเราไม่รู้ว่าต้องออกเสียงอย่างไร แอปก็มีตัวอย่างให้ฟังด้วย ซึ่งก็ถือว่าเป็นการเรียนที่สนุกและไม่ต้องเขินในการออกเสียงด้วย ใครที่สนใจก็สามารถเข้าไปโหลดได้ฟรีในระบบ iOS
Slowly
ถือว่ามีความแตกต่างจากแอปพลิเคชันฝึกภาษาตัวอื่นอยู่พอสมควร เพราะ Slowly มีลูกเล่นคือการสนทนาในรูปแบบของ ‘เพื่อนทางจดหมาย’ ที่มีระยะเวลาการส่งหากันเหมือนกับการส่งจดหมายจริงๆ ซึ่งการเริ่มต้นใช้งาน เราจำเป็นต้องใส่ความสนใจของเราเข้าไปในแอปพร้อมกับภาษาที่ต้องการสื่อสารด้วย เพื่อให้แอปนำข้อมูลไปวิเคราะห์และมองหาคู่สนทนาที่มีความสนใจใกล้เคียงกับเรา ซึ่งเราสามารถเลือกคู่สนทนาได้ทั้งแบบ Auto Match ที่แอปจะสุ่มผู้รับจดหมายของเราให้แบบอัตโนมัติ หรือจะเลือกแบบ Explore Manually ที่เราสามารถค้นหาและส่งจดหมายไปยังคู่สนทนาที่เราสนใจได้โดยตรง ซึ่งเมื่อเราส่งจดหมายไปให้กับคู่สนทนา หากไม่ไกลกันมาก จดหมายก็จะใช้เวลาเดินทางไม่กี่สิบนาทีหรือไม่กี่ชั่วโมง แต่หากอยู่ในประเทศที่ไกลกันมากๆ ก็อาจใช้เวลาส่งกันเป็นวันเลยทีเดียว โดยในแอปยังมีลูกเล่นอย่างการสะสมแสตมป์ที่จะได้จากการส่งไปหาเพื่อนใหม่ของเรานั่นเอง ซึ่งก็ดูจะตอบโจทย์คนที่อยากทดลองหาเพื่อนใหม่ทางจดหมาย และฝึกภาษาไปในตัว โดยใครที่สนใจก็สามารถเข้าไปดาวน์โหลดฟรีทั้งในระบบ Android และระบบ iOS
LingoDeer
ใครที่สนใจอยากเรียนภาษาอื่นนอกจากภาษาอังกฤษ LingoDeer ก็ถือเป็นแอปที่น่าสนใจ โดยภายในแอปมีให้เลือกเรียนหลายภาษา แต่เน้นไปที่ภาษาในเอเชีย เช่น จีนกลาง ญี่ปุ่น เกาหลี เวียดนาม ฯลฯ โดยจะเน้นการเรียนรู้ด้วยตัวเอง ตั้งแต่พื้นฐานคือการสอนพยัญชนะ สระ คำศัพท์ ไปจนถึงการสร้างประโยค รวมถึงยังมีแบบฝึกหัดที่ถูกออกแบบโดยครูสอนภาษามืออาชีพมาให้ทำกันด้วย โดยรูปแบบของแอปก็ออกแบบมาค่อนข้างเรียบง่ายและน่ารัก ซึ่งก็เหมาะสำหรับคนที่อยากเริ่มต้นทดลองเรียนด้วยตัวเอง หรือคนที่อยากเรียนรู้ภาษาใหม่ๆ แต่ไม่มีเวลาว่างมากนัก ใครที่สนใจก็สามารถเข้าไปดาวน์โหลดได้ฟรีทั้งในระบบ Android และ iOS
Lyrics Training
คนที่รักเสียงเพลง ห้ามพลาดแอป Lyrics Training เพราะแอปนี้จะทำให้คุณสามารถเรียนรู้คำศัพท์และการสะกดคำได้จากการฟังเพลง ในลักษณะของการเติมคำที่ว่างอยู่ในเนื้อเพลงแต่ละท่อนให้สมบูรณ์ โดยมีทั้ง Karaoke ที่เป็นการพิมพ์สะกดคำ และแบบ Multiple Choice ที่มี 4 ตัวเลือก ซึ่งเพลงที่นำมาใช้ก็มาจากฐานข้อมูลของ YouTube ที่เราสามารถเลือกเพลงภาษาต่างๆ ได้ถึง 12 ภาษา อาทิ อังกฤษ สเปน โปรตุเกส ฝรั่งเศส อิตาลี เยอรมัน ญี่ปุ่น เป็นต้น มีแบ่งระดับตามความยากง่าย เริ่มตั้งแต่ Beginner เติม 46 คำ, Intermediate เติม 116 คำ, Advanced เติม 232 และ Expert เติม 463 คำ สำหรับคนที่สนใจก็สามารถเข้าไปดาวน์โหลดได้ฟรีทั้งในระบบ Android และ iOS รวมไปถึงทางเว็บไซต์ที่ https://lyricstraining.com