เรียกว่าเป็นวัฒนธรรมการช้อปที่คนไทยเริ่มคุ้นชินกันแล้ว สำหรับมหกรรมการลดราคาของบรรดาแพลตฟอร์มช้อปปิ้งออนไลน์ ที่หยิบเอาตัวเลขสวยในแต่ละเดือนมาสร้างเป็นวันช้อปปิ้งเพื่อกระตุ้นการจับจ่าย ไม่ว่าจะเป็น 7.7 ในเดือนกันยายน, 8.8 ในเดือนสิงหาคม มาจนถึง 9.9 ที่ผู้เล่นแต่ละรายต่างหยิบจับเอาวันที่ 9 เดือน 9 ซึ่งเป็นวันอันสุดแสนจะธรรมดาของเดือนกันยายน มาสร้างเป็นแคมเปญช้อปปิ้งออนไลน์สุดร้อนแรง ที่แข่งขันกันดุเดือดยิ่งกว่าช่องทางออฟไลน์หลายเท่าตัว
งานนี้เลยกลายเป็นเวทีประชันกันของ 3 ยักษ์แห่งวงการอีคอมเมิร์ซเมืองไทย เริ่มตั้งแต่ Shopee ที่เปิดตัวแคมเปญ "ช้อปปี้ 9.9 ซูเปอร์ ช็อปปิ้ง เดย์" (Shopee 9.9 Super Shopping Day) ซึ่งเป็นแคมเปญลดราคาที่จัดพร้อมกันทั้งภูมิภาคและไต้หวัน โดยจัดนานสุดถึง 12 วัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 29 สิงหาคม - 9 กันยายน 2561
ต่อด้วยค่ายน้องใหญ่ในตลาดอีคอมเมิร์ซไทยที่เพิ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการเพียง 3 เดือนอย่าง JD Central ที่ส่งแคมเปญ "JD SURPISE 9 ช้อปไม่อั้น Surprise ไม่เลิก" มาร่วมประชัน โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 31 สิงหาคม - 11 กันยายน 2561
ขณะที่พี่ใหญ่เบอร์ 1 ของตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และประเทศไทยอย่าง Lazada ก็ไม่พลาดขบวน ด้วยการเปิดตัวมหกรรมการช้อปปิ้งออนไลน์ “Lazada 9.9 All You Ever Wanted สวรรค์ของนักช้อป” พร้อมกัน 6 ประเทศ ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม โดยเริ่้มตั้งแต่วันที่ 4 - 9 กันยายน 2561 ซึ่งถือว่าจำนวนวันน้อยที่สุดเมื่อเทียบกับอีก 2 รายที่เหลือ
ทางด้าน Shopee ได้หยิบเอาสถิติยอดการสั่งซื้อของทั้งภูมิภาคออกมาเปิดเผย โดยพบว่าภายในเวลา 7.43 น. (+8:00 GMT) ของวันที่ 9 กันยายนที่ผ่านมา มียอดรวมคำสั่งซื้อรวมกันกว่า 5.8 ล้านออเดอร์ หรือคิดเป็น 3 เท่าของการจับจ่ายในช่วงเวลาปกติ
ขณะที่ทางฝั่งเบอร์ 1 อย่างลาซาด้า ถึงแม้ยังไม่มีการปล่อยสถิติออกมา แต่คาดการณ์จากจำนวนฐานลูกค้าที่มากกว่า Shopee หลายเท่า คงไม่ต้องเดาว่าลาซาด้าน่าจะทุบสถิตินี้ได้ไม่ยาก ซึ่งนี่ก็ชี้ให้เห็นถึงแน้วโน้มของธุรกิจอีคอมเมิร์ซในเมืองไทยที่ยังคงขยายตัวอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง
"สินค้าเพื่อสุขภาพและความงาม" ยังคงเป็นหมวดสินค้าที่มียอดการสั่งซื้อเข้ามามากที่สุดในแคมเปญ 9.9 ของทั้ง Lazada และ Shopee ตามมาด้วยสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ โมบายและแก็ดเจ็ต รวมไปถึงกลุ่มสินค้าแฟชั่น
โดย 3 สินค้าที่มียอดจำหน่ายสูงสุดของฝั่ง Shopee ได้แก่ กลุ่มสินค้าไวท์เทนนิ่งโลชั่น ไนท์ครีม และลิปบาล์ม
ขณะที่ Lazada มีสินค้าขายดีอยู่ในหมวดสุขภาพและความงาม และอิเล็กทรอนิกส์ เช่น ทีวี ซึ่งได้รับความนิยมจน Sold out ภายใน 32 วินาทีแรกที่เปิดขาย
เป็นหนี่งในกิจกรรมส่วนลดที่ทั้ง Lazada และ Shopee ต่างใจตรงกัน เพราะมีวิธีการร่วมสนุกใกล้เคียงกันมากพอสมควร นั่นคือการกำหนดช่วงเวลาในแต่ละวันให้ลูกค้าเข้าไป "เขย่า" เพื่อรับเหรียญหรือโค้ดส่วนลด ซึ่งก็ทำให้มีลูกค้าเข้ามาร่วมกิจกรรมกันเป็นจำนวนมาก โดยทาง Lazada ประเทศไทย ได้เปิดเผยตัวเลขออกมาว่าในแคมเปญ 9.9 ที่ผ่านมามีผู้เข้าร่วมเล่น Shake it บนแอปพลิเคชั่น Lazada สูงสุดถึง 4 ล้านครั้ง ตลอดทั้ง 3 วัน และคูปองส่วนลดหมดลงอย่างรวดเร็วภายใน 5 นาทีแรกของแต่ละรอบการแจก
สำหรับฝั่งของ Shopee ได้ใช้ชื่อกิจกรรมเขย่าในครั้งนี้ว่า 9.9 Shopee Shake Shake Day โดยมีให้เล่นมากถึง 9 รอบต่อวัน รวมเหรียญส่วนลดที่แจกก็มีมูลค่าสูงถึง 6 แสนบาท ทำให้ในแต่ละรอบมีลูกค้าเข้าร่วมเขย่าเป็นจำนวนมหาศาล ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะได้รางวัลกันราว 1-2 เหรียญต่อรอบเท่านั้น
แต่เรื่องราวกลายเป็นประเด็นใหญ่โต เมื่อมีคนมาตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ Pantip ในหัวข้อที่ว่า “Shopee คอนฟิกระบบพลาด แจกส่วนลดลูกค้า คนละ 9,999 กว่าจะรู้ตัวก็บ่ายสองโมง ปิดระบบแก้ไขแทบไม่ทัน” ซึ่งเนื้อหาในกระทู้ระบุว่า มีลูกค้าจำนวนมากที่ได้รับรางวัลเป็นเหรียญจำนวน 9,999 เหรียญ จากการเขย่าในรอบ 9 โมงเช้า ของวันที่ 9 กันยายน แต่กลับถูกทาง Shopee แจ้งว่าเป็นความผิดพลาดของระบบ และทำการดึงเหรียญกลับไป ซึ่งผู้ตั้งกระทู้ได้ให้ความเห็นว่าน่าจะมีผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้นับหมื่นรายเลยทีเดียว
ซึ่งงานนี้ทาง Shopee ก็ได้ออกมาชี้แจงว่า “เนื่องจากมีผู้เข้าใช้งานและทำรายการจำนวนมาก ส่งผลต่อระบบปฏิบัติการของ Shopee ต้องขออภัยในความไม่สะดวกที่เกิดขึ้นด้วยนะคะ ขณะนี้ทางบริษัทกำลังเร่งแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งลูกค้าจะได้รับแจ้งรายละเอียดเพิ่มเติมที่หน้าการแจ้งเตือนและติดต่อจากเจ้าหน้าที่ Shopee อีกครั้งเพื่อแจ้งรายละเอียดค่ะ
โดยทาง Shopee ขอน้อมรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้นเพื่อนำเป็นส่วนหนึ่งในการปรับปรุงการให้บริการ และป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาดังกล่าวในอนาคตต่อไปค่ะ”
เมื่อช้อปปิ้งออนไลน์ในเมืองไทยคือสนามแข่งขันที่มีผู้เล่นรายใหญ่ระดับโลกลงสู้ศึกมากหน้าหลายตา ซึ่งแน่นอนว่าจากนี้ไปการแข่งขันก็จะยิ่งทวีความดุเดือดมากขึ้น ทั้งในเรื่องของโปรโมชั่น ความรวดเร็วในการจัดส่งสินค้า และที่สำคัญคือ “ประสบการณ์การช้อปของลูกค้า” เพราะหากลูกค้าต้องเจอประสบการณ์ที่ไม่ประทับใจแม้แต่เพียงครั้งเดียว ก็อาจจะทำให้พวกเขาเมินหน้าหนี และหันไปหาคู่แข่งในทันที
นี่จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ผู้เล่นทุกรายต่างทุ่มเงินลงทุนด้านเทคโนโลยีกันอย่างหนักหน่วง ยกตัวอย่างเช่น Lazada ซึ่งหลังจากได้เข้าไปอยู่ในเครือ Alibaba ก็มีการลงทุนพัฒนาแพลต์ฟอร์มต่างๆ มากมาย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและมอบประสบการณ์ในการช้อปปิ้งให้กับชาวไทยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเห็นได้จากแคมเปญ 9.9 ที่ผ่านมา ที่สะท้อนให้เห็นถึงประสิทธิภาพของ Network ระบบ customer service ที่สามารถรองรับผู้ใช้งานและดาต้าได้จำนวนมหาศาลในเวลาเดียวกัน และสำคัญที่สุดคือระบบการจัดการโลจิสติกส์ระดับเทพของ Lazada ที่สามารถส่งของถึงมือลูกค้าได้วันถัดไป
แน่นอนว่าแคมเปญ 9.9 คงยังไม่สามารถชี้วัดผลแพ้ชนะของสงครามช้อปปิ้งออนไลน์ได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด และยังมีสนามประลองใหญ่อย่างวันคนโสด 11.11 ให้สู้ศึกอีกครั้ง แต่ก็เชื่อว่าหลังจากนี้คงจะมีการซุ่มพัฒนาระบบหลังบ้านกันอีกครั้งใหญ่เพื่อรองรับผู้ใช้งานจำนวนมหาศาล
ที่สำคัญต้องไม่ลืมจับตาดูผู้บริหารคนใหม่ของทาง Lazada ไทยแลนด์ ที่ถูกส่งตรงมาจาก Alibaba แว่วมาว่าเป็นเด็กปั้นของ แดเนียล ชาง ประธาน Alibaba Group ผู้รับไม้ต่อจาก แจ็ค หม่า ที่เพิ่งประกาศวางมือไปเมื่อเร็วๆ นี้ ให้เข้ามานำทัพในเมืองไทย ว่าจะมีกลยุทธ์แบบใดมาสั่นสะเทือนวงการช้อปปิ้งออนไลน์เมืองไทย