ในงาน NAB Show 2024 ของสมาคมผู้แพร่ภาพกระจายเสียงแห่งชาติ (NAB) ประเทศสหรัฐอเมริกา Daniel Anstandig ซีอีโอของ Futuri (ผู้นำเทคโนโลยีด้วยเครื่องมือที่ขับเคลื่อนด้วย AI ซึ่งช่วยให้บริษัทสื่อและผู้สร้างสามารถเพิ่มจำนวนผู้ชม เพิ่มยอดขาย และสร้างเนื้อหาที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น) ร่วมกับ Ameca พันธมิตร ผู้พัฒนาหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ได้แบ่งปันข้อค้นพบจากการศึกษาที่ครอบคลุมมากที่สุดเท่าที่เคยมีมาในบทบาทของ AI ในสื่อ ด้วยความร่วมมือกับ CMG Custom Research ซึ่งเป็นทีมที่ดำเนินการวิจัยผู้ชมสำหรับสถานีวิทยุโทรทัศน์และวิทยุที่มีประสิทธิภาพสูง
การศึกษานี้สำรวจผู้บริโภคข่าววิทยุและโทรทัศน์เกือบ 5,200 รายทั่วสหรัฐอเมริกา ซึ่งเผยให้เห็นข้อมูลเชิงลึกที่มีประสิทธิภาพเกี่ยวกับการรับรู้ ความคาดหวัง และอนาคตของผู้ชม เนื้อหาสื่อที่ขับเคลื่อนด้วย AI
การค้นพบนี้ท้าทายแนวทางดั้งเดิมในการผลิตสื่อและการสร้างเนื้อหา โดยชี้ให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงไปสู่การเปิดกว้างต่อการทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์และ AI:
"การศึกษาของ Futuri แสดงให้เห็นว่า ผู้ชมเปิดรับการนำ AI มาใช้ในการสร้างเนื้อหา โดยแท้จริงแล้ว พวกเขาเชื่ออยู่แล้วว่ามีการใช้ AI ในการสร้างสรรค์เนื้อหาทางวิทยุและโทรทัศน์ เราได้เรียนรู้ว่าผู้ชมเชื่อว่า AI จะช่วยสื่อในการสร้างเนื้อหาที่เกี่ยวข้องและมีส่วนร่วมมากขึ้น พวกเขาเพียงต้องการได้รับแจ้งถึงการใช้งานและเพื่อให้นำไปใช้ในสถานการณ์ที่เหมาะสม"
Daniel Anstandig กล่าว โดยเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการสร้างสมดุลระหว่างความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์และประสิทธิภาพของ AI
พร้อมกันนี้เขาได้กล่าวเพิ่มเติมว่า "การศึกษาครั้งนี้เผยให้ถึงความพร้อมของอุตสาหกรรมนี้ที่จะควบคุมศักยภาพของ AI เพื่อกำหนดอนาคตใหม่ ด้วยความต้องการของผู้ชมสำหรับเนื้อหาถึงระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน AI ช่วยให้ทีมออกอากาศสามารถสร้างเนื้อหาที่ต้องการจำนวนมหาศาล ผ่านหลายแพลตฟอร์มเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ชม”
ข้อมูลเชิงลึกที่สำคัญจากการศึกษานี้ ได้แก่
ผู้ชมมีความพร้อมสำหรับ AI
ผู้คนไม่สามารถแยกความแตกต่างระหว่างเนื้อหาเสียงของมนุษย์และ AI ได้อย่างง่ายดาย
‘โซเชียลมีเดีย’ เป็นแพลตฟอร์มอันดับ 1 ที่ผู้ชมรับข่าวสาร ตามมาด้วยสำนักข่าวท้องถิ่น
ผู้ชมมีความต้องการโฮสต์ AI ที่ปรับแต่งได้เพิ่มมากขึ้น
ผู้ตอบแบบสอบถามเชื่อว่า AI จะปรับปรุงเนื้อหาทั้งข่าวสาร วิดีโอ และเสียง
Daniel Anstandig ปิดท้ายปาฐกถาพิเศษของเขาโดยกล่าวว่า
"เราเลือกที่จะนำเสนอผลการศึกษาวิจัยผู้บริโภคที่ครอบคลุมนี้กับ Ameca (หุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์) เพราะเราต้องการแสดงให้เห็นถึงการนำ AI มาใช้ในฐานะผู้ร่วมสร้างและผู้นำเสนอร่วมโดยแสวงหาข้อมูลเชิงลึกที่เป็นประโยชน์ และการมีส่วนร่วมของผู้ชม AI เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และการนำไปใช้อย่างชาญฉลาดและการบูรณาการโดยอุตสาหกรรมสื่อจะเป็นกุญแจสำคัญในการฟื้นตัวและการเติบโตของอุตสาหกรรมในช่วงเวลาแห่งการแข่งขันที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน”
นอกจากนี้ ยังมีผลสำรวจอื่นๆ ที่น่าสนใจ เช่น ผลสำรวจของ Bynder ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการจัดการสินทรัพย์ดิจิทัลระดับองค์กร ที่ทำการศึกษากลุ่มตัวอย่างในสหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกาจำนวน 2,000 คน
โดยนำเสนอบทความสองบทความ บทความแรกเขียนโดย ChatGPT และอีกบทความเขียนโดยผู้เชี่ยวชาญด้านการเขียนคำโฆษณาที่ผ่านการฝึกอบรม ทั้งสองบทความได้รับโจทย์เดียวกันคือ ‘เขียนบทความ 300 คำเกี่ยวกับวิธีทำความสะอาดรถของคุณ’
การศึกษาสรุปว่า 50% ของผู้บริโภคสามารถระบุสำเนาที่สร้างขึ้นโดย AI ได้อย่างถูกต้อง โดยคนรุ่นมิลเลนเนียนประสบความสำเร็จมากที่สุดในการตรวจจับเนื้อหาที่ไม่ใช่มนุษย์ ซึ่งสอดคล้องกับอายุของผู้บริโภคที่มีแนวโน้มจะใช้ AI มากที่สุดในการสร้างเนื้อหา และเมื่อนำเสนอด้วยบทความทั้งสอง (โดยไม่ได้รับการบอกว่าบทความใด)
ผู้เข้าร่วม 56% กล่าวว่าพวกเขาชอบเวอร์ชั่น AI มากกว่าบทความที่มนุษย์สร้างขึ้น อย่างไรก็ตาม เมื่อถามถึงทัศนคติของพวกเขาต่อการอ่านสำเนาที่พวกเขาสงสัยว่าสร้างขึ้นโดย AI ผู้บริโภค 52% อ้างว่าพวกเขาจะมีส่วนร่วมกับเนื้อหานั้นน้อยลง ขณะที่ผู้เข้าร่วมที่มีอายุ 16-24 ปี เป็นกลุ่มอายุเพียงกลุ่มเดียวที่พบว่าเนื้อหาที่สร้างโดยมนุษย์มีความน่าสนใจมากกว่าเวอร์ชั่นที่สร้างโดย AI ในกลุ่มอายุนี้ที่มีความชื่นชอบ 55% โหวตให้บทความที่เขียนโดยมนุษย์เป็นบทความที่พวกเขามีส่วนร่วมมากที่สุด
แม้ผลสำรวจเหล่านี้จะไม่ได้ทำกับกลุ่มเป้าหมายชาวไทย แต่ในยุคที่ดิจิทัลเชื่อมโยง ทำให้ผู้บริโภคมีพฤติกรรมการรับสื่อที่คล้ายคลึงกันไม่น้อย จึงทำให้ผลสำรวจนี้พอจะใช้เป็นแนวทางให้กับบริษัทสื่อต่างๆ ในการแสวงหาแนวทางที่เหมาะสมในการสร้างสรรค์สื่อคุณภาพ ด้วยการทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์และ AI อย่างกลมเกลียว
บทความจากนิตยสาร MarketPlus ฉบับที่ 166 May-June 2024