Krungthai CIO เปิด 6 ธีมลงทุนครึ่งปีหลัง มองตลาดหุ้นยังไปต่อ แนะเกาะกระแสลงทุนในกลุ่ม AI
15 Jul 2024

Krungthai CIO มองการลงทุนในตลาดหุ้นช่วงครึ่งปีหลัง ปรับตัวดีต่อเนื่องจากช่วงครึ่งปีแรก เปิด 6 ธีม สินทรัพย์น่าลงทุน ทั้งตลาดหุ้นสหรัฐ ตลาดหุ้นเกิดใหม่ กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการปฏิรูปเศรษฐกิจญี่ปุ่น แนะเกาะกระแสไปกับกลุ่ม AI ใช้สินค้าโภคภัณฑ์ป้องกันความเสี่ยง ชี้ดอกเบี้ยขาลง หนุนความน่าสนใจของตลาดตราสารหนี้

 

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน ธนาคารกรุงไทย (Krungthai Chief Investment Office)  เปิดมุมการลงทุนช่วงครึ่งปีหลังของปี 2567 ว่า  ในช่วง 6 เดือนแรกของปี เป็นช่วงที่ดีของสินทรัพย์เสี่ยง ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวขึ้นได้ดี นำโดยตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดัชนี S&P 500 ปรับตัวขึ้นมากกว่า 15% จากแรงหนุนของหุ้นในกลุ่มปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ปรับตัวขึ้นได้โดดเด่น สำหรับในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2567 ยังคงมุมมองเป็นบวกต่อการลงทุนตลาดหุ้น จากเศรษฐกิจโลกที่ยังคงขยายตัวได้ดี แม้เศรษฐกิจสหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะ Soft Landing หลังตัวเลขเศรษฐกิจเริ่มส่งสัญญาณชะลอตัวลง ขณะที่ปัญหาเรื่องเงินเฟ้อเริ่มคลี่คลายลง แต่เศรษฐกิจจีนยังมีแนวโน้มขยายตัวได้ตามเป้าหมาย 5% จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลและการส่งออกที่ฟื้นตัว แต่ยังมีความเปราะบางของภาคอสังหาฯ และการบริโภคที่ชะลอตัวลง  อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในเดือนพฤศจิกายนปีนี้  อาจทำให้ตลาดมีความผันผวนในระยะสั้น

 

Krungthai CIO  ได้แนะนำธีมการลงทุนและสินทรัพย์ที่มีความน่าสนใจในช่วงครึ่งปีหลัง ตามลำดับ ดังนี้

  • ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวทั่วถึงมากขึ้น หลังในช่วงครึ่งปีแรกกระจุกตัวอยู่ในหุ้นขนาดใหญ่  โดยในช่วงครึ่งปีหลัง Earning breadth ของตลาดน่าจะปรับตัวดีขึ้น ทำให้หุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กของสหรัฐฯ มีโอกาสปรับตัวขึ้นตามหุ้นขนาดใหญ่ นอกจากนี้ หุ้นคุณภาพดี (Quality Growth) ที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มเทคโนโลยี  และราคายังไม่แพงเกินไป เป็นอีกกลุ่มที่น่าสนใจ

 

  • เกาะกระแสไปกับ AI การลงทุนใน AI ทำให้กำไรหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีเติบโตอย่างต่อเนื่อง และเพิ่มโอกาสในการลงทุนตลอดทั้ง Value Chain  จึงแนะนำลงทุนในบริษัทที่จะได้ประโยชน์จาก AI  ทั้งธุรกิจต้นน้ำที่ลงทุนด้าน AI หรือโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับการขยายตัวของ AI เช่น ธุรกิจ Cloud Data Center แหล่งพลังงานรองรับ AI และบริษัทที่นำ AI ไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์

 

  • การปฎิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจญี่ปุ่นเริ่มเห็นผล อัตราเงินเฟ้อเริ่มกลับมาขยายตัวที่ระดับเป้าหมาย 2% ค่าจ้างปรับตัวขึ้น ทำให้ค่าจ้างที่แท้จริง (Real Wage ) ปรับตัวขึ้น เพิ่มกำลังซื้อของผู้บริโภค ทำให้บริษัทต่างๆ สามารถปรับขึ้นราคาสินค้าได้  เป็นปัจจัยหนุนให้บริษัทจดทะเบียนมีแนวโน้มรายได้และกำไรเพิ่มสูงขึ้น

 

  • ยังมีโอกาสสำหรับตลาดเกิดใหม่ มองว่า เศรษฐกิจจีนผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ภาคอสังหาฯ เริ่มทรงตัว โอกาสเกิดวิกฤติลดลง ซึ่งราคาของหุ้นจีนได้รับรู้ปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ไปแล้ว อีกทั้งทางการจีนมีโอกาสออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม หุ้นจีนจึงมีโอกาสฟื้นตัวต่อ นอกจากนี้ ยังมีมุมมองที่เป็นบวกต่อหุ้นเกาหลีใต้ แนวโน้มกำไรบริษัทจดทะเบียนแข็งแกร่ง ตามกำไรของกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์และได้รับแรงหนุนจากแผนการเพิ่มมูลค่าบริษัทจดทะเบียน (Korea Value up Program)

 

  • สินค้าโภคภัณฑ์ทางเลือกป้องกันความไม่แน่นอน ในช่วงครึ่งปีหลัง ปัจจัยด้านการเมือง และปัจจัยด้านภูมิรัฐศาสตร์มีความเข้มข้นมากขึ้น  ถึงแม้ว่า ในระยะยาว ตลาดจะเคลื่อนไหวตามปัจจัยพื้นฐาน แต่ในระยะสั้นอาจทำให้ตลาดเกิดความผันผวนได้ ดังนั้น อาจเลือกป้องกันความเสี่ยงของพอร์ตด้วยสินค้าโภคภัณฑ์ไม่ว่าจะเป็นน้ำมัน หรือทองคำ

 

  • เตรียมพร้อมรับอัตราดอกเบี้ยขาลง วัฏจักรการปรับลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางทั่วโลกได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว โดยตลาดให้ความสำคัญกับ  “ขนาด และ จังหวะ” ของการปรับลดอัตราดอกเบี้ย โดยเฉพาะธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มองว่า ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ เริ่มชะลอตัวพอที่จะเปิดทางให้เริ่มลดอัตราดอกเบี้ยได้ตั้งแต่เดือนกันยายนนี้  ทำให้เฟดอาจจะลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ได้ 2 ครั้ง มากกว่า Dot-plot ล่าสุดที่ 1 ครั้ง ทำให้ตราสารหนี้เริ่มมีความน่าสนใจมากขึ้น อย่างไรก็ดี ทิศทางอัตราดอกเบี้ยในปีหน้าอาจเปลี่ยนแปลงไปจากคาดการณ์ว่า จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้ 4 ครั้ง หากนโยบายของประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่และทำให้อัตราเงินเฟ้อกลับมาสูงขึ้นอีกครั้ง

 

สุดท้ายสหรัฐฯจะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีในช่วงต้นเดือนฤศจิกายน จากข้อมูลในอดีต ตลาดมักมีความผันผวน 1-2 เดือนก่อนการเลือกตั้ง การลงทุนควรให้ความสำคัญกับปัจจัยพื้นฐานมากกว่าปัจจัยด้านการเมืองอย่างคำกล่าวที่ว่า “Don’t Vote With Your Portfolio” ดังนั้นหากตลาดมีความผันผวน อยากให้นักลงทุนกลับมาพิจารณาปัจจัยฟื้นฐานเป็นหลัก ซึ่งมองว่ายังเอื้อต่อการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงต่อไป

 

[อ่าน 504]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เบเยอร์ ชวนตามรอยเช็คอินปักหมุด ฝาท่อ 18 แบบ ศิลปะถ่ายทอดวิถีชีวิตชาวกรุง จากศิลปินนักออกแบบ 8 ท่าน รอบกรุง
ออนิกซ์ฯ รุกขยาย “ชามา” ทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ชูจุดแข็งด้าน “ทำเล” มุ่งสู่มาตรฐานสากล
Meta ประกาศรางวัล Meta Agency First Awards 2024 ชูความเป็นเลิศและความสำเร็จของอุตสาหกรรมสื่อการตลาดทางดิจิทัลในไทย
ซัมซุง ยกระดับมาตรฐานความรู้ ความชำนาญให้กับพันธมิตร
เซ็นทรัล คว้ารางวัลพระราชทาน “ความเป็นเลิศด้านการตลาด” เป็นครั้งที่ 2
เจาะแนวคิด Learn to Earn รุ่นพี่ยุวศิลปินไทย ผู้ประสบความสำเร็จบนเส้นทางที่เลือก
MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved