งานเข้าอย่างต่อเนื่องสำหรับบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ในช่วงนี้ สัปดาห์ที่ผ่านมาก็ได้มีดราม่าเกิดขึ้นสำหรับโฆษณา Apple ที่มีคอนเซ็ปต์ว่าเที่ยวไทยได้ง่ายๆ ผ่าน iphone แต่เกิดกระแสไม่พอใจขึ้นเนื่องจากหลายคนมองว่า Apple ทำโฆษณาที่ดูเป็นการเหยียดเมืองไทยรึเปล่า ทำให้เกิดกระแสวิพากวิจารณ์ในสื่อโซเชียลขณะนี้

Google ก็ดูไม่น้อยหน้ากัน หลังปล่อยโฆษณาระบบAI ของตนในช่วงโอลิมปิก เพื่อโปรโมต แต่ดันให้ผลตรงกันข้ามซะงั้น

โฆษณา Google ตัวใหม่นี้ ปรากฏครั้งแรกทางทีวี ซึ่งเล่นระหว่างช่วงพักโฆษณาจากการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก แสดงให้เห็นพ่อคนหนึ่งบรรยายถึงความรักที่ลูกสาวของเขามีต่อนักวิ่งโอลิมปิกชาวอเมริกัน ซิดนีย์ แม็คลาฟลิน-เลฟโรน เด็กหญิงคนนั้นฝึกฝนตัวเองโดยมีแรงบันดาลใจเป็นฮีโร่นักกีฬาของเธอ ฝึกฝนเคล็ดลับเทคนิคการวิ่งที่ค้นหาโดย AI ของ Google จากนั้นพ่อของเธอก็คิดว่าอยากให้ลูกสาวมีโอกาสได้แสดงความรักที่มีต่อฮีโร่ของเธอบ้าง จึงให้แชท AI ของ Google สร้างจดหมายจากลูกสาวของเขาถึงซิดนีย์ และในจดหมายระบุข้อความว่าเด็กสาวนั้นวางแผนที่จะทำลายสถิติโลกของเธอ

โฆษณาดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อแสดงให้เห็นถึงความสามารถของเครื่องมือ Google AI ในการสร้างข้อความที่ดูคล้ายกับมนุษย์มากขึ้น ซึ่งเป็นความสามารถที่บริษัทกล่าวว่านำไปใช้กับทุกสิ่งตั้งแต่การเขียนอีเมลงานไปจนถึงแผนการเดินทาง แต่สำหรับหลายๆ คนที่ได้ดู มีความเห็นว่าโฆษณาดังกล่าวดูเหมือนจะยิ่งตอกย้ำประเด็นเรื่องเอไอจะเข้ามาแทนมนุษย์

เป็นตัวอย่างล่าสุดของบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ที่ถูกตัดขาดจากคนจริงๆ

เมื่อโฆษณานี้เผยแพร่ ทำให้เกิดคำถามตามมามากมาย เช่น ทำไมความคิดสร้างสรรค์ ความรู้สึก และการแสดงออกของเด็กๆ ถึงถูกเขียนด้วยระบบคอมพิวเตอร์ หรือคำถามว่าทำไม Google ถึงสนับสนุนการใช้ AI ในการเขียนจดหมาย แทนที่จะสนับสนุนให้เราเขียนความในใจและความรู้สึกที่ต้องการบอกว่า สิ่งที่คุณทำมันสร้างแรงบันดาลใจให้เรามากขนาดไหน

นี่จึงถือเป็นความพลาดครั้งใหญ่สำหรับยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยี ซึ่ง Google ได้วางให้ Gemini เข้ามาเป็นคู่แข่งของ ChatGPT ที่พัฒนาโดย OpenAI นอกจากนี้ กูเกิ้ลยังได้วางแผนที่จะรวมเทคโนโลยี AI ของตัวเอง ข้ากับบริการต่างๆ ของตนเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็น Google Search หรือ Gmail

โฆษกของ Google กล่าวในแถลงการณ์ว่า AI นั้นเป็นเพียงเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมในการสนับสนุนความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์เท่านั้น และ Gemini ก็สามารถเป็นแนวทางสำหรับผู้ที่กำลังมองหาอะไรใหม่ๆ หรือช่วยมนุษย์ในการเริ่มต้นทำบางสิ่งบางอย่างได้ 

ผลกระทบเกี่ยวกับโฆษณากูเกิ้ลนั้นยิ่งตอกย้ำความกลัวในวงกว้างเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์ เนื่องจากเทคโนโลยีนี้แทรกซึมเข้ามาในชีวิตของเรามากขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงแรก บริษัทด้านเทคโนโลยี AI กล่าวว่า เอไอจะทำให้ชีวิตของเราง่ายขึ้น ทำให้เรามีเวลาไปกับการแสวงหาสิ่งที่มีความหมายหรือทำสิ่งต่างๆ ได้มากขึ้น แต่กลายเป็นว่าปัจจุบัน เครื่องมือ AI สามารถสร้างผลงานแทนที่มนุษย์ได้ เช่น ด้านศิลปะ ดนตรี รวมถึงการทำรายงานและเขียนเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ ได้รวดเร็วกว่ามนุษย์เสียอีก

ผู้ที่อยู่ในวงการศิลปะบางคน รวมถึงนักดนตรีและนักเขียน ได้ส่งสัญญาณความไม่พอใจเกี่ยวกับ AI ที่ถูกนำมาใช้งาน เช่น การประท้วงของนักเขียนฮอลลีวูดเมื่อปีที่แล้ว ที่นักเขียนบทละครหรือภาพยนตร์ฮอลลิวูด รวมถึงบริษัทอื่นๆ ที่ได้รับผลกระทบ ยื่นฟ้องบริษัทเทคโนโลยีเกี่ยวกับการใช้งานที่มีลิขสิทธิ์ของตนเพื่อฝึกโมเดล AI ของบริษัท

ประเด็น AI ยังคงถือว่าเป็นประเด็นร้อนที่สังคมกำลังให้ความสนใจอย่างมาก โดยเฉพาะการนำเอไอมาใช้ในวงการศิลปะ ตัวอย่างเช่นเมื่อต้นปีที่ผ่านมา Apple กับโฆษณาโปรโมต iPad Pro ด้วยการนำสัญลักษณ์ของความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ เช่น กระป๋องสี เครื่องดนตรี รูปปั้นครึ่งตัวของศีรษะมนุษย์ ถูกอัดด้วยเครื่องอัดไฮดรอลิกขนาดยักษ์ ออกมาเป็น iPad Pro ซึ่งทำให้เกิดกระแสในแง่ลบจนบริษัทต้องออกมาขอโทษและลบโฆษณานี้ออกไปในที่สุด

สุดท้ายนี้ สิ่งสำคัญไม่ใช่ว่า AI ทำอะไรได้เพียงอย่างเดียว แต่สำหรับมนุษย์ผู้ใช้งานนั้นก็มีส่วนสำคัญเช่นเดียวกัน เทคโนโลยีเอไอก็เหมือนเป็นดาบสองคม หากเราเลือกจับเลือกใช้ให้ถูกด้าน เทคโนโลยีนี้คงเข้ามาช่วยมนุษยชาติได้อย่างมหาศาลเลยทีเดียว

โฆษณาของ Google + Team USA — Dear Sydney https://www.youtube.com/watch?v=NgtHJKn0Mck

ที่มา https://edition.cnn.com/2024/07/29/tech/googles-ai-olympics-ad-backlash/index.html