“ไฟ-ฟ้า โดย ทีทีบี” กิจกรรมสังคมเพื่อความยั่งยืนจากมูลนิธิทีทีบี ร่วมแบ่งปันประสบการณ์และความสำเร็จของศูนย์เรียนรู้ไฟ-ฟ้า แหล่งเรียนรู้สำหรับเยาวชนในชุมชนอายุ 12 - 17 ปี ให้ใช้เวลาให้เกิดประโยชน์ ผ่านกิจกรรมสร้างสรรค์เชิงศิลปะ และทักษะการใช้ชีวิต โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
เพื่อจุดประกายให้เยาวชนเกิดมุมมองใหม่ในชีวิตของตนเอง พร้อมนำสิ่งที่ได้เรียนรู้ไปพัฒนาชุมชนและสังคมให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืน ในงาน “LEARNING SPACE FESTIVAL 2024” จัดโดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ภายใต้หัวข้อ “Case ภาคธุรกิจกับการลงทุนสร้างพื้นที่เรียนรู้ ด้านการพัฒนาเด็กและเยาวชน ช่องว่างและโอกาสในการขยายผลการดำเนินงาน”
ภายในงานมีกิจกรรมต่างๆ มากมาย เช่น เวิร์กช้อป และ ห้อง Learning ที่มีภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ปัญหาการเรียนรู้และการพัฒนาเด็กและเยาวชน
มาริสา จงคงคาวุฒิ หัวหน้ากิจกรรมสังคมเพื่อความยั่งยืน ทีเอ็มบีธนชาต กล่าวว่า ศูนย์เรียนรู้ไฟ-ฟ้า เป็นศูนย์เรียนรู้ที่รองรับทักษะการใช้ชีวิตและศิลปะ โดยเกิดจากความมุ่งมั่นของผู้บริหารระดับสูงของทีทีบีที่เชื่อว่า หากปลูกฝังเด็กไปในทางที่ดีได้ก็จะเป็นจุดเริ่มต้นทำให้สังคมยั่งยืน โดยมีแนวคิด “เด็กธรรมดาคือสิ่งที่สวยงาม” ต้องการสร้างโอกาสให้เด็กๆ โดยเฉพาะเด็กที่ขาดโอกาส ได้เข้าถึงทรัพยากรการเรียนรู้ และจุดประกายให้ค้นพบศักยภาพในตัวเอง ได้รับการยอมรับ สามารถดูแลตัวเอง และพร้อมส่งต่อสิ่งดี ๆ คืนกลับให้กับสังคมได้ในอนาคต โดยกลุ่มเป้าหมายหลักจะเป็นเด็กอายุ 12-17 ปี มาจากครอบครัวที่มีรายได้น้อยถึงปานกลาง
“ตลอด 15 ปีที่ผ่านมา ศูนย์เรียนรู้ไฟ-ฟ้า ได้จุดประกายเยาวชนไปแล้วกว่า 12,700 คน สร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับเด็ก ๆ โดยมีหลายคนค้นพบศักยภาพในตัวเอง นำองค์ความรู้ที่ได้รับไปต่อยอดการเรียนและการประกอบอาชีพต่างๆ อาทิ เชฟ ครู และสถาปนิก อีกทั้งยังมีเด็กๆ บางคนกลับมาเป็นเจ้าหน้าที่ และคุณครูอาสาสมัครของศูนย์ฯ เพื่อช่วยผลักดันเด็กๆ ไฟ-ฟ้า ที่เข้ามาใหม่ให้ได้ค้นพบศักยภาพในตัวเอง เพราะเชื่อว่าการพัฒนาเด็กและชุมชนเป็นรากฐานที่สำคัญในการนำพาสังคมไปสู่ความยั่งยืน
ดังนั้น ก่อนการก่อตั้งศูนย์เรียนรู้ไฟ-ฟ้าแต่ละแห่ง จะมีการสำรวจความคิดเห็นของเด็กและชุมชนเสมอ เพื่อให้รู้ถึงความสนใจของเด็กๆ และชุมชนบริเวณโดยรอบอย่างแท้จริง ซึ่งทักษะวิชาที่ได้รับความสนใจสูงสุดอันดับต้นๆ จะเป็นวิชาที่เกี่ยวข้องกับกีฬา ร้องเพลง และศิลปะ ที่เด็กส่วนใหญ่อยากเรียนแต่ครอบครัวไม่มีเงินทุนสนับสนุน แต่ศูนย์ฯ เปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้เรียนฟรี โดยมีเงื่อนไขเดียวคือ เด็กๆ ต้องเอาความรู้ที่ได้คืนสู่ชุมชนด้วย”
นอกจากนี้ โครงการไฟ-ฟ้า โดย ทีทีบี ยังมีทีมอาสาสมัครทีทีบีราว 3,000 คน มาทำงานช่วยเหลือชุมชนกว่า 200 โครงการ โดยสิ่งที่สำคัญที่ได้จากกิจกรรมเพื่อสังคม คือ การสร้างจิตสำนึกให้กับพนักงาน ทำให้เข้าใจวัฒนธรรมองค์กรมากขึ้น เป็นการเปิดโลกใหม่ ๆ และได้เห็นเพื่อนในมุมมองใหม่ที่อาจไม่เคยเห็นตอนทำงานในออฟฟิศ รวมถึงสร้างประสบการณ์ใหม่ ทำให้มีแรงบันดาลในการทำงานมากขึ้น ซึ่งเหล่านี้เป็นผลลัพธ์ที่ประเมินค่าไม่ได้
สำหรับปัจจัยความสำเร็จในการทำงานกับเยาวชนและชุมชนนั้น มี 3 เรื่อง
“ศูนย์เรียนรู้ไฟ-ฟ้า ต้องการสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้เด็กๆ ดังนั้น เราต้องเข้าใจเด็กก่อน ต้องสำรวจความต้องการของเด็กและชุมชน รวมถึงเจ้าหน้าที่และคุณครูไฟ-ฟ้ากว่า 40 คน ต่างต้องมีวิสัยทัศน์เดียวกันที่จะยึดความต้องการของเด็กเป็นหลัก ขณะเดียวกันก็พร้อมที่จะเรียนรู้ไปพร้อมๆ กับเด็กๆ สิ่งเหล่านี้เป็นพื้นฐานสำคัญของความสำเร็จ ส่วนความท้าทาย คือ ทำอย่างไรให้เด็กสนใจ และมุ่งมั่นที่จะเรียนให้จบหลักสูตร ซึ่งในแต่ละศูนย์ก็มีการแบ่งปันความสำเร็จและสะท้อนปัญหา เพื่อนำมาปรับปรุงและพัฒนาการเรียนรู้ร่วมกัน
ทีทีบีเชื่อว่าศูนย์เรียนรู้ ไฟ-ฟ้า จะเป็นสถานที่ที่ให้โอกาสเด็กๆ ได้พัฒนาศักยภาพตัวเองให้กลายเป็นเด็กธรรมดาที่เป็นคนดีและมีความสุข มีโอกาสเป็นทั้งผู้รับ และผู้ให้ที่ดี ด้วยการนำทักษะทางศิลปะและทักษะชีวิตที่ได้เรียนรู้จากศูนย์ฯ แห่งนี้ ไปพัฒนาตนเองต่อยอดสู่ครอบครัว และสังคมรอบข้างให้ดีขึ้น ตอกย้ำปรัชญา Make REAL Change เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการเปลี่ยนเพื่อสังคมดีขึ้นอย่างยั่งยืน”
ไฟ-ฟ้า โดย ทีทีบี มุ่งมั่นและตั้งใจเดินหน้าจุดประกายเยาวชนและชุมชน เพื่อเปลี่ยนแปลงสังคมให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืน ติดตามกิจกรรมดี ๆ ต่อได้ที่ https://www.ttbfoundation.org และ https://www.facebook.com/faifahbyttb