กลุ่มดุสิตธานี ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย เพื่อสร้างขอบเขตบริการทางการแพทย์แบบครบวงจรและที่พักเชิงสุขภาพ (Comprehensive Medical Corridor) โดยเป็นการผสานจุดแข็งระหว่างโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ในฐานะสถาบันการแพทย์ที่ให้บริการด้านสาธารณสุขและการพยาบาลที่มีชื่อเสียง กับกลุ่มดุสิตธานี ในฐานะผู้ให้บริการจัดการโรงแรมและโครงการที่พักอาศัยชั้นนำ รวมถึงบริการด้านอาหารที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล โดยความร่วมมือดังกล่าวนับเป็นก้าวสำคัญของกลุ่มดุสิตธานีที่จะสร้างโมเดลธุรกิจรองรับงานบริการด้านการแพทย์ เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นหมุดหมายในการรับบริการทางการแพทย์จากทั่วทุกมุมโลก
รศ.นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย และคณบดี คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า
โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย และ บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือเพื่อสร้างเขตการบริการทางการแพทย์แบบครบวงจร และที่พักเชิงสุขภาพ (Comprehensive Medical Corridor) ในเขตกลางกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นการผสานจุดแข็งของทั้งสององค์กร ที่มีเป้าหมายเดียวกันคือเพื่อประโยชน์สำหรับประชาชน
ทั้งนี้ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ซึ่งมีจุดแข็งในฐานะสถาบันการแพทย์ที่ให้บริการด้านสาธารณสุขและการพยาบาลที่มีชื่อเสียง ทั้งด้านการวิจัยและการต่อยอดพัฒนานวัตกรรมให้ก้าวล้ำทันสมัย มีมาตรฐานสอดคล้องกับวิสัยทัศน์และพันธกิจของโรงพยาบาล และร่วมมือกับกลุ่มดุสิตธานี ที่จะนำจุดแข็งขององค์กรทั้งในด้านการบริหารจัดการโรงแรมและโครงการที่พักอาศัยที่เปิดให้บริการทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงจุดแข็งของธุรกิจทางด้านอาหารและโรงเรียนสอนทำอาหาร นำมาบูรณาการร่วมกับทางโรงพยาบาล เพื่อประโยชน์สูงสุดและเป็นทางเลือกสำหรับผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล
ด้วยศักยภาพด้านทำเลที่ตั้ง ทั้งโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์และดุสิตธานี ที่ตั้งอยู่ใจกลางย่านธุรกิจของกรุงเทพมหานคร (CBD) จึงทำให้ประชาชนสะดวกในการเข้าถึงการรักษาพยาบาลและการใช้บริการที่พักอาศัยชั่วคราว การผนึกกำลังสร้างความเชื่อมโยงระหว่างองค์กรชั้นนำในบริเวณพื้นที่ใกล้เคียงของทั้งโรงพยาบาลและที่พัก จะเป็นทางเลือกหนึ่งที่ช่วยอำนวยความสะดวกทำให้ผู้ป่วยและครอบครัวได้รับการดูแลอย่างครบวงจร
สำหรับความร่วมมือในการให้บริการดังกล่าว จะครอบคลุมกรณีที่ผู้ป่วยบางรายไม่จำเป็นต้องนอนรักษา เป็นผู้ป่วยในของโรงพยาบาล แต่ไม่สะดวกต่อการเดินทางไปกลับเพื่อมารับการรักษาอย่างต่อเนื่องที่โรงพยาบาล ความร่วมมือในครั้งนี้จึงเป็นประโยชน์และช่วยตอบโจทย์ความต้องการสำคัญของผู้ป่วยและครอบครัวที่ต้องการพักอาศัยชั่วคราวในบริเวณพื้นที่ใกล้เคียงกับโรงพยาบาล เพื่อความสะดวกในการทำกิจกรรมต่าง ๆ เช่น ผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัด โดยเป็นผู้ป่วยที่แพทย์ลงความเห็นว่าไม่จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาล แต่ต้องมีนัดตรวจติดตามในเร็ววัน การพักใกล้โรงพยาบาลจะช่วยให้การติดตามผลการรักษาสะดวกยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในกรณีที่เดินทางกลับต่างจังหวัดหรือต่างประเทศเป็นเรื่องที่ไม่สะดวก หรือผู้ป่วยมะเร็งที่ต้องการการรักษาต่อเนื่อง เช่น การฉายรังสีซึ่งใช้เวลาต่อเนื่อง 2-7 สัปดาห์ การมีที่พักใกล้โรงพยาบาลจะช่วยให้ผู้ป่วยสามารถเข้ารับการรักษาได้อย่างสะดวกและมีความสุขมากขึ้น โดยไม่ต้องเผชิญกับความยุ่งยากในการเดินทาง รวมถึงผู้ป่วยที่ต้องรับการทดสอบการนอนหลับ หรือ sleep test เป็นต้น
ทางด้าน รศ.นพ.รัฐพลี ภาคอรรถ รองผู้อำนวยการ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ฝ่ายสนับสนุนบริการ กล่าวเพิ่มเติมว่า
การร่วมมือครั้งนี้จะทำให้เกิดเขตการบริการทางการแพทย์ที่ครบวงจร โดยมุ่งเน้นประโยชน์ที่สำคัญสำหรับผู้ป่วยและครอบครัว 3 ด้าน ได้แก่
1.ด้านที่พักเชิงสุขภาพ โดยเป็นการให้บริการที่พักที่สะดวกสบายจากโรงแรมชั้นนำในพื้นที่ใกล้เคียงกับโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ช่วยให้ผู้เข้ารับการรักษาสามารถพักฟื้นในสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการฟื้นฟูและลดความตึงเครียด
2.ด้านการพัฒนาคุณภาพอาหาร ด้วยความร่วมมือระหว่างฝ่ายโภชนวิทยาและโภชนบำบัดของโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ และเชฟจาก “ดุสิต ฟู้ด สคูล” ที่จะพัฒนาเมนูอาหารที่มีคุณค่าทางอาหารครบถ้วนตามความต้องการเฉพาะของผู้ป่วย เพื่อเสริมสร้างสุขภาพและการฟื้นฟูอย่างมีประสิทธิภาพ
3.ด้านการบริการและการฝึกอบรม ซึ่งทางกลุ่มดุสิตธานีจะนำเสนอวิธีการบริการระดับห้าดาวและการฝึกอบรมบุคลากรของโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เพื่อยกระดับการต้อนรับและบริการให้มีคุณภาพสูงขึ้น รวมถึงเป็นที่ปรึกษาของฝ่ายโภชนวิทยาและโภชนบำบัด ในการร่วมพัฒนาเมนูและการตกแต่งอาหารสำหรับให้บริการผู้ป่วยในโรงพยาบาล ส่วนของโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ได้ร่วมพัฒนาความสามารถของบุคลากรดุสิตธานี โดยการฝึกอบรมการกู้ชีพขั้นพื้นฐาน และการจัดเตรียมความพร้อมด้าน emergency response สำหรับผู้ป่วยที่เข้ารับการบริการ
ด้าน ศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า
กลุ่มดุสิตธานีมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งกับความร่วมมือที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ และขอขอบคุณโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ที่ไว้วางใจให้กลุ่มดุสิตธานีร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาและขยายขอบเขตการให้บริการทางการแพทย์แบบครบวงจรและที่พักเชิงสุขภาพ ซึ่งภายใต้ความร่วมมือดังกล่าว กลุ่มดุสิตธานีมั่นใจว่า จะนำประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านบริการที่พักและอาหาร มาผสมผสานกับความเชี่ยวชาญด้านบริการทางการแพทย์ของโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับผู้เข้ารับบริการ
สำหรับขอบเขตความร่วมมือในครั้งนี้ จะอยู่ภายใต้การดูแลและให้บริการโดย “โรงแรมดุสิต สวีท ราชดำริ” ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ผู้เข้ารับบริการสามารถเดินทางได้อย่างสะดวกสบาย และโรงแรมมีความพร้อมด้านการรับรองผู้พำนักระยะยาว ซึ่งผู้เข้ารับบริการจะได้รับการดูแลอย่างอบอุ่นและเป็นเลิศภายใต้มาตรฐาน “ดุสิตธานี” ขณะเดียวกัน ความร่วมมือดังกล่าวยังครอบคลุมถึงการพัฒนาสูตรอาหารโดยเน้นโภชนาการ ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีที่กลุ่มดุสิตธานีโดย “เดอะ ฟู้ด สคูล” โรงเรียนสอนทำอาหารในเครือจะได้เรียนรู้และพัฒนาสูตรอาหารจากนักโภชนาบำบัด เพื่อนำเสนออาหารรสชาติอร่อยและเป็นอาหารสุขภาพที่เหมาะกับผู้เข้ารับการรักษา รวมถึงลูกค้าที่เข้ารับบริการ
ศุภจี สุธรรมพันธุ์
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน)
“ความร่วมมือกับโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ในครั้งนี้ นับเป็นอีกก้าวที่สำคัญของกลุ่มดุสิตธานีในสร้างโครงการนำร่องหรือโมเดลธุรกิจที่รองรับบริการทางการแพทย์และที่พักเชิงสุขภาพ รวมถึงสามารถต่อยอดไปสู่ธุรกิจอาหารเพื่อสุขภาพ ที่สำคัญกว่านั้น คือ การมีส่วนร่วมกับโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ในการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่เข้ารับบริการ ทั้งผู้เข้ารับการรักษา รวมถึงผู้ที่ทำหน้าที่ดูแลผู้ป่วย ที่สามารถเลือกรับบริการที่ดีที่สุดจากกลุ่มดุสิตธานี สามารถทำให้ประชาชนเข้ารับบริการทางแพทย์ได้อย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดข้อจำกัดเรื่องการขาดแคลนเตียงในโรงพยาบาล ลดระยะเวลารอรับบริการของคนไข้
ขณะเดียวกัน ยังสามารถสร้างรายได้จากผู้รับบริการระดับบนเพื่อนำรายได้มาสนับสนุนผู้ขาดแคลน กลุ่มดุสิตธานีจึงมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในความร่วมมือครั้งนี้ และหวังว่าจะมีหน่วยงานอื่นๆ ที่ดำเนินการในลักษณะเดียวกัน เพื่อลดความแออัดในโรงพยาบาล
โดยเฉพาะโรงพยาบาลของรัฐ ซึ่งกลุ่มดุสิตธานีมั่นใจว่า ด้วยโมเดลดังกล่าวจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ประเทศไทยกลายเป็น Medical Hub หรือศูนย์กลางการให้บริการทางการแพทย์ครบวงจร ที่จะสามารถรองรับผู้ใช้บริการจากทั่วทุกมุมโลกได้ และหากหน่วยงานไหนมองว่า โครงการนี้เป็นโมเดลที่ดีและสนใจจะนำโมเดลดังกล่าวไปดำเนินการ ทางกลุ่มดุสิตธานีมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นโครงการนำร่องที่สามารถนำไปต่อยอดขยายโอกาสในอนาคตได้” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บมจ.ดุสิตธานี กล่าว