"ไอคอนสยาม" อภิมหาโครงการเมืองแห่งการใช้ชีวิตสู่โลกอนาคต มูลค่า 54,000 ล้านบาท เปิดประตูอภิมหาโครงการเมืองสัญลักษณ์แห่งความรุ่งโรจน์ของไทยริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งประกอบไปด้วยอาณาจักรศูนย์การค้าแห่งยุค 2 อาคาร คอนโดมิเนียมหรูสุดสง่างาม 2 อาคาร และ 7 สิ่งมหัศจรรย์ของไอคอนสยาม
จารึกเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ โดยพลิกโฉมการพัฒนาโครงการที่เป็นจุดหมายปลายทางที่ยิ่งใหญ่ ด้วยคอนเซ็ปต์ “Creating Shared Value” หรือการสร้างประโยชน์ร่วมกันทุกฝ่าย และ “Co-Creation” หรือการร่วมกันรังสรรค์ อย่างเป็นรูปธรรม เต็มรูปแบบ ซึ่งเกิดขึ้นจริงแล้วในสเกลที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในโลก และจะเป็นโครงการที่ “สิ่งที่ดีที่สุดของไทยมาบรรจบกับสิ่งที่ดีที่สุดของโลก” โดยจัดงานเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ด้วยการรวมพลังหัวใจไทยและผู้มีฝีมือระดับโลกมาร่วมกันสร้างปรากฏการณ์บนแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อสะกดทุกสายตาโลก
ชฎาทิพ จูตระกูล กรรมการ บริษัท ไอคอนสยาม จำกัด กล่าวว่า ไอคอนสยามคือ “ดิสติเนชั่น” ที่เกิดจากการรวมพลังความคิดสร้างสรรค์ระดับชาติครั้งยิ่งใหญ่ จากหัวใจคนไทยหลายภาคส่วนผู้มีความรู้ความสามารถจากชุมชนทั่วประเทศ ภาคธุรกิจ ภาคราชการ รวมถึงผู้เชี่ยวชาญแขนงต่างๆ จากหลายประเทศที่รักเมืองไทยรวมแล้วเป็นทีมผู้ร่วมสร้างสรรค์กว่า 1,000 คน ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นผู้มีความปรารถนาที่จะช่วยกันสร้างสัญลักษณ์ใหม่ให้เป็นตัวแทนจินตนาการแห่งยุค เสริมสร้างให้คนไทยภาคภูมิใจในความเป็นไทย และช่วยกันสืบทอดความงดงามของความเป็นไทยสู่ชนรุ่นหลัง อีกทั้งให้คนทั่วโลกที่มาเยือนรู้สึกหลงรักและประทับใจประเทศไทยมากยิ่งขึ้น
“ไอคอนสยามถูกรังสรรค์ขึ้นจากปณิธานที่ต้องการเชิดชูเรื่องราวอันมีคุณค่า และเป็นความภาคภูมิใจจากทุกมิติของความเป็นไทยที่มีอยู่ในชาติ นำเสนอในรูปแบบวิจิตรล้ำสมัย ซึ่งการเชิดชูอัตลักษณ์ไทยไม่เพียงสะท้อนออกมาที่การผนึกกำลังกับศิลปินของไทยและผู้มีฝีมือจากทั่วโลกสร้างสรรค์องค์ประกอบต่างๆ ของไอคอนสยามเท่านั้น แต่อีกสิ่งหนึ่งที่น่าภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งสำหรับคนไทยและถือเป็นปรากฏการณ์ที่ยิ่งใหญ่ก็คือ การที่ผู้ประกอบการร้านค้าเหล่าแฟชั่นแบรนด์และลักชัวรี่แบรนด์ชื่อดังระดับโลกมีความเชื่อมั่น และมองเห็นคุณค่าความดีงามของความเป็นไทย จึงได้เข้าร่วมผนึกกำลังกับไอคอนสยาม ด้วยการคิดนอกกรอบและทำงานร่วมกับศิลปินไทยสร้างสรรค์ผลงานมาสเตอร์พีซ ที่จะเชิดชูอัตลักษณ์ไทยอย่างสง่างามภายในร้าน ทั้งการนำผ้าไหมไทย หรือวัสดุไทยต่างๆ มาใช้ในการสร้างสรรค์ผลงานหรือตกแต่งร้าน นับเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในโลก” ชฎาทิพ กล่าวและฉายภาพต่อว่า
“ไอคอนสยามคือเมืองที่เป็นศูนย์รวมของความมหัศจรรย์อันหลากหลาย ทั้งศิลปะและวัฒนธรรม ผสมผสานรวมอยู่กับที่สุดของการช้อปปิ้งและความบันเทิง โดยการผนึกกำลังพันธมิตรองค์กรธุรกิจทั้งใหญ่และเล็กทุกขนาดและหลากหลายรูปแบบธุรกิจ รวมไปถึงผู้คนจำนวนมากจากนานาสาขาอาชีพที่มีความปรารถนาจะสร้างสถานที่ที่บอกเล่าหลากหลายเรื่องราวของความภาคภูมิใจในความเป็นไทย ผสมกับสิ่งที่ดีในมิติต่างๆ จากทุกมุมโลก รวมพลังสร้างสรรค์สัญลักษณ์ใหม่ที่จะกลายเป็นมหาปรากฏการณ์ที่ประสานประโยชน์ร่วมกันทุกฝ่าย แผ่กระจายความรุ่งเรืองไปทั่วทั้งในระดับชุมชน สังคม และประเทศ ซึ่งเป็นแนวคิดการทำธุรกิจในโลกยุคใหม่ที่มุ่งเน้นการสานประโยชน์ร่วมกันทุกฝ่าย เพื่อเติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน ซึ่งไอคอนสยามได้ทำให้เกิดขึ้นจริงแล้ว และในสเกลที่ไม่เคยเกิดขึ้นที่ใดมาก่อนในโลก”
ตัวอย่างที่สะท้อนให้เห็นได้อย่างชัดเจนถึงการใช้แนวคิดการทำธุรกิจในโลกยุคใหม่ ที่มุ่งเน้นสานประโยชน์ร่วมกันทุกฝ่าย เพื่อเติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน คือ 7 สิ่งมหัศจรรย์ของไอคอนสยาม ได้แก่
สุพจน์ ชัยวัฒน์ศิริกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอคอนสยาม จำกัด กล่าวว่า ไอคอนสยามเปิดประตูอภิมหาโครงการเมือง ด้วยความมหัศจรรย์ที่เป็น “ที่สุด” และ “ครั้งแรก” ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประเทศไทยมากมาย โดยเหล่าแบรนด์ดังที่เป็นสุดยอดความหรูหราระดับโลกจำนวนหนึ่งจะตั้งอยู่ในอาคารไอคอนลักซ์ (ICONLUXE) ซึ่งมีพื้นที่ 25,000 ตารางเมตร ตั้งอยู่ติดริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นอาคารอาณาจักรศูนย์การค้าที่ล้ำเลิศแห่งยุค และเป็นสัญลักษณ์แห่งความวิจิตรตระการตาที่จะกลายเป็นปรากฏการณ์ในฐานะศูนย์กลางความหรูหราระดับโลก โดดเด่นทั้งสถาปัตยกรรมที่ไม่เหมือนที่ใดในโลก
โดยจะเป็นอาคารกระจกโครงสร้างไร้เสาที่ยาวที่สุดในโลก รูปทรงคล้ายกระทงแก้ว สร้างสรรค์ขึ้นอย่างวิจิตรงดงามให้เป็นสัญลักษณ์ใหม่บนแม่น้ำเจ้าพระยา และการรวบรวมสุดยอดแบรนด์ลักชัวรี่ชื่อดังจากทั่วโลกมาเนรมิตร้านแฟลกชิฟสโตร์ในรูปแบบ Global ICONIC Store ครั้งแรกในประเทศไทย ซึ่งรวมถึงคอนเซ็ปต์ Icons within Icon ที่ไอคอนสยามได้รังสรรค์ให้ลักชัวรี่แบรนด์มีคฤหาสน์ของตนเองในรูปแบบ Duplex Mansion อยู่ภายในอาคารไอคอนลักซ์อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ และนอกจากนั้น ยังเป็นครั้งแรกของแบรนด์ชื่อดังระดับแนวหน้าของโลก และของไทยกว่า 7,000 แบรนด์ ที่มาพร้อมคอนเซ็ปต์ใหม่ นำเสนอสินค้าสุดพิเศษ เฉพาะที่ไอคอนสยามเท่านั้น”
“เพื่อให้ไอคอนสยามเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของประเทศไทย ที่นำเสนอความแปลกใหม่อย่างมีอัตลักษณ์โดดเด่น เราได้ทำงานลงลึกในรายละเอียดร่วมกับผู้ประกอบการร้านค้าตั้งแต่สุดยอดแบรนด์ของไทยไปจนถึงลักชัวรี่แบรนด์จากต่างประเทศ ให้แต่ละร้านนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวความเป็นมา จนถึงแนวคิดและนวัตกรรมโดยเชื่อมโยงกับการออกแบบร้าน เพื่อให้ไอคอนสยามเป็นโครงการแรกที่ทำ Story Telling ที่จะสร้างความตื่นตาตื่นใจได้อย่างเพียบพร้อมสมบูรณ์แบบที่สุด ซึ่งหลายแบรนด์ดังระดับโลกให้ความเชื่อมั่นในไอคอนสยาม โดยร่วมกันคิดสร้างสรรค์สิ่งพิเศษที่จะเกิดขึ้นภายในร้านของเขาเฉพาะที่สาขาไอคอนสยามเท่านั้น สร้างเป็นประสบการณ์ที่แตกต่างอย่างมีคุณค่าให้แก่ผู้มาเยือน”
ไฮไลท์แบรนด์และสโตร์ที่เป็นปรากฏการณ์ “ที่สุด” และ “ครั้งแรก”
นอกจากนั้น ยังมีอาณาจักรยนตรกรรมระดับพรีเมียมลักชัวรี่ รวบรวมสุดยอดยานยนต์เทคโนโลยีล้ำสมัย และประสบการณ์ที่แปลกใหม่ เหนือระดับจากหลากหลายค่ายดัง ไม่ว่าจะเป็น Rolls-Royce, Maserati, Mini และ BMW Motorrad, Porsche, และ Toyota
โดยเฉพาะ BMW ร่วมเปิดประสบการณ์ใหม่ในการชมรถยนต์ครั้งแรกในเอเชีย ด้วยเทคโนโลยี VR หรือเวอร์ชวลเรียลลิตี้ แสดงภาพรถเสมือนจริงผ่านแว่นแบบพิเศษ ให้คุณสามารถเดินชมรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูได้รอบคัน เปลี่ยนสีตัวถัง กำหนดออปชั่น เปิดประตูเข้าไปดูในห้องโดยสาร ทดลองใช้ฟีเจอร์ต่างๆ หรือเปลี่ยนฉากเป็นกลางวันหรือกลางคืนก็สามารถทำได้
"มหาปรากฏการณ์งานเปิดเมืองไอคอนสยาม" วันที่ 9-11 พฤศจิกายนนี้ เป็นการผนึกกำลังครั้งสำคัญและเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ด้วยการรวมพลังหัวใจไทยสร้างปรากฏการณ์ครั้งยิ่งใหญ่บนแม่น้ำเจ้าพระยาให้สะกดทุกสายตาโลก โดยจะมีการแสดงครั้งประวัติศาสตร์ และกิจกรรมการแสดงระดับประเทศและระดับโลกเกิดขึ้นมากมายครอบคลุมทุกพื้นที่ของไอคอนสยาม และเพื่อร่วมเฉลิมฉลองการจารึกประวัติศาสตร์หน้าใหม่ นอกจากกิจกรรมการแสดงครั้งประวัติศาสตร์มากมายแล้ว ไอคอนสยามยังมอบโปรโมชั่นแบบจัดเต็ม
โดยตั้งแต่วันที่ 9 พฤศจิกายน 2561 – 20 มกราคม 2562 ทุกการช้อปจะได้รับของรางวัลมากมาย รวมมูลค่ากว่า 20 ล้านบาท อาทิ ช้อปครบ 5,000 บาทขึ้นไป รับเคสโทรศัพท์มือถือลายพิเศษ, ช้อปครบ 20,000 บาท รับ Siam Gift Card มูลค่า 500 บาท ไปจนถึงช้อปครบ 1,000,000 บาท รับ Siam Gift Card มูลค่า 50,000 บาท
วิสิษฐ์ มาลัยศิริรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) ผู้พัฒนาโครงการที่พักอาศัยสุดหรู 2 อาคาร ภายในโครงการไอคอนสยาม กล่าวว่า “แมกโนเลียส์ วอเตอร์ฟร้อนท์ เรสซิเดนซ์” เป็นคอนโดมิเนียมที่พักอาศัยคุณภาพเหนือระดับที่หรูหราที่สุดริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา สูง 70 ชั้น จำนวน 379 ยูนิต ขณะนี้เสร็จสมบูรณ์ไปแล้วกว่า 90%
และ “เดอะ เรสซิเดนซ์ แอท แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ” ซึ่งเป็นโครงการที่พักอาศัยระดับซูเปอร์ลักชัวรี่แบรนด์ ‘แมนดาริน โอเรียนเต็ล’ แห่งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และแห่งที่ 14 ของโลกความสูง 52 ชั้น จำนวน 146 ยูนิต ขณะนี้เสร็จสมบูรณ์ไปแล้วกว่า 85%
“โดยทั้ง 2 โครงการได้สร้างปรากฏการณ์ความสำเร็จในวงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของไทย ในฐานะโครงการที่พักอาศัยที่มีมาตรฐานเทียบชั้นโครงการที่พักอาศัยที่ดีที่สุดในต่างประเทศ เทียบเท่าที่พักอาศัยในมหานครชั้นนำอย่างนิวยอร์ค ลอนดอน โตเกียว และเซี่ยงไฮ้ พร้อมสร้างสถิติใหม่เป็นโครงการที่พักอาศัยริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่มีราคาสูงที่สุดคุ้มค่ากับการลงทุนและอยู่อาศัย โดยมีราคาเริ่มต้น 85 ล้านบาท สำหรับคอนโด 2 ห้องนอน และห้องเพนท์เฮ้าส์ โดยห้องชุดที่ใหญ่ที่สุดมีพื้นที่ใช้สอยรวม 707 ตารางเมตร ซึ่งมีราคาราวๆ 460 ล้านบาท”