มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย ผนึกกำลังกับ มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น กระตุ้นเศรษฐกิจสร้างความแข็งแกร่งอย่างยั่งยืนให้กับตลาดรถยนต์ในภูมิภาคอาเซียน ประกาศจัดงาน "MAZDA ASEAN DESIGN FORUM 2018" ขึ้นครั้งแรกในอาเซียน เพื่อถ่ายทอดปรัชญาการออกแบบ "โคโดะ ดีไซน์" เจเนอเรชั่นใหม่
มาสด้าประสบความสำเร็จอย่างสูงในประเทศไทยและอาเซียน จากการเริ่มต้นแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ที่มาพร้อมเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ และภายใต้การออกแบบ โคโดะ ดีไซน์ ในเจเนอเรชั่นแรก มาตั้งแต่ พ.ศ. 2556 ส่งผลให้ยอดขายรถมาสด้าเติบโตแบบก้าวกระโดดขยับขึ้นครองอันดับสามของตลาดรถยนต์นั่งอย่างถาวร รวมทั้งก้าวขึ้นแท่นเบอร์หนึ่งของตลาดรถยนต์นั่งขนาดเล็ก ในขณะที่ตลาดรถอเนกประสงค์ก็ร้อนแรงไม่แพ้กันสร้างยอดขายเป็นกอบเป็นกำ
ปัจจุบันมีรถยนต์มาสด้าภายใต้เทคโนโลยีสกายแอคทีฟและภายใต้รูปลักษณ์การออกแบบจาก โคโดะ ดีไซน์ ด้วยระยะเวลาเพียง 5 ปี มีรถมาสด้าวิ่งอยู่บนถนนเมืองไทยกว่า 180,000 คัน โดยเฉพาะมาสด้า2 มียอดขายรวมสูงกว่า 110,000 คัน ตามมาด้วย มาสด้า3 จำนวนกว่า 30,000 คัน รถอเนกประสงค์มาสด้า CX-5 จำนวน 25,000 คัน และ CX-3 อีกจำนวน 15,000 คัน
ชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า นี่เป็นครั้งแรกของการจัดงาน MAZDA ASEAN DESIGN FORUM 2018 ซึ่งนับเป็นวาระสำคัญอย่างยิ่งต่อมาสด้าในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน ทั้งยังเป็นจุดเริ่มต้นการสร้างมิติใหม่ของวงการยานยนต์ในประเทศไทยที่บริษัทผู้ผลิตและพัฒนารถยนต์ ได้เปิดเผยข้อมูลเบื้องหลังและนวัตกรรมการออกแบบในรูปแบบที่ไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน
ซึ่งเป็นการถ่ายทอดความรู้ให้แก่บุคลากรในอุตสาหกรรมยานยนต์ให้มีความเข้าใจเรื่องปรัชญาการออกแบบของมาสด้ามากยิ่งขึ้น ด้วยทีมดีไซเนอร์ที่เดินทางมาจากประเทศญี่ปุ่น โดยเฉพาะการนำรถต้นแบบถึง 2 คัน มาเผยโฉมเป็นครั้งแรกในระดับอาเซียน รวมทั้งการถ่ายทอดศิลปะแบบญี่ปุ่น ให้ออกมาเป็นรูปธรรมเพื่อนำไปสู่การออกแบบรถยนต์รุ่นใหม่ของเราในอนาคตอันใกล้นี้
ฮิโรชิ อิโนอุเอะ เจ้าหน้าที่บริหารระดับสูง กำกับดูแลภูมิภาคเอเชีย&โอเชียเนีย และตลาดเกิดใหม่ มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น และประธานบริหาร มาสด้า เซ้าท์อีส เอเชีย กล่าวว่า ประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน คือตลาดหลักที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อมาสด้า เราจึงส่งเสริมการจัดงาน MAZDA ASEAN DESIGN FORUM 2018 เพื่อถ่ายทอดศิลปะการออกแบบรถยนต์แห่งอนาคตที่มีความสวยงาม โดยจัดให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางในการเชื่อมโยงสมาชิก
วันนี้มาสด้าพร้อมแล้วที่จะก้าวไปสู่รถยนต์ในเจเนอเรชั่นที่ 7 โดยเฉพาะรูปลักษณ์การออกแบบที่สะท้อนให้เห็นถึงสุนทรียศาสตร์แบบญี่ปุ่นที่มอบความเรียบหรูสง่างาม หรือ "MAZDA ELEGANCE" เผยให้เห็นทิศทางผ่านรถต้นแบบ 2 รุ่นใหม่ล่าสุด นั่นคือรถต้นแบบ "VISION COUPE" และ "RX-VISION" เพื่อแสดงถึงความงดงามในทุกขั้นตอนการสร้างสรรค์ผลงานจากธีม CAR AS ART มาสด้ามองว่ารถยนต์เปรียบเสมือนงานศิลปะ
ยาสึชิ นากามูตะ ผู้จัดการทั่วไป หน่วยงานการออกแบบ มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า เป้าหมายการออกแบบของพวกเราในครั้งนี้ คือการนำเอาเอกลักษณ์สไตล์เลิศหรูอันสง่างาม ซึ่งเป็นธีมเกี่ยวกับการออกแบบใหม่ของมาสด้าสำหรับรถยนต์ในเจเนอเรชั่นใหม่ หรือ 7th Generation ผนวกเข้ากับสุนทรียศาสตร์สไตล์ญี่ปุ่น ผลลัพธ์ที่ได้คือความสมดุลอย่างลงตัวและความสวยงามแบบไร้ขีดจำกัดที่ไม่มีสิ่งอื่นใดมากจนเกินไป โดยมีพื้นฐานมาจากวัฒนธรรมประเพณีของญี่ปุ่นที่มีแนวคิดอันเกิดจากความเรียบง่ายอย่าง “less is more” ซึ่งใจความสำคัญนั้นมาจากการลดทอน หรือนำองค์ประกอบบางอย่างที่ไม่จำเป็นออกไป เพื่อจะสร้างสรรค์ความสมบูรณ์บนพื้นที่อันว่างเปล่า
ย้อนหลังกลับไปเมื่อ พ.ศ. 2553 มาสด้าได้แนะนำการออกแบบใหม่อย่างเป็นทางการ ภายใต้ปรัชญา "โคโดะ ดีไซน์" Soul of Motion หรือจิตวิญญาณแห่งการเคลื่อนไหวอันงดงาม สำหรับชาวมาสด้าแล้วมองว่ารถยนต์นั้นเป็นมากกว่ายานพาหนะ หรือเป็นเพียงชิ้นส่วนของเหล็กกล้าที่เคลื่อนที่ได้เท่านั้น หากแต่เป็นสิ่งสำคัญคือ การบ่งบอกถึงเอกลักษณ์ตัวตนของบุคคล ดังเช่น เพื่อน หรือบุคคลในครอบครัว และนี่คือเหตุผลสำคัญที่เรากล้าที่จะนำเอา โคโดะ ดีไซน์ มาเป็นปรัชญาในการออกแบบ เพื่อรวมทุกลมหายใจของสรรพสิ่งที่มีชีวิตที่กำลังก่อร่างเป็นรูปแบบของรถยนต์
มาสด้าได้ดึงเอาพลังที่ค้นพบแบบเฟรมต่อเฟรมมาหลอมรวมเข้ากับแนวความคิดสร้างสรรค์จากสิ่งมีชีวิตที่กำลังเคลื่อนไหว และซึมซับพลังและจังหวะเพื่อผนวกรวมเป็นยานพาหนะ การสร้างสรรค์รถยนต์โดยอาศัยพลังของความมีชีวิตชีวาทำให้รถยนต์นั้นมีชีวิตอย่างแท้จริง นี่คือปรัชญาของเราที่ได้รวมวิสัยทัศน์และความตั้งใจที่จะพัฒนายานยนต์ไปสู่อนาคต ด้วยวัฒนธรรมที่สืบทอดต่อๆ กันมา
ปรัชญาการออกแบบ โคโดะ ดีไซน์ นอกจากจะนำมาใช้กับรถยนต์แล้ว ช่างฝีมือผู้เชี่ยวชาญยังนำเอาปรัชญานี้มาประยุกต์ใช้สำหรับการสร้างสรรค์ผลงานทางศิลปะชิ้นต่างๆ ได้อย่างลงตัว ซึ่งงานในครั้งนี้ ทางมาสด้า เซลส์ ประเทศไทย ได้นำเอาผลงานศิลปะเหล่านี้มาจัดแสดงอีกด้วย ได้แก่ จักรยาน โซฟา เครื่องทองแดงซุยกิ น้ำหอม Soul of Motion และศิลปะจากเปลือกไข่
ซึ่งทั้งหมดนี้นับว่าเป็นศิลปะชั้นยอดที่ทีมออกแบบได้สร้างสรรค์ขึ้น ภายในงานยังได้รวบรวมเอารางวัลต่างๆ มากมายที่ได้รับกว่า 26 รางวัลมาจัดแสดง ซึ่งเป็นเครื่องการันตีถึงความสำเร็จอันงดงามของมาสด้าในการสร้างสรรค์ผลงานทางด้านการออกแบบรถยนต์ควบคู่กับงานด้านศิลปะ
“มาสด้ามีความมุ่งมั่นเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์มาสด้าในประเทศไทย ที่ผ่านมาการสื่อสารเรื่องการออกแบบภายใต้ โคโดะ ดีไซน์ นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมรถยนต์ของประเทศไทยอย่างมาก ถึงแม้ว่าเราจะไม่ใช่แบรนด์ขนาดใหญ่ แต่เราก็สร้างแบรนด์ให้ลูกค้ารู้สึกมีความภาคภูมิใจ หลายครั้งที่มาสด้าก้าวเดินไปข้างหน้า นั่นคือเราพร้อมที่จะเสนอสิ่งใหม่ให้เกิดขึ้นต่ออุตสาหกรรมรถยนต์
วันนี้ลูกค้าเห็นและสัมผัสถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น เรามีทิศทางที่ชัดเจนในการนำเสนอโปรดักซ์ ด้วยการวางตำแหน่งของสินค้าและกลุ่มเป้าหมายทางการตลาดที่แตกต่างและมีความชัดเจน เราพร้อมที่จะดำเนินกิจกรรมเชิงรุกอย่างเต็มที่ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้” ชาญชัย กล่าวเพิ่มเติม
สำหรับงาน "MAZDA ASEAN DESIGN FORUM 2018" นอกจากจะได้สัมผัสรถต้นแบบทั้ง 2 คันแล้ว มาสด้ายังจัดสรรพื้นที่ออกเป็น 5 ส่วน
นอกจากนี้ มาสด้ายังเอาใจสาวกสายพันธุ์สปอร์ตที่สนใจเข้าร่วมสัมผัสยานยนต์ต้นแบบ "มาสด้า วิชั่น คูเป้" (VISION COUPE) โดยสามารถแวะชมได้ที่งานมอเตอร์ เอ็กซ์โป ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน ถึง 10 ธันวาคม 2561 ณ อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพค เมืองทองธานี