โรงงานน้ำดื่มเนสท์เล่ รักษ์โลกอย่างยั่งยืน ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ผลิตไฟฟ้าเต็มพิกัด
08 Oct 2024

บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด ยังคงมุ่งมั่นในการใช้พลังงานสะอาดอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเปิดตัวโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ร่วมกับ กรีน เยลโล่ ผู้นำด้านการลงทุนและดำเนินงานพลังงานแสงอาทิตย์ ภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้า (Solar PPA) โครงการนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของเนสท์เล่ในการเสริมสร้างความยั่งยืน โดยได้ติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ขนาด 3.2 MWp ที่โรงงานผลิตน้ำดื่มในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นับเป็นโครงการโซลาร์เซลล์ที่ใหญ่ที่สุดของเนสท์เล่ในประเทศไทย แสดงถึงความตั้งใจของบริษัทในการลดการใช้พลังงานฟอสซิลและสร้างอนาคตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

 

การเปิดตัวโครงการนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของนวัตกรรมพลังงานแสงอาทิตย์ที่ล้ำสมัย ด้วยการติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ทั้งบนพื้นดินและบนอาคารจอดรถภายในโรงงาน แสดงถึงความยืดหยุ่นและประสิทธิภาพของเทคโนโลยีโซลาร์เซลล์ในปัจจุบัน ซึ่งเมื่อเสร็จสมบูรณ์แล้ว ระบบนี้จะสามารถผลิตพลังงานสะอาดได้ถึง 4.5 GWh ต่อปี ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากกว่า 2,000 ตันต่อปีตลอดระยะเวลา 20 ปี เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของทั้ง กรีน เยลโล่ และเนสท์เล่ ในการส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียนและการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

 

แฟรงค์ คลุค ซีอีโอของ กรีน เยลโล่ ในประเทศไทยและเอเชีย กล่าวในพิธีเปิดว่า

"เรามีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับเนสท์เล่ในการพัฒนาโครงการโซลาร์เซลล์นี้ ซึ่งไม่เพียงแต่แสดงให้เห็นถึงความทุ่มเทของเราในการนำพลังงานหมุนเวียนมาใช้ แต่ยังเป็นตัวอย่างที่ดีของความร่วมมือในการส่งเสริมความยั่งยืนในภูมิภาคนี้ กรีน เยลโล่ ในฐานะผู้นำด้านโซลูชันพลังงานสะอาด มุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงเพื่อโลกที่ยั่งยืน"

 

ในส่วนของเนสท์เล่ ฟิลิปป์ เกลาเซอร์ ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายเทคนิคและอุตสาหกรรมการผลิต เนสท์เล่ อินโดไชน่า ได้กล่าวเสริมว่า

"การร่วมมือกับ กรีน เยลโล่ ในครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการบรรลุเป้าหมายการใช้พลังงานทดแทน 100% ในโรงงานของเนสท์เล่ทั่วโลกภายในปี พ.ศ. 2568 นอกจากการนำพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้ในกระบวนการผลิตแล้ว เรายังดำเนินโครงการประหยัดพลังงานต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงประสิทธิภาพของเครื่องจักรและการออกแบบกระบวนการผลิต เพื่อให้สามารถลดการใช้พลังงานได้มากยิ่งขึ้น"

 

ความร่วมมือครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงการเชื่อมโยงระหว่างสององค์กรในการขับเคลื่อนการใช้พลังงานหมุนเวียน ซึ่งไม่เพียงแต่สอดคล้องกับเป้าหมายของเนสท์เล่ในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเท่านั้น แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของการสนับสนุนความยั่งยืนในระดับโลก

ซึ่งกรีน เยลโล่ ในฐานะผู้ให้บริการโซลูชันด้านพลังงานครบวงจร นับตั้งแต่การลงทุน การออกแบบ การติดตั้ง ไปจนถึงการบำรุงรักษา ยังคงมุ่งมั่นที่จะเดินหน้าสนับสนุนเป้าหมายการเป็นกลางทางคาร์บอนของประเทศไทยภายในปี  2593 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในปี 2608

 

 

ทั้งนี้ ในปี 2566 มูลค่าตลาดน้ำดื่มในประเทศไทยอยู่ที่ประมาณ 38,000 ล้านบาท โดยมีปริมาณการขายประมาณ 3,700 ล้านลิตร ซึ่งเติบโตขึ้น 9% จากปีที่ผ่านมา ในปี 2567 คาดว่าตลาดน้ำดื่มจะเติบโตต่อเนื่องที่ประมาณ 6.5%  และในปี 2566 น้ำดื่มเนสท์เล่มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 11.4% ทำให้เป็นหนึ่งในผู้เล่นหลักในตลาดน้ำดื่มของไทย โดยมีการแข่งขันสูงจากแบรนด์อื่นๆ เช่น น้ำดื่มสิงห์และน้ำดื่มคริสตัล ซึ่งมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 20% และ 18.6% ตามลำดับ

ส่วนปี 2567 คาดว่าตลาดน้ำดื่มจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยแบรนด์ต่างๆ จะต้องพัฒนากลยุทธ์เพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาดและตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น การเติบโตนี้สะท้อนให้เห็นถึงความนิยมในการบริโภคน้ำดื่มบรรจุขวดที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากผู้บริโภคมีความตระหนักเกี่ยวกับสุขภาพและคุณภาพน้ำมากขึ้น

 

สำหรับโรงงานพลังงานแสงอาทิตย์มีประโยชน์และความสำคัญในการผลิตกระแสไฟฟ้าหลายด้าน ดังนี้

1. พลังงานสะอาดและยั่งยืน พลังงานแสงอาทิตย์เป็นแหล่งพลังงานหมุนเวียนที่ไม่มีวันหมด และไม่ก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศหรือปล่อยก๊าซเรือนกระจก เป็นการลดการพึ่งพาพลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิล เช่น น้ำมัน ถ่านหิน และก๊าซธรรมชาติ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

2. ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ การใช้พลังงานแสงอาทิตย์ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ที่เกิดจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิลในกระบวนการผลิตไฟฟ้า การลด CO2 นี้ส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อมและช่วยบรรเทาปัญหาโลกร้อน

3. ลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน แม้การลงทุนติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์จะมีต้นทุนเริ่มต้นสูง แต่ในระยะยาวสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานได้ เนื่องจากแสงอาทิตย์เป็นแหล่งพลังงานฟรี เมื่อระบบโซลาร์เซลล์ถูกติดตั้งและใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ จะลดต้นทุนการผลิตไฟฟ้าอย่างมีนัยสำคัญ

4. เสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงาน การพึ่งพาพลังงานแสงอาทิตย์ในระดับท้องถิ่นช่วยลดการพึ่งพาพลังงานนำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งอาจมีความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาและความไม่แน่นอนของการจัดหา การผลิตไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานในประเทศช่วยเสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงานและลดความเสี่ยงจากปัญหาพลังงานขาดแคลน

5. การใช้พื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ โรงงานพลังงานแสงอาทิตย์สามารถติดตั้งได้ทั้งบนพื้นดินและบนหลังคาอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างอื่นๆ ซึ่งไม่จำเป็นต้องใช้พื้นที่ขนาดใหญ่เสมอไป ทำให้การใช้พื้นที่มีความยืดหยุ่นและเกิดประโยชน์สูงสุด

6. สร้างงานและโอกาสทางเศรษฐกิจ อุตสาหกรรมพลังงานแสงอาทิตย์สร้างโอกาสในการจ้างงานทั้งในด้านการออกแบบ การติดตั้ง การบำรุงรักษา และการพัฒนาเทคโนโลยีเกี่ยวกับพลังงานแสงอาทิตย์ เป็นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่นและระดับประเทศ

7. นวัตกรรมและเทคโนโลยีที่พัฒนา การติดตั้งโรงงานพลังงานแสงอาทิตย์ส่งเสริมการพัฒนาเทคโนโลยีที่ทันสมัย เช่น การพัฒนาประสิทธิภาพของเซลล์แสงอาทิตย์และระบบจัดเก็บพลังงาน รวมถึงการพัฒนาโซลูชั่นในการผสมผสานพลังงานจากแหล่งต่างๆ เพื่อสร้างความเสถียรในระบบไฟฟ้า

 

 

การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในด้านความยั่งยืนทางพลังงาน สิ่งแวดล้อม และเศรษฐกิจ นับเป็นทางเลือกที่สำคัญในการพัฒนาพลังงานอนาคตที่ปลอดภัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

ในส่วนกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทยพบว่า ในปี 2566 และ 2567 ประเทศไทยมีแนวโน้มที่จะเห็นการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยข้อมูลล่าสุดแสดงให้เห็นว่ากำลังการผลิตรวมของพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทยในปี 2566 อยู่ที่ประมาณ 3,000 เมกะวัตต์

สำหรับปี 2567 คาดว่ากำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์จะยังคงขยายตัว เนื่องจากมีแรงสนับสนุนจากตลาดที่ขายไฟให้ลูกค้าโดยตรง (Private PPA) และการใช้ไฟฟ้าตนเอง (Self consumption) การลดต้นทุนในการติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์และแบตเตอรี่ ESS (ระบบกักเก็บพลังงานที่ใช้แบตเตอรี่ทำหน้าที่เก็บพลังงานส่วนเกินจากระบบส่งไฟฟ้าในช่วงที่ความต้องการไฟฟ้าต่ำ เพื่อใช้ในช่วงที่ต้องการสูง ช่วยลดปัญหาความไม่สม่ำเสมอของการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน) ยังช่วยให้โครงการต่างๆ มีความเป็นไปได้มากขึ้น

 

 

โครงการสำคัญและการลงทุนที่น่าสนใจคือโรงไฟฟ้าแอล โซลาร์ เป็นโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยมีการผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ที่เริ่มต้นด้วยกำลังการผลิต 8 เมกะวัตต์ และคาดว่าจะมีการเปิดประมูลเฟส 2 สำหรับโครงการพลังงานหมุนเวียนที่มีขนาดประมาณ 2.6 GW ในปีนี้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มกำลังการผลิตจากพลังงานแสงอาทิตย์ได้อีกมาก

ส่วนเป้าหมายในอนาคต ตามแผนพัฒนาพลังงาน (PDP) ใหม่ มีเป้าหมายที่จะเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ให้สูงขึ้นอย่างมาก โดยคาดว่าจะมีสัดส่วนของพลังงานหมุนเวียนรวมถึงพลังงานแสงอาทิตย์ถึง 50% ของกำลังการผลิตทั้งหมดภายในปี 2570

นอกจากนี้ ภายในปี 2580 คาดว่ากำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์จะเพิ่มขึ้นมากกว่า 200% จากแผนดังกล่าว ซึ่งจะช่วยให้ประเทศไทยสามารถบรรลุเป้าหมายการเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2593 และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2608

 

ด้วยปัจจัยเหล่านี้ ประเทศไทยจึงอยู่ในเส้นทางที่ดีในการเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์และลดการพึ่งพาพลังงานจากฟอสซิลในอนาคต

 


#น้ำดื่มเนสท์เล่ #โรงงานสีเขียว #พลังงานแสงอาทิตย์ #กรีนเยลโล่

[อ่าน 2,198]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
กรุงศรี พร้อมเคียงข้างผู้ประกอบการ SME ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุแผ่นดินไหว
finbiz by ttb แนะ 5 เทรนด์การจ้างงานยุคใหม่ที่ตรงใจทั้งองค์กรและพนักงาน
มหาสงกรานต์ ไอคอนสยาม เริ่มแล้ว!!! ตระการตาขบวนแห่นางสงกรานต์ริมแม่น้ำเจ้าพระยา
จุดประกายแรงบันดาลใจทางการเงิน! เปิดตัวหนังสือ “PASSIVE INCOME” และ “กองทุนรวม 101X”
ผอ.ใหญ่ ดีป้า แนะไทยเดินหน้าหาตลาดใหม่ เตรียมการรับมือมาตรการภาษีทรัมป์
OR เติมเต็มความสุขช่วงสงกรานต์ ไม่ปรับขึ้นราคาน้ำมัน 6 วัน ที่ พีทีที สเตชั่น
MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved