สถาบันวิจัยความเป็นอยู่ฮาคูโฮโด อาเซียน (ประเทศไทย) หรือ Hakuhodo Institute of Life and Living ASEAN (THAILAND) เผยผลสำรวจการคาดการณ์พฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคในประเทศไทยประจำเดือนตุลาคม พ.ศ.2567 ว่า เดือนตุลาคมนี้เข้าช่วงเทศกาลกินเจ ชวนคนไทย อิ่มบุญ อิ่มใจ อิ่มเจ ต่างวัย ต่างGen ทำให้เทศกาลกินเจในปีนี้คึกคักกว่าที่เคย พบว่ากว่า 79% ของคนไทยสนใจเข้าร่วมเทศกาลกินเจ ซึ่งในแต่ละช่วงวัยก็มีมุมมองต่อกิจกรรมในช่วงเทศกาลกินเจที่ต่างกัน โดย Gen X มีแนวโน้มปฏิบัติตามขนบธรรมเนียมดั้งเดิม Gen Y ที่มองการกินเจเป็นหัวข้อการสนทนาในสังคมเพื่อแสดงถึงความเปิดกว้างต่อทัศนคติที่หลากหลาย ในขณะที่ Gen Z อยากจะเข้าร่วมการกินเจแบบที่เข้ากับไลฟ์สไตล์ของตัวเองได้แบบไร้รอยต่อ
เมื่อเทียบเคียงจากผลสำรวจฉบับประจำเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ดัชนีความต้องการใช้จ่ายโดยรวมในเดือนตุลาคมนี้เพิ่มขึ้น +1 โดยหลักๆ มีผลมาจากความต้องการในการจับจ่ายซื้ออาหารและของใช้จำเป็น เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ของทุกปี ด้วยเหตุผลนี้เองทำให้สร้างความกังวลและเพิ่มความเครียดให้กับสังคมเป็นอย่างมาก ทำให้คนไทยส่วนใหญ่เน้นใช้จ่ายเพื่อความจำเป็นของตัวเองและครอบครัว ยังไม่มองเรื่องการซื้อของใช้ฟุ่มเฟือยในขณะนี้
ด้วยสถานการ์ต่างๆ ที่สำคัญ ดวงแก้ว ไชยสุริวิรัตน์ รองผู้อำนวยการฝ่ายวางแผนกลยุทธ์ ได้ให้ข้อแนะนำกับแบรนด์และองค์กรต่างๆ เพื่อให้ปรับตัวไปพร้อมกับสถานการณ์ครั้งนี้ ไว้ 2 หัวข้อใหญ่ คือ
1. เจมุมใหม่ ตอบโจทย์คนทุกเจน
แบรนด์สามารถสร้างแคมเปญ customize เทศกาลเจ ไปตามความสนใจของแต่ละ Gen เพื่อสร้างแรงกระตุ้นให้คนไทยอยากเข้าร่วมเทศกาลนี้มากยิ่งขึ้น เช่น การจัดกิจกรรม “J-Mu tour” แพ็กเกจทำบุญและทานเจสำหรับ Gen X (traditional x new experience) หรือ “J-Healthy talk show” การจัดเวทีพูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเรื่องกินเจพร้อมนำเสนออาหารเจไปพร้อมกัน สำหรับ Gen Y (spark topic of conversation) และ Gen Z อาจเป็นการจัดงาน “Good for You Day” ผสมผสานความสนุกและความร่วมสมัยของเทศกาลให้เป็นเรื่องง่ายและเข้าถึงได้ในชีวิตประจำวัน
2. ส่งพลังบวก เพิ่มพลังใจ
ในช่วงเวลาที่บรรยากาศเต็มไปภาวะความเครียด ความกังวล และความกดดันของคนไทย ที่ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่ต่างๆ แนวทางการตลาดที่ธุรกิจหรือองค์กรควรดำเนินคือ กิจกรรมที่มุ้งเน้นการสนับสนุนทั้งทางจิตใจและทางปฏิบัติ เช่น การทำแคมเปญซื้อ 1 ส่งต่อ 1 เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ซึ่งกิจกรรมที่ยกตัวอย่างนี้ ไม่เพียงแต่จะช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์กับลูกค้าแต่ยังสร้างคุณค่าและพลังในเชิงบวกให้กับสังคมอีกด้วย
ในภาพรวมของคะแนนความต้องการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นมา +1 นั้น เมื่อเจาะจงแบ่งออกเป็นภูมิภาค ทำให้เห็นว่า ภาคเหนือ มีความต้องการใช้จ่ายมากขึ้นถึง +7 ซึ่งความต้องการใช้จ่ายที่มากขึ้นนี้เป็นผลมาจากการเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับเหตุการณ์น้ำท่วมและการจัดการผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ที่ส่งผลต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน คะแนนของแนวโน้มความต้องการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นนี้ ถือเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจของประเทศ แต่ไม่ว่าใครก็ไม่อยากให้เหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่นี้เกิดขึ้น เพราะเราต่างรู้ดีว่าจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อคนไทยมากเพียงใด
เมื่ออ้างอิงถึงเทศกาลกินเจในเดือนตุลาคมนี้ จากผลสำรวจที่พบว่า กว่า 79% ของคนไทยต้องการเข้าร่วมเทศกาลกินเจในปีนี้ ทำให้เกิดคำถามพิเศษขึ้นในผลสำรวจครั้งนี้คือ เทศกาลเจแบบไหนที่คุณอยากเข้าร่วม และในผลสำรวจครั้งนี้ได้จัดคำตอบ Top 5 ของผู้เข้าร่วมสำรวจทั้ง 3 Gen ออกมาได้ ดังนี้
ในท้ายที่สุดนี้ สถาบันวิจัยความเป็นอยู่ฮาคูโฮโด อาเซียน (ประเทศไทย) ได้สรุปความสนใจของคนไทยในช่วงนี้ออกมาว่า ‘สถานการณ์สำคัญในตอนนี้ เป็นเรื่องที่คนไทยทุกคนกำลังให้ความสนใจกันทั้งประเทศ คือ ข่าวสถานการณ์น้ำท่วม เป็นข่าวที่ได้รับการพูดถึงมากที่สุดในทุกวงสังคม รวมไปถึงกระแสของกระระดมความช่วยเหลือจากทุกภาคส่วนไม่ว่าจะเป็น ภาครัฐบาล ภาคเอกชน รวมไปถึงภาคประชาชน เหตุการณ์ครั้งนี้เองทำให้เราเห็นความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันและความมีน้ำใจ จิตใจเอื้อเฟื้ออารีที่คนไทยมีต่อกันในสังคม’