ก่อนจ้าง SEO Agency ทุกครั้ง ผู้ประกอบการ/บริษัทควรคำนึงถึงความคุ้มค่าและการได้รับผลตอบแทนในการลงทุน (ROI) ที่เหมาะสม เพื่อให้การลงเงินลงแรงไปนั้นประสบความสำเร็จ ซึ่งเทคนิคการจ้าง SEO Agency ให้มีประสิทธิภาพ มีเทคนิคง่ายๆ ดังต่อไปนี้
1. กำหนดเป้าหมายและตัวชี้วัดความสำเร็จที่ชัดเจน
อย่าทำ SEO หรือทำการตลาดโดยที่ไม่กำหนดเป้าหมายและ KPI ที่ชัดเจน เพราะจะทำให้การวัดผลมีประสิทธิภาพ และทำให้รู้ว่า การจ้าง SEO Agency มีความคุ้มค่าแค่ไหน ควรต่อสัญญาหรือเปล่า ซึ่งการกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนจะช่วยให้คุณสามารถวัดผลการทำงานของ SEO Agency ได้อย่างเป็นรูปธรรม และประเมิน ROI ได้แม่นยำมากขึ้น
ตัวอย่าง KPI เช่น
เพิ่มอันดับการค้นหาสำหรับคีย์เวิร์ดเป้าหมาย
เพิ่มปริมาณการเข้าชมเว็บไซต์จากการค้นหาแบบออร์แกนิก
เพิ่ม Conversion
เพิ่มยอดขายหรือรายได้จากช่องทางออนไลน์
2. ศึกษาและเข้าใจพื้นฐานของ SEO
แม้ว่าจะจ้าง SEO Agency มาดูแล แต่การมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับ SEO ก็เป็นประโยชน์ในการทำงานมากกว่า เพราะจะช่วยให้สื่อสารกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถเข้าใจกลยุทธ์และแผนงานที่ทาง SEO Agency นำเสนอ และสามารถประเมินประสิทธิภาพการทำงานได้อย่างเหมาะสม
ในเบื้องต้นแนะนำให้ศึกษาแนวคิดพื้นฐานเกี่ยวกับ On-page SEO, Off-page SEO, Technical SEO และ Local SEO เพื่อให้สามารถมีส่วนร่วมในการวางแผนและตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3. ตรวจสอบประวัติและผลงานของ Agency
ลองตรวจสอบประวัติและผลงานของ SEO Agency ที่สนใจ โดยเฉพาะลูกค้าในธุรกิจที่ใกล้เคียงกัน เพราะยิ่งมีความรู้และความเชี่ยวชาญมากเท่าไร ก็จะยิ่งเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานให้ได้มากเท่านั้น และมีแนวโน้มที่จะได้ผลลัพธ์ รวมถึงมี ROI ที่คุ้มค่ามากกว่า
4. ตรวจสอบแผนกลยุทธ์ที่ชัดเจน
SEO Agency มืออาชีพจะมีการทำงานที่เป็นระบบ และสามารถนำแผนการทำงานและกลยุทธ์ที่มีความชัดเจน สามารถแนะนำขั้นตอนและการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการวิเคราะห์และเลือกคีย์เวิร์ดเป้าหมาย การปรับปรุง On-Page SEO, กลยุทธ์การสร้างลิงก์และ Off-page SEO แนวทางการแก้ไขปัญหาทางเทคนิคของเว็บไซต์ ไปจนถึงวิธีการติดตามและรายงานผล ซึ่งจะทำให้เห็นกระบวนการทำงานอย่างละเอียด และสามารถติดตามงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
5. มีความโปร่งใสในการทำงานและการรายงานผล
อย่าเลือก SEO Agency ที่มีตัวเลขสวยหรู แต่ไม่เห็นผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม ให้เลือกเอเจนซีที่เปิดเผยผลที่โปร่งใส และมีการรายงานผลอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยต้องรายงานผลรายเดือน เพื่อตรวจสอบประสิทธิภาพของกลยุทธ์ที่ใช้ในการทำ SEO
6. เปรียบเทียบราคาและการบริการ
เราไม่ควรเลือก SEO Agency ที่ราคาเพียงอย่างเดียว แต่ให้พิจารณาที่ ROI เพราะเอเจนซีบางเจ้าราคาสูงกว่าก็จริง แต่ให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า สามารถช่วยขยายฐานลูกค้าและสร้างกำไรได้ในระยะยาว
นอกจากนี้ควรตรวจสอบค่าใช้จ่ายแฝงในการให้บริการก่อนที่จะเซ็นสัญญา เพื่อที่จะคำนวณค่าใช้จ่ายและเปรียบเทียบอย่างเหมาะสม
7. ตกลงเรื่องระยะเวลาสัญญาและเงื่อนไขการยกเลิก
การทำ SEO ไม่เหมือนกับการทำการตลาดออนไลน์แบบอื่น ๆ เพราะต้องใช้ระยะเวลาในการดำเนินการ แนะนำให้พิจารณาข้อเสนอระยะสั้น หรือทดลองใช้บริการ รวมถึงการคืนเงินหรือยกเลิกสัญญาหากได้ผลลัพธ์ไม่เป็นที่น่าพึงพอใจ
8. พัฒนาการสื่อสารที่ดีร่วมกัน
การทำงานกับ SEO Agency เป็นงานที่ทำในระยะยาว จึงควรกำหนดช่องทางการสื่อสาร มีการวางตัว Key Contact เพื่อที่จะมีการสื่อสารกันอย่างต่อเนื่องทั้งสองฝ่าย และนำไปสู่การได้ ROI ที่คุ้มค่ามากยิ่งขึ้น
9. ติดตามและประเมินผลอย่างสม่ำเสมอ
การติดตามและประเมินผลเป็นสิ่งสำคัญในการวัด ROI และปรับปรุงกลยุทธ์ แนะนำให้กำหนดช่วงเวลาในการประเมินผลที่ชัดเจน มีการเปรียบเทียบผลลัพธ์กับเป้าหมายและ KPI ที่ตั้งไว้ รวมถึงการวิเคราะห์ ROI โดยพิจารณาทั้งค่าใช้จ่ายและผลตอบแทนที่ได้รับ
การติดตามและประเมินผลอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้คุณสามารถปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ได้ทันท่วงที เพื่อให้ได้ ROI ที่ดีที่สุด
การจ้าง SEO Agency ให้ได้ค่า ROI ที่คุ้มค่าต้องอาศัยการวางแผนที่ดี การเลือก Agency ที่เหมาะสม และการบริหารจัดการความสัมพันธ์อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน ศึกษาพื้นฐาน SEO ตรวจสอบประวัติและผลงานของ Agency พิจารณาแผนการทำงานและความโปร่งใส เปรียบเทียบราคาและบริการ ตกลงเงื่อนไขสัญญาที่ยืดหยุ่น สร้างความสัมพันธ์ที่ดี และติดตามประเมินผลอย่างสม่ำเสมอ คุณจะสามารถเพิ่มโอกาสในการได้รับ ROI ที่คุ้มค่าจากการลงทุนใน SEO และสร้างความสำเร็จให้กับธุรกิจออนไลน์ของคุณในระยะยาว