ปัจจุบันการทำธุรกิจในยุคดิจิทัล จำเป็นต้องสร้างจุดเด่นและคุณค่าของแบรนด์สินค้าหรือบริการ เพื่อให้แบรนด์หรือธุรกิจนั้นมีความโดดเด่นกว่าคู่แข่งขันรายอื่นๆ ในตลาด ต้องมีการวางแผนงานและสร้างแคมเปญการตลาดต่างๆ เพื่อดึงดูดลูกค้าให้สนใจใช้สินค้าหรือบริการ

ซึ่งนอกจากองค์กรจะต้องมีการวางแผนงานด้านสินค้าหรือบริการแล้ว การสร้าง Personal Branding หรือการสร้างแบรนด์ส่วนบุคคลให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง ก็สามารถทำให้ผู้บริโภคหรือกลุ่มเป้าหมายรู้จักและสร้างความน่าเชื่อถือในสินค้าหรือบริการได้มากขึ้น ช่วยให้ธุรกิจมีความโดดเด่นและดึงดูดโอกาสใหม่ๆ ในการทำธุรกิจรวมถึงยังช่วยสร้างฐานกลุ่มผู้ติดตามในระยะยาวได้อีกด้วย

บทความ การตลาด 101 ฉบับนี้ จะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับ Personal Branding หรือการสร้างแบรนด์ส่วนบุคคลว่าคืออะไร และมีวิธีการสร้างอย่างไรบ้าง มาดูกันครับ

 Personal Branding หรือการสร้างแบรนด์ส่วนบุคคล คืออะไร 

Personal Branding หรือการสร้างแบรนด์หรือการสร้างภาพจำส่วนบุคคลโดยมุ่งให้กลุ่มเป้าหมายเกิดการรับรู้ในภาพลักษณ์ของบุคคลที่ต้องการสื่อออกไป โดยนำเสนอผ่านสื่อในรูปแบบต่างๆ เช่น การเล่าเรื่อง หรือการทำคอนเทนต์ ที่ทำให้เมื่อพูดถึงบุคคล ก็ทำให้นึกออกได้ทันทีว่านี้มีภาพลักษณ์อย่างไร มีแนวคิดอย่างไร เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและความไว้ใจให้กับแบรนด์ส่วนบุคคลนั้นๆ

5 วิธีการสร้าง Personal Branding ให้น่าสนใจ

1. รู้จักตัวตนของคุณเอง

ก่อนเริ่มลงมือสร้าง Personal Branding เราควรรู้จักตัวตนของเราเสียก่อน เราคือใคร ถนัดอะไร จุดแข็งและจุดอ่อนของเราคืออะไร เพราะ Personal Branding เป็นสิ่งที่บ่งบอกตัวตน บุคลิกภาพ ที่จะช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์และส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของบุคคลเชื่อมโยงไปถึงแบรนด์สินค้าหรือบริการขององค์กร

2. กำหนดจุดยืนและภาพลักษณ์ที่ชัดเจน

การสร้าง Personal Branding ควรกำหนดจุดยืนให้ชัดเจน เพื่อให้สามารถกำหนดทิศทางการสื่อสารและเป้าหมายได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งจุดยืนของคุณเองนั้นจะต้องเป็นประโยชน์กับกลุ่มเป้าหมายและผู้อื่นด้วย เช่น กำหนดจุดยืนว่าคุณคือใคร มีความถนัดเรื่องอะไร อยากทำอะไร เพื่ออะไร มีความพิเศษที่โดดเด่นไม่เหมือนใครซึ่งแตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ อย่างไร เป็นต้น นอกจากการกำหนดจุดยืนที่ชัดเจนแล้ว การแสดงออกของตัวบุคคลยังเป็นสิ่งที่สะท้อนความเป็นตัวตน ทำให้ Personal Branding มีความน่าสนใจและสามารถสร้างการจดจำได้ดียิ่งขึ้น

3. กำหนดกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย

เมื่อกำหนดจุดยืนและภาพลักษณ์ส่วนบุคคลแล้ว สิ่งที่ควรทำคือการกำหนดกลุ่มเป้าหมายของเราให้ชัดเจนว่าต้องการสื่อสารกับใคร ทำความเข้าใจพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายว่าเขาชอบอะไร ไม่ชอบอะไร ให้ความสำคัญกับอะไร ชอบคอนเทนต์รูปแบบไหน เพื่อทำเราสามารถสื่อสารได้ตรงจุด และช่วยเพิ่มการรับรู้และความใกล้ชิดในการทำ Personal Branding ของคุณกับกลุ่มเป้าหมายได้ดียิ่งขึ้น

4. เลือกช่องทางการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพและสร้างคอนเทนต์ที่น่าสนใจ

เมื่อเราเข้าใจพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายแล้ว ก็ต้องเลือกช่องทางการสื่อสารที่ตรงกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด ซึ่งในยุคดิจิทัลแบบสมัยนี้ การมีตัวตนบนโลกออนไลน์เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการสร้าง Personal Branding อาจจะใช้หลายแพลตฟอร์มก็ได้ขึ้นอยู่กับความเหมาะสม เพราะแต่ละแพลตฟอร์มมีจุดเด่นต่างกัน เช่น การเขียนบทความ หรือสร้าง Community ต่างๆ ใน Facebook เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้หลากหลาย หรือการทำคลิปสั้นใน Tiktok เพื่อดึงความสนใจแบบรวดเร็วและเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ หรือการสื่อสารโดยใช้ภาพไลฟ์สไตล์ต่างๆ ใน Instagram เป็นต้น 

นอกจากนี้ การสร้างคอนเทนต์ให้น่าสนใจก็เป็นอีกหนึ่งความสำคัญของการสร้าง Personal Branding เช่น การให้ทำคอนเทนต์ให้ความรู้แบ่งปันในเรื่องที่เรามีความเชี่ยวชาญจากประสบการณ์ของเราเอง หรือคอนเทนต์ในการสร้างแรงบันดาลใจ เพื่อสร้างคุณค่าและความน่าเชื่อถือกับกลุ่มเป้าหมาย เป็นต้น โดยคอนเทนต์นั้นควรมีการปรับเปลี่ยนอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้ทำให้ การสร้าง Personal Branding มีความน่าสนใจมากขึ้น

5. จริงใจกับกลุ่มลูกค้า

หัวใจสำคัญสำหรับการทำ Personal Branding คือ การมีความจริงใจกับกลุ่มลูกค้า เช่น เรื่องการสื่อสาร ภาพลักษณ์ หรืออื่นๆ ต้องมีความถูกต้องและชัดเจนในจุดยืนที่ต้องการจะสื่อสารออกไป เพราะ Personal Branding เป็นภาพสะท้อนตัวตนส่วนบุคคลนั่นเอง โดยสามารถทำได้ด้วยการมีความซื่อสัตย์ มีความใส่ใจ สื่อสารด้วยความจริงใจ ผสมผสานกับการแบ่งปันเรื่องราวผ่านสื่อในรูปแบบต่างๆ และทำทุกสิ่งให้สอดคล้องและเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับการสร้าง Personal Branding ก็จะทำให้สามารถสร้างคุณค่าและความน่าเชื่อถือเชื่อมโยงกับกลุ่มเป้าหมายได้ดียิ่งขึ้น 

 ตัวอย่างของการสร้าง Personal Branding ที่น่าสนใจ